อยากระบายเกี่ยวกับหมอ รพ.หาดใหญ่ คลีนิคผู้สูงอายุ

[สมๆๆๆๆ]

เรื่องเล่ามาจาก พยาบาล รพ หาดใหญ่
คนไข้ที่เป็นเเรงงานต่างชาติมาทำงานที่ จังหวัดใกล้ๆสงขลา มีลูก 1 คน คนโต ตอนนั้น ยังมี บัตรที่นายจ้างทำให้ ราคา พันกว่าที่เวลามารักษา ใน รพ.หาดใหญ่ ก็จะได้สิทธ์ เหมือนคนไทยที่ถือบัตรทอง รักษาทุกโรค

ตอนนั้น คลอดฟรี ลูกก็ได้ สูติบัตร ว่า คลอดในประเทศไทย ( ต่อไป ก็คงได้ เข้าเรียนฟรีใน รร.ของรัฐ เเล้ว ต่อไปก็คงได้บัตรประชาชนเป็นคนไทย )

เเล้ว ก็ ไม่คุมกำเนิด  ( ไม่รู้เหตุผล  แต่ว่า อัตราคลอดเเล้วตาย ใน ประเทศอื่นๆ สูงมาก มาอยู่บ้านเรา เสียเงินค่าคลอด พันกว่าบาท นี้ คุ้มค่าจริงๆ เเถม โตขึ้น ได้เรียนฟรีอีก )

เเต่ พออยู่เมืองไทยนานๆ ก็เริ่มออกนอกระบบ นายจ้างก็ไม่เสียเงินค่าต่อ  บัตร  ปีละ พันกว่า จึงกลายเป็น เเรงงาน ที่ไม่มีบัตร

คราวนี้เเหละ ท้องลูกคนที่สอง เเต่ ลูกคลอดก่อนนำหนด 6 เดือน คลอดมา น้ำหนัก กิโลกว่าๆ ต้องเข้าตู้อบ
รพ.อื่นๆ ก็ไม่รับ เพราะ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ปอดอักเสบ ติดเชื้อในกระเเสเลือด ตามีปัญหา หูอาจจะหนวก

มาที่นี่เเหละ รพ. หาดใหญ่ เตียงเสริม 100 % ( รพ.อื่นๆ มีเสริม แต่น้อยมากๆ เเถม เสริม ก็ ต้องจ่ายเงิน ค่า รักษา )

เสียเงินค่ารักษา เด็กคนนี้ หลายเเสนบาท พ่อเเม่ ก็ ไม่มา  ( ถึงมาก็ ไม่มีเงินจ่าย   )

สุดท้าย รพ. รับเละ

ดูเเล้วท่าทางกิจการรพ. น่าจะเจริญ

[นายไข่นุ้ย]

รพ.ทำแบบนี้ ไม่เป็นผลดีเลย เฮ้อ

[I_vintage]

เราทำงาน รพ.รัฐ เหมือนกัน แต่เวลาพายายไป รพ.หาดใหญ่ ก็ทำเหมือนกับคนอื่น นัดบ่ายโมงกว่าจะได้ตรวจบ่าย3 สงสารยายมากเพราะแก่แล้ว ไม่ได้คิวเร็วกว่าคนอื่นหรอกเพราะเราไม่เคยไปอ้างตัวว่าทำงาน รพ.รัฐ ด้วย รอเหมือนคนอื่น แต่น่าเบื่อตรงที่เห็นว่าคนไข้เยอะแต่หมอมาตรวจแค่ 1-2 คน ทั้งๆที่มีทั้งหมอประจำรพ. ทั้งหมอที่มาอินเทินร์ก็เยอะแยะ

[ข่าวล่ามาเร็ว]

ข่าว(ที่ไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้)ล่าสุด
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000052758&#Comment
ช่วยกันเข้าไปแจ้งก็ได้ แต่เวปนี้เขาจะเซ็นเซอร์ก่อนนะครับ เพราะหลังจากเขียนกระทู้เข้าไปแล้ว ข้อความจะไม่ขึ้นทันที ต้องรอการเซ็นเซอร์จาก กอง บก.ก่อน

[กุบกับไปไหน]

