ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

การดูแลเด็กผ่าคลอดให้แข็งแรงได้ไร้กังวล

เริ่มโดย nemophilanie, 00:20 น. 28 มี.ค 65

nemophilanie

   หลายคนอาจเคยทราบมาบ้างว่าเด็กที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาตินั้นจะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าเด็กผ่าคลอด ทำให้คุณแม่ที่จำเป็นต้องใช้วิธีผ่าคลอดนั้นกังวลตามข้อมูลที่ได้รับมา เราอาจเปลี่ยนมุมมองได้ว่าการผ่าคลอดก็เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณแม่คลอดลูกได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่อาจมีรายละเอียดในการดูแลลูกของเราหลังจากการผ่าคลอดแตกต่างไปจากเด็กคลอดธรรมชาติบ้าง เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลเด็กผ่าคลอดมาขอแบ่งปันกัน เพื่อให้ว่าที่คุณแม่เตรียมตัวดูแลสมาชิกใหม่ของครอบครัวอย่างถูกต้อง
ทำความเข้าใจเรื่องการผ่าคลอด
   แพทย์ผู้ทำคลอดจะเป็นผู้พิจารณาว่าควรผ่าคลอดหรือไม่ มีความเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งมีหลายเหตุผล เช่น ทารกในครรภ์ไม่กลับหัว อุ้งเชิงกรานของคุณแม่แคบ มีความเสี่ยงจากการผ่าคลอดในครรภ์แรกมาก่อน เป็นต้น นอกจากจะกำหนดเวลาคลอดได้และไม่มีความเจ็บปวดระหว่างคลอดเพราะมีการวางยาสลบแล้ว ยังมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพียงแต่ต้องให้ความใส่ใจดูแลแผลหลังผ่าคลอดเป็นพิเศษ อีกทั้งเมื่อเด็กผ่าคลอดแล้วเขาจะไม่สามารถดื่มนมแม่หลังคลอดได้ทันที และอาจมีอาการป่วยง่ายกว่าเด็กคลอดธรรมชาติเพราะไม่ได้รับจุลินทรีย์ที่ดีจากช่องคลอดของคุณแม่ การดูแลเด็กหลังคลอดจึงสำคัญ
สร้างสายใยผูกพันหลังคลอด
   หลังผ่าคลอดแล้วคุณหมอมักจะวางลูกไว้ที่หน้าอกคุณแม่ก่อนพาไปที่ห้องปรับอุณหภูมิ หรืออาจจะให้คุณพ่อเป็นคนเข้าไปอุ้มเด็กก่อน เพราะการสร้างความผูกพันทางร่างกายหลังคลอดจะช่วยกระตุ้นให้คุณแม่มีน้ำนมออกมาเพียงพอ ดังนั้น เมื่อเด็กผ่าคลอดแล้วคุณแม่รู้สึกตัวเมื่อไรให้โอบอุ้มลูกน้อยเพื่อสร้างสายใยความสัมพันธ์ทันที นอกจากนี้ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เด็กควรได้รับนมแม่ 6-8 ครั้ง จึงควรให้ลูกเข้าเต้าเมื่อมีโอกาส
เน้นเสริมภูมิคุ้มกันด้วยน้ำนมแม่
   มีการวิจัยว่า เด็กผ่าคลอดมีความเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้และเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าเด็กคลอดธรรมชาติถึง 30% คุณแม่จึงควรเน้นให้เขาดื่มน้ำนมแม่เป็นพิเศษ เพราะน้ำนมแม่หลังคลอดจะเป็นน้ำนมเหลืองซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายของทารกหลังคลอดมากมาย ทั้งจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการและร่างกายของเด็ก โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ Bifidobacterium lactis (B. lactis) และสารอาหารอีกกว่า 200 ชนิด ทำให้ทารกที่ได้รับนมแม่หลังคลอดจะมีสุขภาพแข็งแรงกว่า และมีภูมิคุ้มกันดีกว่าทารกที่ไม่ได้ดื่มนมแม่ ดังนั้น เมื่อเด็กผ่าคลอดแล้วจึงควรให้เขาดื่มนมแม่เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยหลังจาก 3-5 วันนมแม่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาวและมีปริมาณมากขึ้นเอง
   นอกจากการดูแลสภาพร่างกายของคุณแม่แล้ว สภาวะทางจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน คุณแม่ที่ต้องดูแลเด็กผ่าคลอดควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด เพื่อไม่ให้ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการไหลของน้ำนมได้ คุณแม่จะได้มีเวลาให้นมลูกและใช้ช่วงเวลานี้สร้างความสัมพันธ์ต่อกันและกันได้อย่างเต็มที่นั่นเอง