อยากระบายเกี่ยวกับหมอ รพ.หาดใหญ่ คลีนิคผู้สูงอายุ

[หมออาวุโส]

เท่าที่ได้อ่านกระทู้ สรุปคือ เป็นที่ตัวหมอบางคน ที่กระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้... มันไม่ได้เป็นที่ระบบ ต่อให้ย้ายอยู่ไป รพ.เอกชน แต่ยังมีนิสัยแบบนี้ ผมว่านะมันไม่ต่างกันหรอก ...ผมเสียใจที่มีคนคิดแบบนี้ 

[สมๆๆๆๆๆ]

ที่ มอ ก็มี โจร เหมือน รพ.หาดใหญ่ เอามาจากhttp://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/Mainboard.php เพื่อ เตือนกัน

จับได้แล้วขโมยตัวแสบ

   วันนี้เวลาบ่ายโมงกว่าบริเวณหน้า OPD สังเกตุเห้นบริเวณโต๊ะรปภมีเจ้าหน้าที่เยอะผิดปกติ และยังมีหญิงสาว......นั่งร้องไห้อยู่ ก็นึกสงสัยเลยเดินไปถาม ร.ป.ภ ดูได้ความว่า

หญิงสาว....(ซึ่งรู้เพราะมีผ้าโพกหัวอยู่)ที่นั่งร้องไห้เป็นขโมยตัวแสบที่แฝงมากับผู้ใช้บริการที่ใช้ห้องละหมาดชั้น2ตีกพยาธิตรงหน้าห้องบริจาคเลือด

ถือโอกาสตอนผุ้มาใช้บริการที่เป็นผู้หญิงจะปฏิบัติศาสนกิจของ...... ที่ต้องเปลี่ยนชุดเพื่อทำกิจ

ขโมยตัวแสบได้ฉ่วยโอกาสตอนทำกิจเข้าไปแฝงแล้วเอากระเป๋าซึ่งมีทรัพย์สินที่เก็บไว้ในกระเป๋า หิ้วออกไปทั้งกระเป๋า โดยมีผู้ชายอีก1คน (เพื่อนร่วมอาชีพ) นั่งรอข้างนอกคอยเป้นคนเอากระเป๋าจากโจรสาวออกไปปลดทรัพย์แล้วทิ้งกระเป๋านั้นเสีย

แต่ดีว่ามีเจ้าหน้าที่ รปภ นอกเครื่องแบบ(มีด้วยหรือ!!)จับตาดูพฤติกรรมอยู่แล้วบริเวณนั้นจับได้คาหนังคาเขา
แต่ตัวโจรผู้ชายได้หลบหนีไปได้ จึงนำโจรสาว (ท้องอ่อนด้วย)และเจ้าของกระเป๋าที่ถูกขโมยโจรสาวสาระภาพหมด

จึงนำตัวมาสอบสวนและนำส่งตำรวจเพื่อจะตามจับเพื่อนร่วมขบวนการอีก1 คนผู้ชายเห็นว่าได้ขึ้นรถหลบหนีไปแล้ว .....ประวัติเรื่องนี้ทุกคนเคยรู้เรื่องขโมยทีอยู่บริเวณห้อง....มาบ้างแล้วหรือไม่เคยรู้ ว่า2ขโมยผัวเมียแสบนี้ได้ก่อคดีลักษณะนี้ในโรงพยาบาลเรานี้มาแล้วที่มาแจ้งรปภ ไม่ตำกว่า5-6ราย

เฉพาะในปีนี้น่ะ...ย้ำปีนี้มูลค้าทรัพย์สินที่ได้ไม่ต่ำกว่า2-3หมื่นบาท แต่เมื่อปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า6รายมูลค้าไม่ต่ำกว่า1แสนบาทที่ได้ไป

เพราะขบวนการนี้มีโจรผู้ชายเป้นคนดูเหยื่อที่เป็น....ผู้หญิงที่แต่งตัวดีมีทองเยอะๆ (เหมือนตู้ทองเคลื่อนที่) แล้วให้นางโจรหญิงประกบทำงาน... (ที่มูลค้าทรัพย์สินมากเพราะเหยื่อส่วนใหญ่จะเตรียมเงินมาจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยส่วนหนึ่งด้วย)...