ต้องเริ่มตอนที่อยู่บ้านและพ่อแม่ คนที่ให้ลูกเรียนเรียนแพทย์คือมีเป้าหมายคือความรวย  (ไม่ทุกคน) พ่อหรือแม่มีอาชีพทำการค้า ออกเงินดอกไม่ได้อบรมย์ เน้นให้ลูกเรียนพิเศษอย่าง เอาแต่ชนะแตู่้อื่นไม่เคยมีเวลาศึกษาความเป็นมนุษย์การช่วยเหลือใจจิตโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น สังเกตุได้ถ้าเป็นลูกชาวนาชาวสวนที่สอบได้พยาบาลหมอ มักจะชอบชนบทหรือให้การบริการที่ดีกว่า

[จขกท]

หนูเจอมาที่คลีนิกนอกเวลาโรงพยาบาล มอ.ค่ะ โทรจองคิวให้ยื่นบัตร 16.30 น.ได้เข้าตรวจ 18.30 น.ค่ะแถมหมอพูดจาดูถูกคนไข้มากๆๆ...ยังจำชื่อหมอได้ดีแม่หนูเป็นเบาหวานเผลอกินน้ำโอเอชิเข้าไป..หมอพูดว่าน่าตบหัวจัง หมออายุราว30ต้นๆแถมเป็นอาจารย์หมอ แม่หนูอายุ 50กว่าๆ หนูก็เลยด่าหมอไปว่าไม่สมควรพูดแบบนี้..หมอตอบกลับมาว่าคนไข้ทุกคนที่เค้ารักษาโดนด่าทุกคน..หนูทนไม่ไหวเลยถามเค้าว่าถ้าเป็นแม่ของเค้าโดนด่านจะโกรธไหม..หมอตอบว่าไม่โกรธเพราะเค้าอยากให้หมอด่า..แถมยังพูดอีกว่าถ้ากินตามใจปากแบบนี้เบาหวานอาจขึ้นสมองตายเลยก็ได้..หนูเลยตอบว่าหนูพาแม่มารักษาไม่ได้พามาให้หมอด่า.เลยเดินออกจากห้องโดนไม่ได้ตรวจทั้งที่นั่งรอมา 2 ชั่วโมงกว่าๆ  เจ็บใจมากๆๆๆอยากบอกชื่อหมอไปเลยแต่กลัวผิดกฎการโพสข้อความ...

ไม่ผิดค่ะคอนเฟริร์มช่วยด้วย

[จขกท]

มีเรื่องเล่ามาจากพยาบาล
คนเเก่ คู่นึง มานอน รพ.หาดใหญ่ หลังจาก เป็น มะเร็งลำใส้ ไปผ่าตัดที่ เอกชนเเล้ว หมดตังเล้ว จึงมา รพ.หาดใหญ่

ถามไปอยู่นาน ลุงก็เล่ามาว่า ตอนหนุ่มๆ  ทำงานในรัฐวิสาหกิจเป็นถึงหัวหน้า มีเงินมีทอง มีที่ มีบ้าน มีสวนยาง แล้ว ก็มีลูก 3 คน

พอลูกโต ก็ ส่งคนพี่เพื่อน ไปเรียนเมืองนอก เเล้ว ก็ ไม่กลับมาบ้าน มีครอยครัว อยู่เมืองนอก ไม่กลับบ้านเลย เกือบ 10 ปี เเล้ว

ลุกคนกลาง ไปเรียน กทม. มี ครอบครัว ก็ ไม่กลับบ้านอีก

ลูกคนเล็ก ที่ พ่อ แม่ คิดว่า จะได้อยูคอยเป็นเพื่อนยามแก่ ก็ เลย เออลี่รีไทร์ เอาเงินมา ซื้อกิจการร้านขายของชำ แล้วก็จัดงานเเต่งงานกับลูกร้านทอง

เเต่ก่อน ไม่สบายนิดๆหน่อยๆ ก็ ยอม ซื้อยากินเอง เก็บเงิน ส่งเสียลูกๆ  ไม่ยอมรักษาตัว

แต่ คราวนี้ เป็น มะเร็งที่ลำใส้ ต้องผ่าตัด เอาใส้มองเปิดเป็นที่ขับถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง  ต้องนอน รพ.อยู่นานเป็นเดือนๆ

