ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ถุงยางรั่ว ถุงยางแตกทำไงดี? ป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัย

เริ่มโดย AllYouShouldKnow, 23:05 น. 28 ก.พ 65

AllYouShouldKnow

ถุงยางรั่ว ถุงยางแตกทำไงดี?

เราคงจะเคยได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนอกจากจะช่วยคุมกำเนิดได้แล้ว ยังจะช่วยป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากถุงยางแตก หรือถุงยางรั่ว ขึ้นมาก็อาจเกิดปัญหาตามมาได้ ในบทความนี้จะมาพูดถึงสาเหตุถึงถุงยางแตกเกิดจากอะไร ทำอย่างไรถุงยางถึงจะไม่แตก การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นหากถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ และการใช้ถุงยางอย่างไรให้ถูกวิธี

ถุงยางแตกเป็นแบบไหน เกิดจากอะไร

   ถุงยางแตก คือการฉีกขาดของถุงยางอนามัย ทำให้ถุงยางแตกนั้นไม่สามารถกักเก็บเชื้ออสุจิที่อยู่ภายในถุงยาง และรั่วเข้าสู่ช่องคลอดได้ ถุงยางแตกเป็นอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งจากการใช้งานที่ไม่ถูกวิธี และ/หรือคุณภาพของถุงยาง สาเหตุของถุงยางขาดมีหลายสาเหตุ ดังนี้
การเลือกไซส์ถุงยางผิดขนาด

เช่น ถุงยางที่ซื้อมาขนาดเล็กเกินไป
การใช้ถุงยางที่หมดอายุ หรือคุณภาพไม่ดี
การเก็บถุงยางอนามัยในที่มีแสงแดดส่องถึง หรือร้อนจนเกินไป ทำให้ถุงยางเสื่อมคุณภาพ
การใช้ถุงยางอนามัยแบบไม่มีสารหล่อลื่น ทำให้เกิดการเสียดสีขนาดมีเพศสัมพันธ์มากขึ้นจนเพิ่มโอกาสให้ถุงยางแตกได้
การใช้ของมีคมในการตัด แกะซองถุงยางอนามัย อาจตัดพลาดไปโดนถุงยางอนามัย ทำให้ถุงยางขาดได้
การใส่ถุงยางโดยไม่ถูกวิธี หรือสวมถุงยางผิดด้าน
หากเล็บยาวอาจไปเกี่ยวถุงยาง ทำให้ถุงยางรั่ว ถุงยางขาดได้
การใช้แรงกระแทกขณะมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกินไป

"ถุงยางแตกทําไงดี" ควรทำอะไรบ้างเมื่อถุงยางแตก รั่ว

   หากพบว่าถุงยางขาด ถุงยางแตกก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็ยังสามารถเปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ได้ แต่หากพบว่าถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วล่ะ ควรจะทำอย่างไรดี?
   สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตั้งสติก่อน ในบางคู่หลังรู้ตัวว่าถุงยางแตก ก็อาจสติแตกตามถุงยางไปด้วย ซึ่งไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ดังนั้นควรดึงสติก่อน แล้วควรแก้ไขปัญหาถุงยางแตกตามข้อปฏิบัติดังนี้
ให้ฝ่ายหญิงรีบเข้าห้องน้ำและปัสสาวะออกเพื่อขับอสุจิที่อยู่ใกล้ท่อปัสสาวะออกให้มากที่สุด ขณะเดียวกันให้ขมิบกล้ามเนื้อช่องคลอดตลอดขณะปัสสาวะ เพื่อไม่ให้เชื้ออสุจิเข้าใกล้ช่องคลอดไปมากกว่านี้
ให้ใช้น้ำราดทำความสะอาดบริเวณช่องคลอด เพื่อล้างคราบอสุจิ และเชื้อโรคอื่น ๆ ออกไป ห้ามฉีดน้ำเข้าไปในช่องคลอดเด็ดขาด เนื่องจากเชื้ออสุจิ และ/หรือเชื้อโรคอื่น ๆ จะยิ่งเข้าไปในช่องคลอดมากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ และ/หรือการติดเชื้อได้

อย่างไรก็ตามเชื้ออสุจิก็มีโอกาสอาจเล็ดลอดเข้าสู่ช่องคลอด และเกิดการปฏิสนธิกับไข่ได้จนเกิดการตั้งครรภ์ ดังนั้นควรรีบซื้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมารับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังพบว่าถุงยางแตก ซึ่งจำเป็นต้องรับประทานต่อเนื่องจนครบโดสที่กำหนด และเพื่อความปลอดภัยควรเข้ารับการตรวจภายใน ภายใน 14 วันหลังวันที่ถุงยางแตก หรืออาจเข้ารับการตรวจเชื้อ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ หากคู่นอนที่เรามีเพศสัมพันธ์ดูแล้วไม่ปลอดภัย
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากถุงยางแตก ขาด
   
โดยปกติแล้วการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักที่เรารู้จักดี และไม่ได้ซีเรียสกับการคุมกำเนิดมากนัก การที่ถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์อาจไม่ได้เป็นอันตรายมาก แต่ในผู้ที่ไม่มีความพร้อมการตั้งครรภ์ หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ได้รู้จักกันอย่างดี การที่ถุงยางแตก ขาดขณะมีเพศสัมพันธ์นับว่าเป็นอันตรายทั้งกับตนเอง และกับคู่นอน ดังนั้นหากรู้ตัวว่าถุงยางแตก ขาดขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดกิจกรรมและรีบทำความสะอาดอวัยวะเพศทันที หากยังต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อก็สามารถเปลี่ยนถุงยางและทำกิจกรรมต่อได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถุงยางแตก การป้องกันก็จะไม่มีผลทันที ซึ่งอาจส่งผลแก่ร่างกายตามหลังมาได้
   
สำหรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากถุงยางแตก สามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ
ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
เพราะถุงยางคอยทำหน้าที่ไม่ให้การหลั่งอสุจิของฝ่ายชายเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง เมื่อถุงยางแตก การป้องกันจุดนี้ก็จะไม่มีผลทันที อสุจิอาจเล็ดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ในรังไข่ของฝ่ายหญิง และเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมได้ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่กับทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายในด้านร่างกายและจิตใจด้วย
อันตรายต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
   ถุงยางมีหน้าที่นอกจากป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย เนื่องจากอวัยวะเพศของทั้งสองฝ่ายไม่ได้สัมผัสกันโดยตรง แต่หากเกิดอุบัติเหตุ ถุงยางแตกขึ้นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดยในน้ำหล่อลื่น หรือเชื้ออสุจิจะเข้ามาสัมผัสกับอวัยวะเพศของอีกฝ่ายโดยตรงได้ทันที หากคู่นอนเป็นโรคที่ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะ HIV หนองใน ซิฟิลิส หรือในบางรายมีอาการแพ้อสุจิหรือน้ำหล่อลื่น ซึ่งทำให้อวัยวะเพศระคายเคือง บวมแดง ตกขาว หรือเป็นแผลขึ้นมาได้

วิธีการเลือก และใช้ถุงยางให้ปลอดภัย ไม่ให้ถุงยางแตก

   "ถุงยางแตกทำไง" เพื่อที่จะไม่ต้องถามคำถามนี้ เราจึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาโดยการใช้ถุงยางอย่างถูกวิธี โดยสามารถศึกษาถึงวิธีใช้ถุงยางอนามัยได้โดยอ่านรายละเอียดจากกล่องถุงยางอนามัย หรือลองศึกษาจากอินเทอร์เน็ต Youtube ก็มีสอนการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีเช่นกัน แต่เราจะมาสรุปถึงการเลือกถุงยางอย่างไรให้ปลอดภัย มีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่กลัวถุงยางแตกกัน
ใช้ถุงยางอนามัยที่ขนาดเหมาะสมกับตนเอง
ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยในที่ที่อุณหภูมิสูงกว่า 37 องศาเซลเซียล หรือต่ำกว่า 3 องศาเซลเซียส เนื่องจากมีผลต่อการเสื่อมสภาพของถุงยางอนามัย
ไม่ควรซื้อถุงยางอนามัยมาเก็บไว้นาน ๆ และไม่ควรซื้อถุงยางอนามัยที่ใกล้หมดอายุ ดังนั้นควรเช็ควันหมดอายุของถุงยางอนามัยก่อนซื้อทุกครั้ง เพราะถุงยางอนามัยที่หมดอายุแล้วตัวยางอาจเสื่อมสภาพ หากนำไปใช้อาจทำให้ถุงยางแตกได้
ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าเงิน หรือในกระเป๋าที่มีของเยอะ เนื่องจากถุงยางอนามัยอาจงอ หรือสิ่งของในกระเป๋าอาจไปเจาะ กดทับ  หรืออาจเกิดอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม เสี่ยงต่อการเกิดถุงยางแตกได้
การแกะ หรือตัดบรรจุภัณฑ์ถุงยางอนามัยด้วยของมีคม เช่น กรรไกร มีด เครื่องมือเหล่านี้อาจไปตัดโดนถุงยางอนามัยโดยที่ไม่รู้ตัว ทำให้ถุงยางรั่ว ถุงยางแตกได้ ดังนั้นควรใช้มือในการแกะ ฉีกถุงยางอนามัย จะปลอดภัยที่สุด
ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยซ้ำ เมื่อทำกิจกรรมเสร็จควรทิ้งเลย หากต้องการทำกิจกรรมต่อควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ เนื่องจากถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วจะไม่มีสารหล่อลื่นที่เพียงพอ เสี่ยงต่อการเสียดสีจนถุงยางแตกได้
ควรใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี ให้ใส่โดยใช้มือหนึ่งจับปลายถุงยาง และอีกมือค่อย ๆ รูดถุงยางอนามัยโดยไม่ให้มีอากาศอยู่ภายในจนถึงฐานอวัยวะเพศชาย
การใช้สารหล่อลื่นเพิ่มเติม ไม่ควรใช่สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันอาจไปทำให้ถุงยางเสียสภาพ จนเกิดถุงยางขาดได้
ในบางคนกลัวถุงยางแตก เลยอยากจะใส่ถุงยางซ้อนกันเพื่อความปลอดภัย แต่การใส่ถุงยางอนามัยที่มีขนาดเหมาะสมเพียงชิ้นเดียวก็สามารถป้องกันได้ หากใส่ถุงยางอนามัยมากกว่า 1 ชิ้นอาจทำให้ถุงยางแน่นเกินไป หรือเสียดสีเกินไป เป็นการเพิ่มโอกาสถุงยางแตกมากขึ้น
สรุป
   การมีเพศสัมพันธ์ควรจะป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์และการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยนับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถป้องกันอันตรายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ไม่เว้นแต่การมีเพศสัมพันธ์ อย่างถุงยางแตก อาจเกิดได้จากการเลือกใช้ถุงยางที่ไม่เหมาะสม หรือเสื่อมคุณภาพ หรือประมาทเลินเล่อจนทำให้ถุงยางขาด ดังนั้นควรเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่เหมาะสม ศึกษาถึงวิธีใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น