โจรสาวยังบอกอีกว่าเคยโดนจับเมื่อปีที่แล้วแต่เป็นที่อื่นอยู่ในช่วงประกันตัวสู้คดี แต่กลับมาทำอีกเพราะรายได้ดี(ดีจริงๆด้วย...อิอิอิ) ปิดฉากโจรขโมยกระเป๋าห้อง.....

แต่ไม่สนิทเพราะเหลืออีกหนึ่งได้ส่วนโจรสาวต้องไปกลับใจในคุกคราวนี้จะกลับใจได้ป่าวเนี่ย...ต้องกดไลท์ให้รปภเลย..ต้องอย่างนี้สิ! ใครรู้จักเจ้าทุกข์ไปดูตัวได้ที่ สภ.คอหงส์ได้น่ะ8888888888

Posted by : saragoza , Date : 2012-04-27 , Time : 20:40:55 , From IP : 118.173.149.105.adsl.dynamic.totbb.net

[ขุนศึก]

เท่าที่ได้อ่านกระทู้ สรุปคือ เป็นที่ตัวหมอบางคน ที่กระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้... มันไม่ได้เป็นที่ระบบ ต่อให้ย้ายอยู่ไป รพ.เอกชน แต่ยังมีนิสัยแบบนี้ ผมว่านะมันไม่ต่างกันหรอก ...ผมเสียใจที่มีคนคิดแบบนี้ 

น่าสนใจครับท่านหมออาวุโส "กระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้" เห็นด้วยครับหากหมอคนนั้นมีนิสัยหรือพฤติกรรมแบบนั้น ถึงแม้ย้ายไปอยู่รพ.เอกชน ผมเชื่อว่าเค้าก็ไม่รับครับ ด้วยมาตรฐานด้านการบริการที่รพ.เอกชนสูงกว่ารพ.ของรัฐอยู่มาก แม้แต่ออกไปทำคลีนิคส่วนตัวผมก็เชื่อว่าหากหมอคนนั้นยังมีพฤติกรรมแบบนี้คลีนิคก็จะไม่มีคนมารักษา

คำถามที่น่าสนใจจึงอยู่ที่ว่า หมอที่ทำมีพฤติกรรมการแสดงออกต่อคนไข้แบบนี้ หากเค้าไปอยู่รพ.เอกชนหรือเปิดคลีนิคส่วนตัวเค้าจะ "กระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้" หรือไม่ หรือที่เค้าเป็นและทำอยู่ตอนนี้เพราะที่นั่นคือรพ.รัฐ คนไข้ที่มารักษาไม่มีทางเลือกมากนัก หมอเองจึงนำความเครียดจากการทำงานหรือปัญหาส่วนตัวมาระบายกับคนไข้หรือเปล่าครับ

[ซุ้มจุฑาพิทักษ์]

เท่าที่ได้อ่านกระทู้ สรุปคือ เป็นที่ตัวหมอบางคน ที่กระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้... มันไม่ได้เป็นที่ระบบ ต่อให้ย้ายอยู่ไป รพ.เอกชน แต่ยังมีนิสัยแบบนี้ ผมว่านะมันไม่ต่างกันหรอก ...ผมเสียใจที่มีคนคิดแบบนี้ 

ใช่ครับ ที่กระผมตั้งกระทู้นี่เพราะ อยากจะสื่อถึง การกระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้ ของหมอบางท่าน! แบบที่ท่านกล่าวถูกทุกอย่าง 

[อ้น544]

เท่าที่ได้อ่านกระทู้ สรุปคือ เป็นที่ตัวหมอบางคน ที่กระทำกริยา มารยาทที่ไม่ดี ต่อคนไข้... มันไม่ได้เป็นที่ระบบ ต่อให้ย้ายอยู่ไป รพ.เอกชน แต่ยังมีนิสัยแบบนี้ ผมว่านะมันไม่ต่างกันหรอก ...ผมเสียใจที่มีคนคิดแบบนี้ 