แต่ไม่มี ลูกคนใหน มานอนเฝ้าพ่อ ที่ นอน รพ. เลย ปล่อยให้ แม่ แก่ๆ นอนเฝ้าพ่อ อยู่นานเป็นเดือนๆ

ถ้าเป็นเรื่องเล่าจากพยาบาลพยาบาลคนนั้นเป็นใคร มันน่านักจรรยาบันคุณหายไปไหน คุณผิดจรรยาบรรเปิดเผยข้อมูลคนไข้กับสาธาระชนสมควรมั้ยไปคิดดู

[ผู้เฒ่าเต่า]

กลายเป็นเรื่องพูดคุยกันยาวยืดเลย เหมือนได้ระบายกันเลยทีเดียว

[sam08]

ไม่พูดอะไรมากกับ รพ. ของรัฐ แทบทุกที่เป็นเหมือนกันหมด นัด 8 โมงเช้า คนไข้มารอตั้งแต่ 6 โมงเช้า กว่าจะได้ตรวจก็ปาเข้าไปเกือบจะ 10 โมง หมอมาตรวจบอกรับได้ไม่เกิน 30 คิว หมอก็จะไปที่อื่น (โดนกับตัวเอง) เรารอเป็นนาน ไหงคิวเราไม่ได้ ถามหาประวัติ จะรู้ไหม อะไร ๆ ก็ให้ไปหมดแล้ว สรุปว่า ผ่านคิวเฉย ทักท้วง ทวงถามก็ทำหน้าไม่พอใจ ทนไม่ได้ต้อง ว๊ากโวยวาย ใส่ จนสุดท้ายให้พบหมอ และก็บอกว่าพอกันที ไม่มีเบี้ยก็จะหามา เมื่อป่วย ชไป รพ.เอกชนดีกว่า เสียเบี้ย แต่ไม่เสียอารมณ์ มีเวลากลับมาทำงาน ไม่ใช่ไปหาหมอทีต้องนั่งรอทั้งวัน การงานไม่ต้องทำ หนำซ้ำต้องกลับมากินยาแก้ปวดที่บ้าน...บอกได้คำเดียวว่า "เซ็ง"...

[ประชาชนคนหนึ่ง]

ถ้าเป็นเรื่องเล่าจากพยาบาลพยาบาลคนนั้นเป็นใคร มันน่านักจรรยาบันคุณหายไปไหน คุณผิดจรรยาบรรเปิดเผยข้อมูลคนไข้กับสาธาระชนสมควรมั้ยไปคิดดู

เรื่องเล่า ถ้าไม่ได้ระบุชื่อคน ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย แล้ว เรื่องนี้ เจตนา ก็เพื่อแสดงเป็นอุทาหรณ์ว่า คนสมัยนี้ ความกตัญญู ต่อบุพการีน้อยลงทุกวัน พ่อแม่ยอมอดเพื่อให้ลูกสบาย แม่หนึงคนเลี้ยงลูกสิบคนได้ แต่ลูกสิบคนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้ ซึ่งการโพสเรื่องนี้ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับจรรยาบรรณ หรือ การเปิดเผยความลับตรงไหนเลย

[ใจเขา ใจเรา]

เท่าที่อ่านมาเป็นปัญหาเรื่องการบริการเสียส่วนใหญ่นะครับ การพูดจา ความล่าช้า การเคารพสิทธิความเป็นมนุษย์......

