4 เคล็ดลับ รักษาสิวให้หายขาด แถมไร้ปัญหาผิวตามมา

[BSL Clinic IT]

"สิว" คนส่วนใหญ่นับว่าเป็นการมูปออนแบบเป็นวงกลมอยู่เสมอๆ เพราะเวลาที่สิวเดิมจะหายไป สิวใหม่ก็มักกจะขึ้นตามมา ไม่ให้ผิวได้หยุดพัก แน่นอนว่ามันเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจ และไม่มั่นใจทุกครั้งหากใบหน้ามีสิว แต่รู้ไหมว่าปัญหานี้สามารถหมดไปจากผิวได้ในระยะยาว หากเราเข้าใจวิธีการดูแลที่เหมาะสม ถูกต้อง และตรงกับสาเหตุของสิวที่เป็นอยู่ วันนี้แอดมินจึงมาบอกเคล็ดไม่ลับที่จะทำให้ปัญหาสิวนั้นหมดไปได้ และยังช่วยให้ผิวปลอดภัยในระยะยาวอีกด้วย

ปัญหาผิวที่มักตามมาหลังสิวหายไป



รอยดำ รอยแดง ส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราบีบ กด แกะสิวเอง โดยจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบขึ้น ทำให้สีผิวบริเวณนั้นๆ เปลี่ยนไป มีความเข้มขึ้น รอยดำและรอยแดง สามารถจางหายเองได้ แต่อาจจะใช้เวลามากกว่า 6 เดือน หรือในบางคนอาจจะยาวนานกว่านั้น

หลุมสิว มักเกิดจากการที่ปล่อยสิวอุดตันให้เกิดการอักเสบ จนเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณนั้นถูกทำลาย ให้เป็นหลุมลึก โดยจะมีพังผืดขึงตึงผิวหนังบริเวณนั้นไว ไม่ให้เกิดการฟื้นตัวขึ้น หากเป็นหลุมแล้วจะไม่สามารถหายได้เอง ต้องใช้สารเติมเต็ม หรือเลเซอร์เข้าช่วย

หากไม่อยากให้เกิดปัญหาตามมาหลังจากที่สิวหายไป ก็ควรจัดการสิวให้ถูกวิธีง่ายๆ ได้ตามนี้เลย....

1. เคลียร์สิวอุดตันออกจากผิว

สิวชนิดนี้เป็นต้นเหตุของปัญหาผิวเลยก็ว่าได้ เพราะหากไม่ถูกกำจัดอย่างถูกวิธี วิธีการดูแลก็มีด้วยกันหลายวิธี เช่นการกดสิวออก แต่แนะนำว่าให้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญนะ ไม่งั้นจะยิ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบได้ หรือจะรักษาด้วยการทำเลเซอร์ที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดการอุดตันของผิว ก็จะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้นั้นเอง เมื่อสิวไม่เกิดการอุดตันแล้ว ผิวหน้าของเราก็จะไม่มีปัญหา รอยดำ รอยแดง หลุมสิว ตามมา

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว

ในปัจจุบันมีการรีวิวมากมายว่าใช้ตัวนี้ดีสิวไม่ขึ้น ใช้ตัวนั้นดีสิวไม่เห่อ จริงอยู่ว่าคนรีวิวนั้น สิวหายไปจริงๆ ก็อาจจะเป็นพเราะเขาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิว แต่ในบางตนที่ทำตาม ก็อาจจะไม่ได้ผลเหมือนที่รีวิวไว้ก็เป็นได้ เพราะยังไม่ตอบโจทย์ปัญหาสิวที่ตัวเองเป็น เพราะฉะนั้นหากต้องใช้อะไรทาลงบนผิวควรดูว่า "เราเป็นผิวแบบไหน เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ หรือไม่ และมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการอุดตันไหม"



หากเราใช้ผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องสำอางที่มีสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอุดตัน อาจจะยิ่งทำให้สิวไม่ได้หายไป แถมยังเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่จบไม่สิ้นเสียที รวมไปถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่เกิดการระคายเคือง ก็จะช่วยให้ผิวไม่เกิดการอักเสบ ไม่เกิดสิวในที่สุด รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผิวหน้า และมีความอ่อนโยนด้วยนะ

3. รักษาสิวจากสาเหตุของการเกิดสิว

สิ่งนี้ควรที่จะรู้ก่อนการรักษาปัญหาสิวเลย เพราะหากเราเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวอล้ว จะช่วยให้เราหาวิธีการรักษาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น โดย สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดสิวมีอยู่ 4 สาเหตุดังนี้

• รูขุมขน เพราะเซลล์ผิวหนังของเราจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ทุกๆ 28 วัน และจะมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกไปแทน แต่ในบางครั้งก็อาจจะหลุดออกไปไม่หมด จึงอาจจะทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้
• ต่อมไขมัน ในรูขุมขนจะมีต่อมไขมันซ่อนอยู่ หลักการทำงานของมันคือจะสร้างไขมันมาทำให้ผิวไม่แห้งเกินไป แต่ในบางกรณีอาจมีสิ่งมากระตุ้นต่อมไขมันให้สร้างออกมามากเกินกว่าปกติ จนเกิดการอุดตันมาเป็นสิวได้ในที่สุด
• แบคทีเรีย มีชื่อว่า C.acnes คือตัวที่จะไปย่อยไขมันที่อุดตันอยู่ ฟังดูก็ดีแล้วสิมันเข้าไปย่อยให้จะได้ไม่เกิดสิว แต่ในความเป็นจริง เจ้าแบคทีเรียนี้จะยิ่งไปกระตุ้นผิวให้เกิดการติดเชื้อ จนสิวเกิดการอักเสบในที่สุด
• ฮอร์โมน ก็เป็นอีกสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว โดยฮอร์โมนมักเกิดการแปรปรวนและไปกระตุ้นผิวให้เกิดสิวในอนาคต ส่วยใหญ่พบในเพศหญิงมากกว่า และมักพบในช่วงที่มีรอบเดือน โดยสิวจากฮอร์โมนมักจะขึ้นที่กรอบหน้า และคางอยู่เสมอ

4. พบแพทย์ผิวหนังก่อนการรักษา



หมอผิวหนังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แนะนำว่าหากมีปัญหาสิว ควรที่จะพบหมอจะดีที่สุด เพราะพวกเขาจะมีความเข้าใจถึงพื้นผิวของแต่ละคน สาเหตุของการเกิดสิวของคนไข้ ช่วยให้แนะนำวิธีการรักษาอย่างถูกต้องได้นั้นเอง หลักการดูแพทย์ผิวหนังนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถนำชื่อของแพทย์ที่เราสนใจเข้าไปค้นหาในเว็บของแพทย์สภาได้เลย ทางเว็บจะแจ้งข้อมูลการศึกษาของแพทย์ทั้งหมดไว้ในนั้นเรียบร้อย และที่สำคัญเลยคือประสบการณ์การรักษาปัญหาผิวเป็นอย่างไร เคสรีวิวได้ผลลัพธ์อย่างที่ใจหวังไหม เพียงเท่านี้ก็ช่วยตัดสินใจที่จะเข้ารับการรักษาได้แล้ว

หากยังกังวลใจเรื่องปัญหาสิว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bslclinic.co.th/acne-treatment/