ค่ะทุกๆวันนี้อยู่ที่คลองแห ก็ไปใช้บริการที่โรงบาลหาดใหญ่ค่ะ หรือ อนามัยใกล้บ้าน
เพราะมันเป็นที่ตัวบุคคลไม่ใช้เป็นความผิดของโรงพยาบาล

[v-v]

อ่านมาจาก เวบ ของ รพ.มอ. http://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=19056

เเล้ว รพ.หาดใหญ่ จะไม่ยิ่งเเย่ไปกว่านี้ หรือ

"DRG version 5″ หวั่นหายนะสาธารณสุขไทย

27 เมษายน 2012

หมอไท ทำดี

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2555 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้ออกประกาศแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต่างๆที่ทำสัญญากับทุกกองทุน

ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคมและข้าราชการ(กรมบัญชีกลาง)ให้ใช้ DRG version 5
ซึ่งประกาศดังกล่าวไม่ได้มีการหารือกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด
จึงทำให้โรงพยาบาลต่างๆมีการหารือกันเพื่อเสนอให้คณะกรรมการสปสช.ระงับการใช้ DRG version5
เพราะเกรงว่านโยบายนี้จะทำให้โรงพยาบาลรัฐที่มีปัญหาการขาดทุนมากยิ่งขึ้น

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า DRG มาแล้วจากทางสื่อต่างๆ และเห็นการปะทะคารมระหว่างนักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขบางคนกับผู้บริหารของสำนักงานประกันสังคมเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วหลายรอบ

อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่คงยังงงๆ ว่า DRG คืออะไร
แล้วการจ่ายเงินตาม RW ที่ว่า 10,500 บาท กับ 15,000 บาทในกรณีฉุกเฉินคืออะไรกันแน่

ทำไมนักวิชาการผู้นั้นถึงให้ความเห็นว่า สำนักงานประกันสังคมไม่ควรจ่ายเงินถึง RW ละ 15,000
ควรจ่ายน้อยกว่านี้โดยอ้างเหตุผลว่า สปสช. และกรมบัญชีกลางจ่ายแค่ RW ละ 9,000 และ 12,000 บาทตามลำดับ

DRG คืออะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับ RW, Base Rate และการเรียกเงินคืนจากกองทุนต่าง ๆ ของโรงพยาบาล

[v-v]

DRG มาจากคำว่า Diagnostic related group หรือกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม

คือระบบการแบ่งกลุ่มผู้ป่วยในอย่างหนึ่ง (Patient Classification System)
ที่อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับโรคหลัก โรคร่วม และภาวะแทรกซ้อนไม่มากนัก มาจัดกลุ่มผู้ป่วยเพื่อบอกว่า
ผู้ป่วยในกลุ่มเดียวกันจะใช้เวลานอนในโรงพยาบาลใกล้เคียงกัน และสิ้นเปลืองค่ารักษาหรือทรัพยากรใกล้เคียงกัน

RW มาจากคำว่า Relative Weight หรือน้ำหนักสัมพัทธ์

หมายถึง ค่าเฉลี่ยของการใช้ทรัพยากรในการรักษาผู้ป่วยตาม DRG นั้น เป็นการเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยของการรักษาผู้ป่วยทั้งหมด

ส่วน Base Rate ก็คือ จำนวนเงินที่จ่ายต่อหนึ่งหน่วย
adjRW หรือน้ำหนักสัมพัทธ์ที่ปรับค่าตามวันนอนโรงพยาบาลแล้ว
เช่น

ปี 2555 สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติจ่าย 9,000 บาท กรมบัญชีกลางจ่าย 12,000 บาท และสำนักงานประกันสังคมจ่าย RW<2 ที่สำนักงานประกันสังคมมองว่าเป็นโรคไม่ร้ายแรงประมาณ 3,500 บาท และ RW>2 ที่สำนักงานประกันสังคมมองว่าเป็นโรคร้ายแรง 15,000 บาท

และก่อนปี 2555 นั้น กองทุนประกันสังคมจ่ายอัตราเดียวประมาณ 3,500 บาท จนทำให้เกิดปัญหาโรงพยาบาลขนาดเล็กไม่ยอมส่งต่อผู้ป่วยโรคร้ายแรงไปรักษายังโรงพยาบาลใหญ่มาแล้ว