หน่วยงานของรัฐแทบจะทุกหน่วยงานแหละครับ หน่วยไหนที่ภาระงานมากๆ ไม่เห็นจะบริการดีสักที่เลยนะครับ
ลองมาดูทางแก้ไขกันนะครับ
-ลดภาระงานลง อันนี้คงทำไม่ได้ เพราะคนเราห้ามป่วยไม่ได้
-เพิ่มคนทำงาน อันนี้ยากไม่แพ้กัน เพราะติดเรื่องกำลังคน ตำแหน่งที่ทางกระทรวงไม่มีให้ อาจเกี่ยวเนื่องกับงบประมาณไม่พอจ้าง พยาบาลและหมอหลายคนที่จบมาทำงานแล้วยังไม่ได้บรรจุอยู่หลายปี เพราะกระทรวงไม่มีตำแหน่งให้
-ระบบราชการสอนให้คนทำงานแบบเช้าชาม เย็นชาม มองง่ายๆครับ ท่านทำมากทำน้อย ท่านก็ได้เงินเดือนเท่านี้ แล้วใครที่ไหนจะมาทำเยอะๆกันล่ะครับ เดี๋ยวนี้เค้าก็พยายามให้มีเบี้ยขยันเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือว่ายังน้อยอยู่ดี ต้องยอมรับความจริงกันนะครับ คนเราทำงานเพื่อเงินกันทั้งนั้น
-ส่วนปัญหาที่ตัวบุคคลนั้น คงจะแก้ได้ยากครับ มีดีมีเลวทุกที่แหละครับ

ทำไมทางอเมริกาเค้าทำได้
-ค่ารักษาพยาบาลเค้าแพงกว่าเรามากนัก เช่น ถ้าท่านเป็นไส้ติ่งมารักษาด้วยสิทธิ 30 บาทที่ไทย ท่านไม่เสียอะไรเลย แต่อาจจ่ายค่าห้องพิเศษบ้าง แต่ถ้าไปอยู่โน่น ท่านต้องเตรียมไว้เลย 3 หมื่นเหรียญ ก็ประมาณ 9 แสนบาทครับ ทำไมเค้าไม่โวยวาย ก็เพราะฝรั่งเค้าทำประกันสุขภาพกันแทบทุกคน รัฐเค้าก็เอาเงินส่วนนี้ไปใช้เวลาคนเค้าเจ็บป่วยนั่นแหละครับ เงินส่วนนี้เป็นคนละส่วนกับภาษีนะครับ ท่านต้องจ่ายแยกเป็นรายเดือน ประกันสุขภาพแบบกลางๆก็เดือนละเป็นพันเหรียญ หรือ 3 หมื่นบาทครับ ต้นทุนมันต่างกันลิบแบบนี้ ท่านอย่าไปเทียบกับทางโน้นเลย บ้านเราต้องเทียบกับประเทศข้างเคียงที่รักษาฟรีเหมือนกัน บ้านเราก็ดีกว่าเค้ามากนักนะครับ

มองในแง่ดีนะครับ เรื่องการบริการ ถ้าเราไม่พอใจ เราก็ยังมีทางเลือกไปที่อื่นได้นะครับ คลินิค หรือเอกชนที่บริการดีกว่า บางหน่วยงานไม่มีให้เลือกนะครับ เช่น ไปทำเรื่องที่ที่ดินจังหวัดแต่เช้า ได้คิวที่ 21 กว่าจะทำเรื่องเสร็จ อีก 10 นาที 4 โมงเย็น แบบนี้ไม่มีทางเลือก ไปที่อื่นก็ไม่ได้

[แมวพง]

 
      รพ.หาดใหญ่ เยี่ยมจริงๆ        ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
     
      ไม่ตอบโต้ ไม่ชี้แจง เดี๋ยวคนด่าก็เหนื่อย เบื่อไปเอง 
       
 

[อ้น544]

แชร์เหตุการณ์ด้วยคนค่ะ
   ตอนนั้นลูกคนแรกได้2เดือนเขาตัวร้อนและกวนเรามากกลางคืนไม่ได้นอนเลยพาไปโรงบาลหาดใหญ่ตอนตี4 ใกล้หัวรุ่ง และพยาบาลก็มาวัดไข้ ตัวร้อน40องศา และหมอก็มาสอบถามประวัติและทำการตรวจ และสั่งยา ตอนที่เราลุกขึ้นเพื่อที่จะไปยื่นบัตรสั่งยานอกห้องได้ยินหมอพูดว่า มาทำไมเสียเวลาหมอ หลังจากนั้นเวลาลูกไม่สบายพาไปโรงบาลราษฎยินดี ยา3ขวด500บาทแต่บริการดีค่ะแล้วคนข้างบ้านมาแนะนำว่าไป ม.อ ดีว่าเวลาลูกไม่สบายค่ารักษาไม่แพง ตั้งแต่นั้นไป ม.อ.ประจำค่ะ
   ตอนนั้นลูกคนแรกอายุได้2ขวบ กำลังซนค่ะ เราทำงานบ้านหลังบ้านเขาก็ขึ้นบันไดเล่น มือทั้ง2ข้างถือของเล่นและขึ้นบันไดไปด้วยพอขึ้นถึงบันไดขันสุดท้ายขั้นที่10 เขาเกิดหายหลังค่ะ ตกบันไดจากขั้นที่10มาถึงพื้นบ้านค่ะ ตกใจค่ะทำอะไรไม่ถูถรู้แต่ว่าต้องพาลูกไปโรงพยาบาล อ๋อ..บ้านอยู่คลองเรียน2ค่ะตอนนั้น แล้วก็พาลูกไปโรงบาลหาดใหญ่ เพื่อนๆงงใช่ไหมค่ะอยู่คลองเรียนแล้วทำไมไม่พาลูกไป ม.อ. เพราะตอนนั้นคิดว่าต้องใช้บัตร30บาทเลยต้องไปโรงบาลหลัก  และแฟนก็ทำงานวันล่ะ130บาทค่ะเลยต้องไปที่นั้น พอไปถึงเข้าห้องฉุกเฉิน พอหมอมาดูและบอกว่าหัวไม่แตกให้ยาพาราก็กลับบ้านได้ แล้วแฟนก็โกรธว่าทำไมหมอไม่พาลูกไปเอ็กซ์เรย์
  แล้วที่นี้หลบไปโรงบาล ม.อ. พอไปถึง เจ้าหน้าที่ก็ถามที่อยู่เราบอกว่า คลองเรียน2 หมอพาลูกไปสแกนหัวด้วยคอมพิวเตอร์ ค่าสแกนเราจำไม่ได้ว่า4500หรือ9000บาท แล้วรับลูกไว้นอนในโรงบาล 1อาทิตย์ เตรียมหาเงินค่ะ  พอวันออกไม่เสียสักบาท เลยงงค่ะ เลยถามเจ้าหน้าที่กลับไปว่าทำไมไม่เสียเงิน เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุใช้บัตร30บาทได้โดยไม่ต้องไปโรงบาลหลัก ใช้บริการของโรงบาลที่ใกล้ที่เกิดเหตุได้เลยค่ะ เพิ่งรู้ค่ะ
  พอย้ายบ้านมาคลองแหลูกคนเล็กท้องเสียมากและเพลียเราพาไป ม.อ.เตียงเต็มทางที่นั้นเขาแนะนำว่าวันหลังให้ใช้บริการของโรงบาลหาดใหญ่เพราะใกล้บ้าน แต่เรายังหลาบกับที่นี้ไม่หาย
   มาเหตุการณ์ของแฟนค่ะเิกิดอุบัติเหตุแถวบ้านพรุค่ะไปงานศพญาติของเพื่อนค่ะ ตอนนั้นท้องลูกคนที่2ได้7เดือนแต่โขคดีที่ไม่ไปด้วย ทางกู้ภัยโป๊ะหมอ ส่ง ม.อ เพราใกล้ที่เิกิดเหตุ เพราะแฟนสาหัสค่ะคางหักแตกละเอียดต้องผ่าตัดใส่เหล็กดามฟันไว้ค่ะเพราะไม่มีคางไว้ให้เหงือกและฟันยืด ฟันหัก ไป1ซี่ครึ่ง  เลือดค้างในสมองโชคดีที่เลือดหยุดเลยไม่ต้องผ่าตัดสมองนอนโรงบาล 12วัน  โชคดีใช้บัตร30บาทได้เพราะเป็นอุบัติเหตุค่ารักษา45,000บาท ใช้ พรบ จากรถ15,000บาท ที่เหลือ 28,000บาทใช้สิทธิ์บัตร30บาท
และหมอนัด1เดือนค่ะ ทางเจ้าหน้าที่ว่าให้ไปขอใบส่งตัวบัตร30บาทมาจากโรงบาลหาดใหญ่ แล้วค่อยมา ม.อ.หากว่าไม่มีใบส่งตัวทางผู้ป่วยจะต้องชำระเงินเอง เพราะว่าไม่ใช้เหตุการณ์ฉุกเฉินแล้ว และเรากับแฟนก็ไปตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเพราะต้องการรักษากับหมอแบบต่อเนื่อง เลยไปโรงบาลหาดใหญ่ หมอทางโรงบาลหาดใหญ่ไม่ออกใบส่งตัวให้ แถมยังพูดกลับมาว่าทำไมต้องไป ม.อ.ในเมือ่โรงบาลหาดใหญ่ก็มีหมอเหมือนกัน ให้มารักษาที่นี้ เราเลยพูดว่า ทางกู้ภัยส่งไป ม.อ.ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ และเราต้องการรักษาแบบต่อเนื่อง สรุปไม่ได้ใบส่งตัว และไม่รักษาที่โรงบาลหาดใหญ่ ยอมมา ม.อ.ชำระเงินเอง