นอกจากนี้ การจ่ายเงินตาม DRG ยังเท่ากับเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพโดยรวมไปในตัวด้วย
ทั้งนี้เพราะการจ่ายเงินตาม DRG จะทำให้ผู้ให้บริการคำนึงถึงต้นทุนและรายได้ในการตัดสินใจทำหัตถการต่างๆ อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น มิเช่นนั้นแล้ว ภาวะขาดทุนจะเกิดกับผู้ให้บริการเอง

เช่น ผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลด้วยโรคท้องเสีย มีค่า adjRW อยู่ที่ 0.21 เท่านั้น
หากผู้ป่วยไม่มีโรคร่วมหรือโรคแทรกซ้อนอื่นๆ รายได้ของสถานพยาบาลที่ สปสช. กรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคมจ่ายคืนให้กับสถานพยาบาลจะเท่ากับ 1,890 บาท, 2,520 บาท และ 735 บาท ตามลำดับ

โดยทั่วไปผู้ป่วยจึงเห็นว่า แพทย์จะสั่งการตรวจห้องปฏิบัติการเพียงแค่การตรวจอุจจาระและภาวะเม็ดเลือดขาวเท่านั้น
หากผู้ป่วยขอทำอัลตร้าซาวด์ คอมพิวเตอร์ ตรวจการทำงานของตับ ฯลฯ แพทย์มักปฏิเสธ หากไม่คาดว่าจะมีโรคร่วมร้ายแรงอื่นๆ เพราะภาวะขาดทุนจะตกกับโรงพยาบาลผู้ให้บริการ

[v-v]

อ่านมาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงทราบแล้วว่า เหตุใดจึงมีการถกเถียงกันระหว่างนักวิชาการและผู้บริหารกองทุนประกันสังคม

แท้ที่จริงแล้วกองทุนประกันสังคมมิได้จ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญามากมายเลย
ทั้งนี้เพราะโรคส่วนใหญ่ของคนวัยทำงานที่อยู่ในกองทุนประกันสังคมมักมิใช่โรคร้ายแรงที่มี RW>2

การที่กองทุนต้องจ่ายเงินมากในส่วน RW>2 ก็เพราะกองทุนทราบดีว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาก่อนปี 2555 กองทุนจ่ายเงินโรงพยาบาลน้อยมากเพียง RW ละ 3,500 บาทเท่านั้น ซ้ำยังลดลงทุกปี

คนไข้ประกันสังคมแทบทุกรายที่นอนโรงพยาบาลทำให้โรงพยาบาลขาดทุนโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน
จนโรงพยาบาลเอกชนถอนตัวจากกองทุนประกันสังคมไปเกือบครึ่ง

การที่กองทุนประกันสังคมแยกการจ่ายโรคร้ายแรงออกมา ก็เพื่อเป็นแรงจูงใจให้โรงพยาบาลเอกชนยังยอมต่อสัญญา และโรงพยาบาลขนาดเล็กยอมส่งผู้ป่วยต่อให้เข้ารับการรักษาในโรคร้ายแรงยังโรงพยาบาลใหญ่

ด้วยเหตุนี้ก่อนเมษายนปี 2555 ทุกกองทุนคำนวณค่า RW จาก DRG version 4

แต่อยู่ๆ สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็มองว่า DRG version 4 ไม่สะท้อนต้นทุนจริง
จึงประกาศให้ทุกโรงพยาบาลที่ทำสัญญากับทุกกองทุนหันมาใช้ DRG version 5 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

[v-v]

จากข้อมูลข้างต้น ผู้อ่านคงเห็นแล้วว่า RW ที่คำนวณจาก DRG version 5 น้อยกว่า RW ที่คำนวณจาก DRG version 4 แทบทุกวินิจฉัย

และยิ่งคนไข้มีหลายโรคหรือโรคร่วมมากหรือป่วยมาก RW ยิ่งลดลงมาก นั่นหมายความว่า โรงพยาบาลทุกแห่งจะได้เงินคืนจากทุกกองทุนน้อยลงตามไปด้วย ไม่ว่า Base Rate หรือตัวคูณของแต่ละกองทุนสำหรับ RW จะเป็นเท่าใด