ตอนท้องลูกคนแรกได้6เดือนรถชนหน้า ม.อ แต่แล่นไปโรงบาลหาดใหญ่เพราะความไม่รู้สิทธิ์ของบัตร30บาท ถ้ารู้เข้าโรงบาล ม.อไปแล้ว 555

แต่ยอมรับน่ะค่ะว่าบัตรทอง30บาท ดีต่อคนจนๆ
อาทิตัวเรา
1.ฝากท้องลูกคนแรก ผ่าตัดคลอดลูกคนแรก ใช้ บัตร30บาท
2.ลูกคนแรกตกบันได นอน ม.อ. ก็ใช้บัตร 30บาท
3.แฟนเกิดอุบัติเหตุ นอน ม.อ ก็ใช้ 30บาท
4.ฝากท้องลูกคนที่2 ผ่าตัดคลอดลูก ก็ใช้บัตร30บาท

[หมอ เอกชน]

ผมขอเชีย ให้หมอทุกคน ออกจากระบบราชการมาอยู่เอกชนครับ  การันตี 200000  อยู่รัฐบาลคุนได้เดือนละ  15000 บวกค่าต่างๆอีก 20000  ตรวจคนไข้ วันละ  200  คุนจะอยู่ไปทำไม่ครับ   การศึกษาคนไข้ก็ไม่ดี คุยไม่รู้เรื่อง  เงินเดือน รัฐบาลก็ค้างจ่ายอ้างไม่มีงบ  ตรวจเอกชน วันละ 10 เคส  เคสละ500-1000   ผ่าไส้ติ่ง 10000  ผ่าคลอด  15000   ผมว่าคุ้มกว่าเยอะ  เดวนี้คนไข้เค้าไม่คิดว่าพวกคุนเสียสละทำบุญหรอกครับ  ลาออกให้หมด  พอระบบแย่คนไข่ก็มาหาที่เอกชนอัก  มีแต่ได้กับได้ 
  ปล   มัน เป็นแผลตั้งแต่เอา 30 บาทมาใช้  แล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่  รพ กท  คือ  ตระกูลทองแตง รึป่าวนะ

[wareerant]

จะยังงัยก็แล้ว แต่ การรักษาแบบ 30 บาท ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีสิทธิอะไรเลย สมัยก่อนคนไปหาหมอกันน้อย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าหมอค่ายา พอมี 30 บาท คนก็ได้รักษาฟรี ดีกว่าไม่ได้รักษานะ ผมว่า

ลองไปถามชาวพม่าที่ได้สิทธินี้สิ เขาจะบอกว่า ดีกว่าที่บ้านเขามาก

[อืม...น่าคิด]

เอาคนรวย มารักษาคนจน จะมี Service Mind เหรอครับ

[กรรม]

.

...แม่ของเพื่อนมาบอกผมว่า ลูกชายที่เป็นหมอ รายได้ดี วันละเท่านั้น เท่านี้

ผมฟังแล้วเฉยๆ ได้แต่คิดว่า ถ้ามาบอกว่า ลูกเป็นหมอ คิดค่ายาคนไข้ถูก

รักษาอย่างดี ผมจะดีใจ และภูมิใจด้วย


...ตอนนี้ หมอเป็นมะเร็ง ตายไปแล้วอย่างทรมาน ....

เรื่องจริงผ่านเนต ถ้าบอกชื่อ รับรองคนหาดใหญ่ รู้จักทุกคน...

[หมอ เอกชน]

มีคนจน น้อยมากครับที่ได้เรียน แพทย์    ทั้งรุ่นผม  มี 1 คน  ที่รายได้ทางบ้านน้อยกว่า150000 ต่อไปและได้รับเงินช่วยเรียน  เพราะ การจะเป็นคนเก่ง  ต้องใช้เงินมากครับ  ผม เสียค่าเรียนพิเศษเป็นแสน ค่าเทอมจ่ายเองปีละเกือบแสน ค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนสูง  หนังสือนำเข้าเกือบทุกเล่มเล่มละหลายพัน   ที่ต้องจ่ายเองจนจบเกือบล้าน 
    กำลังคิดว่าจะเก็บเงินสักก้อน     เป็นกองทุน  แจกหมอทุกคนที่ลาออกจากราชการคนละ 2 ล้าน  ให้ระบบพัง  ลาออกแค่ 1000 คนก็พังแล้วครับ เพราะมีแพทย์ทำงานจริงๆแค่ 6000 คนทั่วประเทศ    ตอนนี้อยู่เอกชน สบายกว่ากันเยอะ

[C8]

มีคนจน น้อยมากครับที่ได้เรียน แพทย์    ทั้งรุ่นผม  มี 1 คน  ที่รายได้ทางบ้านน้อยกว่า150000 ต่อไปและได้รับเงินช่วยเรียน  เพราะ การจะเป็นคนเก่ง  ต้องใช้เงินมากครับ  ผม เสียค่าเรียนพิเศษเป็นแสน ค่าเทอมจ่ายเองปีละเกือบแสน ค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนสูง  หนังสือนำเข้าเกือบทุกเล่มเล่มละหลายพัน   ที่ต้องจ่ายเองจนจบเกือบล้าน 
    กำลังคิดว่าจะเก็บเงินสักก้อน     เป็นกองทุน  แจกหมอทุกคนที่ลาออกจากราชการคนละ 2 ล้าน  ให้ระบบพัง  ลาออกแค่ 1000 คนก็พังแล้วครับ เพราะมีแพทย์ทำงานจริงๆแค่ 6000 คนทั่วประเทศ    ตอนนี้อยู่เอกชน สบายกว่ากันเยอะ

[นายไข่นุ้ย]

มีคนจน น้อยมากครับที่ได้เรียน แพทย์    ทั้งรุ่นผม  มี 1 คน  ที่รายได้ทางบ้านน้อยกว่า150000 ต่อไปและได้รับเงินช่วยเรียน  เพราะ การจะเป็นคนเก่ง  ต้องใช้เงินมากครับ  ผม เสียค่าเรียนพิเศษเป็นแสน ค่าเทอมจ่ายเองปีละเกือบแสน ค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนสูง  หนังสือนำเข้าเกือบทุกเล่มเล่มละหลายพัน   ที่ต้องจ่ายเองจนจบเกือบล้าน 
    กำลังคิดว่าจะเก็บเงินสักก้อน     เป็นกองทุน  แจกหมอทุกคนที่ลาออกจากราชการคนละ 2 ล้าน  ให้ระบบพัง  ลาออกแค่ 1000 คนก็พังแล้วครับ เพราะมีแพทย์ทำงานจริงๆแค่ 6000 คนทั่วประเทศ    ตอนนี้อยู่เอกชน สบายกว่ากันเยอะ

[แมวพง]

.

...แม่ของเพื่อนมาบอกผมว่า ลูกชายที่เป็นหมอ รายได้ดี วันละเท่านั้น เท่านี้

ผมฟังแล้วเฉยๆ ได้แต่คิดว่า ถ้ามาบอกว่า ลูกเป็นหมอ คิดค่ายาคนไข้ถูก

รักษาอย่างดี ผมจะดีใจ และภูมิใจด้วย


...ตอนนี้ หมอเป็นมะเร็ง ตายไปแล้วอย่างทรมาน ....

เรื่องจริงผ่านเนต ถ้าบอกชื่อ รับรองคนหาดใหญ่ รู้จักทุกคน...