นั่นหมายความว่า สถานการณ์การเงินของโรงพยาบาลที่ย่ำแย่่อยู่แล้วจะยิ่งย่ำแย่หนักเข้าไปอีก

ในขณะที่ต้นทุนทุกอย่างสูงขึ้น ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่ายา ค่าอาหารคนไข้ รวมทั้งค่าแรงด้วย
เมื่อโรงพยาบาลขาดทุนมากขึ้น ย่อมไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าแรงลูกจ้างชั่วคราว เช่น เวรเปล คนทำความสะอาด และค่าล่วงเวลาสำหรับข้าราชการที่ทำงานล่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือพยาบาล เพราะเงินที่จ่ายให้กับลูกจ้างชั่วคราวและค่าล่วงเวลาล้วนมาจากรายได้ของสถานพยาบาล มิได้มาจากงบประมาณแผ่นดิน

[เอกหาดใหญ่]

เรื่องมีอยู่ว่า แม่กระผมได้เป็นโรคเบาหวาน และได้ไปหาหมอตามนัดทุกครั้ง และทุกครั้งที่ไปหมอประจำที่ตรวจ ได้พูดจาไม่ดี พูดจาตะคอกคนไข้ และถ้าคนไข้ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ไล่ ผมเห็นการกะทำหลายครั้งแล้วทนไม่ไหว และแม่ผมก็อายุ 74 แล้ว บางทีแกก็ เงิกๆ งักๆ ...ทำไงได้เบี้ยไม่ลุยเลยต้องใช้สิทธิ์บัตรทอง ปล.เดี๋ยวคราวหน้าจะอัดเสียง หรือมีโอกาศจะอัดคลิปมาให้ชมกัน (ใครไม่พอใจก็ไม่ต้องออกความเห็นนะ แล้วกดออกไปซะ) 

เขียนจดหมายร้องเรียนเลยครับอย่ายอม

[สมๆๆๆ]

เรื่องเล่า จาก พยาบาล รพ.อำเภอเเห่งหนึ่งในสงขลาว่า คนไข้ชาวพม่า ที่มาทำงานกรีดยางในไทย เเล้ว ท้องมาคลอดลูกที่ รพ.อำเภอ ได้ลูกสาวเป็นที่ปิติยินดีกับพ่อเเละเเม่อย่างมาก เวลาพักเที่ยง ใครที่ใส่ชุดพยาบาลไปกินข้าวในตลาด ถ้าเจอเขา จะเลี้ยงข้าวเที่ยง ทุกทีเลย

[สมๆๆๆ]

จากเวบ รพ. มอ.
เรื่อง โจรโขมยของ ที่ มอ.

วันนี้ได้ไปสอบถามความคืบหน้าได้ความว่า โดนจับจนได้เพื่อนร่วมอาชีพอีกหนึ่งคนที่เป้นชายที่หนีไปได้ โดยหน่วยรปภของคณะเราได้ประสานตำรวจคอหงส์จับได้ที่สวนสาธารณะหาดใหญ่โดยละหม่อมในวันเดียวกัน โดยการให้โจรสาวเป็นนกต่อให้ อะหนึ่งตำรวจได้บอกว่าสองโจรผัวเมียได้ทำแบบนี้หลายครั้งหลายสถานที่ในเมืองหาดใหญ่ พวกมันจะเลือกห้างต่างๆที่มีห้องละหมาดอยู่เพราะเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจไม่มีใครคอยสังเกตุและลับตาคนทั่วไป ยากแก่การป้องกัน ห้างใดหรือผู้เสียหายสงสัยหรือมีหลักฐานเป้นภาพหรือกล้องวงจรปิดขอให้นำมาและมาดูตัวได้จะได้มัดตัวให้แน่นหนา อย่าปล่อยพวกโจรใจบาปลอยนวล

Posted by : saragoza , Date : 2012-04-30 , Time : 18:38:52 ,

[คนทั่่วไป]