   

      ก้อบอกชื่อมาสิ

[มองมุมกว้าง]

ดิฉันก็จะเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับ รพ.หาดใหญ่ให้ฟังเพราะประสบณ์กับตนเอง เกี่ยวกับห้องพิเศษ รพ.หาดใหญ่ ถ้าคุณต้องการนอนห้องพิเศษคุณพยาบาลบอกว่าต้องถามหมอก่อนว่ามีเวลาไปตรวจหรือไม่ (หมดสิทธินอนห้องพิเศษถึงจะมีห้องว่าง) แต่ถ้าเป็นคนทำงานใน รพ.หาดใหญ่เข้าปุบจะได้ห้องพิเศษปั้บ  พอสามีมาห้องจ่ายเงินเพื่อเคลีย์เงิน(สามารถเบิกได้เพราะเป็นข้าราชการ)พนักงานจะถามว่านอนห้องพิเศษด้วยหรือไม่(สามีมาเล่าให้ฟังว่ามันถามหาหอกอะไร) ระบบการจองห้องพิเศษห่วยมากๆ  ส่วนการบริการของพยาบาลห้องรวมแย่มากๆ (บ้างคนแต่ส่วนใหญ่) ห้องนอนรวมคนไข้นอกเรียงกันยังกับสัตว์รอโดนเชือด นอนเรียงกันเป็นตับจาก ตัวเราไปนอนอยู่ในนั้นด้วยยังเวทนาต้วเองไม่หาย (ใช้บริการเพราะอยู่ใกล้บ้าน)

ดูจะเป็นการต่อว่ามากกว่าเล่าประสบการณ์นะครับ ดูแสดงอารมณ์เกินไปหรือไม่ ลองมองมุมกว้างๆดู
1. พอสามีมาห้องจ่ายเงินเพื่อเคลีย์เงิน(สามารถเบิกได้เพราะเป็นข้าราชการ)พนักงานจะถามว่านอนห้องพิเศษด้วยหรือไม่(สามีมาเล่าให้ฟังว่ามันถามหาหอกอะไร)     ดูจะเป็นปฎิกิริยาที่รุนแรงเกินไปหรือไม่ การซักถามในบางเรื่องที่แม้จะดูเหมือนทราบอยู่แล้ว ก็เป็นเพียงการยืนยันขอมูล เพื่อลดปัญหาการผิดพลาดเท่านั้น
2. ห้องนอนรวมคนไข้นอกเรียงกันยังกับสัตว์รอโดนเชือด นอนเรียงกันเป็นตับจาก ตัวเราไปนอนอยู่ในนั้นด้วยยังเวทนาต้วเองไม่หาย        นี้ก็เป็นแค่อุปสงค์ อุปทาน(Demand Supply) เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก แต่ที่พักที่มีจำกัดจึงเห็นภาพเหล่านี้ จะพบเห็นได้ทั่วไปใน รพ. ขนาดใหญ่ ของกระทรวงสาธารณสุข อาจผิดกับรพ. ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ที่สามารถปฎิเสธการให้เข้านอนใน รพ. หากเตียงเต็ม

ส่วนข้อสุดท้าย ยังเวทนาต้วเอง ใช้บริการเพราะอยู่ใกล้บ้าน        หากไม่พอใจในบริการที่จำกัด แต่ดูแลผู้ป่วยที่ไม่จำกัด ก็สามารถรับการบริการจาก รพ. ที่เหมาะสมกับบริบทของท่านได้ครับ มีสถาบันทางการแพทย์ให้เลือกมาก
ท้ายที่สุด การเข้ามาบ่นอะไรในนี้อาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพียงระบายอารมณ์ โดยไม่ได้พยายามแก้ไขอะไร ผมว่าการแจ้งแพทย์โดยตรง สนเทศ หรือพยายามสื่อให้ รพ. เห็น เวลานั้นน่าจะเหมาะสมกว่า อีกอย่าง ใจเขา ใจเรา ท่านต้องทำความเข้าใจด้วยว่า บุคคลแต่ละคนไม่เหมือนกัน การพูดการจา อุปนิสัยใจคอ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า แพทย์อย่างไรก็ต้องดูแลผู้ป่วยด้วยจิตใจที่เป็นกุศลในการรักษาผู้ป่วยให้หายทุกคน                                           แพทย์คนหนึ่ง ที่ผ่านมา