หมอ พยาบาลดีๆ ก็มีนะคะ แต่ไปใช้บริการทีไร ไม่ค่อยจะเจอเลย ล่าสุด น้องไปหาหมอศัลฯกระดูก ที่รพ.หาดใหญ่ ( นพ.ประดิษฐ์ แท่นธรรมโรจน์ ) หมอพูดจาห้วนมากๆ  ถามเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโรคบ้าง หมอตอบว่าไม่รู้แบบห้วนๆ คำพูดเหมือนจะหาเรื่องคนไข้ตลอด ฟังแล้วไม่ดีเลย  ไปหาหมอก็เหมือนไม่ได้หา เพราะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรเลย ได้ฟังแต่คำพูดที่ไม่ดีจากหมอ(บางคน)  ทุกครั้งที่เจอหมอ เราจะให้เกียรติ ยกมือไหว้ทุกครั้ง เพราะยกย่องในความเสียสละช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์  แต่สำหรับหมอบางท่าน (ส่วนใหญ่ที่เจอ) ทำไมถึงพูดจาดูถูกคนไข้เช่นนั้น เช่น พูดว่าผมไม่ใช่พหูสูตที่จะรู้ว่าคุณเป็นอะไร จากนั้นก็พูดเสียดแทงน้ำใจอีกหลายประโยคก่อนไล่คนไข้กลับ  ครั้งนั้นรู้สึกแย่มากๆ ที่เจอหมอแบบนี้  แต่ที่เขียนนี้หมายถึงหมอบางคนเท่านั้น เพราะหมอดีๆก็คงมีอยู่มาก 
      ไปรพ. ช่วงหลังไม่ค่อยอยากถามพยาบาลหรือผู้ช่วยเพราะกลัวถูกคำพูดห้วนๆ แสดงอาการรำคาญของพยาบาลอีก  (พยาบาลบางคน)  แต่หากไม่ถามให้เข้าใจ พอทำไม่ถูกขั้นตอนก็จะถูกว่าอีก   เรารู้ว่าหมอ พยาบาลมีงานมาก เจอสภาวะเครียดมาก เข้าใจและเห็นใจมาก พยายามไปรพ.แล้วทำตัวไม่ให้เป็นภาระใคร  แต่ขอสักนิดพูดจากับคนไข้ให้สุภาพกว่านี้ได้ไหม (หมอ พยาบาลบางคน) ตอนนี้เวลาป่วยแล้วไม่อยากไปรพ.เลย 

[ซัมเบ้ Note 7 Jr.]

สุขภาพจิตของหมอก็ใช่ว่าจะดีนะครับ เจองานกดดัน ความเครียดบ่อยๆก็ออกอาการได้

เวลาหมอเขาเจอกัน พบปะกัน เขาไม่ได้ถามคุยกันแบบสนุกสนานนะ  เขาถามหมออีกคน ว่า "หมอ  ผมเป็นยังไงมั่งเนี่ย" 555555แสดงว่าเครียดมากจนไม่รู้เลยว่าสุขภาพจิตตัวเองเป็นยังไงแล้ว

[คนทั่่วไป]

 เท่าที่คุยกับเพื่อนหลายคน ส่วนใหญ่จะบ่นว่าพยาบาลพูดจาไม่ดีเลยกับผู้ป่วย พูดแล้วคนป่วยจิตตกเลย เป็นหนักกว่าเดิม  เวลาไปใช้บริการ เจอพยาบาลต่อว่าเวลาเราสอบถาม เศร้าเลย เพราะบางทีโชคร้าย ไม่ได้เจอคนเดียว  ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากหรอก  (พยาบาลดีๆก็คงมี) อยากให้พูดกันดีๆก็ได้  เหนื่อยก็บอกดีๆกัน  อย่าพูดทำลายน้ำใจกันให้มากเลย

[medical]

หมอ พยาบาล เภสัชฯ ในโรงพยาบาลของรัฐ ไม่ใช่เทวดา นางฟ้า น่าเห็นใจนะ งานเครียดมาก แต่ต้องไม่ลืมว่า ท่านคือ ข้าราชการ ต้องทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเต็มใจและเต็มความสามารถ