ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ทำความรู้จัก SEO Specialist skills ผู้เชี่ยวชาญในการทำ SEO

เริ่มโดย Phasakorn Traklang, 16:29 น. 20 ธ.ค 66

Phasakorn Traklang

SEO Specialists คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Search Engine Optimization มีหน้าที่ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดบน Search Engine เพื่อให้ติดหน้าแรกของการค้นหา โดย Google ถือเป็น Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เพราะฉะนั้น SEO Specialists จะต้องคอยพัฒนา และปรับปรุงเว็บไซต์ในติดบนหน้าแรกของ Google หรือที่เรียกว่า Google SERP (Google Search Engine Result Page) นอกจากนี้ SEO Specialist skills ยังมีบทบาท และหน้าที่อื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น

11 วิธีพื้นฐานที่คุณควรรู้ก่อนเริ่ม ทำ SEO Google


การค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword Research)
Keyword คือ กลุ่มคำที่สะท้อนปัญหาที่ผู้ใช้งานอยากรู้ ที่ต้องทำการค้นหาคำเหล่านั้น และนำมาวิเคราะห์ว่าคีย์เวิร์ดนี้มีคุณภาพมากพอที่จะนำมาใช้งาน เพื่อดันประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ขึ้นหน้า Google SERP โดยปัจจัยที่ใช้ในการเลือกคีย์เวิร์ด คือ จำนวนการค้นหา คีย์เวิร์ดนี้มีความยากง่ายในการแข่งขันมากเท่าไหร่ โดยต้องหาคีย์เวิร์ดทั้งหมด 3 ประเภท คือ Seed Keyword, Niche Keyword และ Niche Longtail Keyword ผ่านการใช้เครื่องมือในการค้นหา อาทิ Google Keyword Planner หรือ Ubersuggest เป็นต้น

การวางโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)
การวางโครงสร้างเว็บไซต์ เพื่อสร้าง First Impression ที่ดีต่อผู้ใช้งาน ว่าคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้สะดวก และรวดเร็วแค่ไหน ทั้งนี้การวางโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันบนหน้า Google เพราะฉะนั้น SEO Specialist skills จำเป็นต้องมองภาพรวมของเว็บไซต์ให้ออก ว่าต้องวางโครงสร้างแบบไหนให้ผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์มาเจออะไรบ้าง รวมไปถึงแต่ละหน้าเว็บไซต์ต้องวาง Keyword แบบไหนลงไปบ้าง

การวางแผนสร้าง SEO Content
หลังจากที่ได้วางโครงสร้างเว็บไซต์เสร็จเรียบร้อย สิ่งต่อมาคือการวางแผนสร้างคอนเทนต์ (SEO Content) โดยการกำหนดเนื้อหา และองค์ประกอบของคอนเทนต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO

หลังจากทำการอัปโหลดคอนเทนต์ลงเว็บไซต์ สิ่งถัดไปที่ต้องทำ คือ การเช็กความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed) เพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็ว หรือช้าแค่ไหน เนื่องจากสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่ออันดับ Google SERP เพราะหากเว็บไซต์โหลดช้า ผู้ที่คลิกเข้ามาชมก็จะออกจากเว็บไปอย่างรวดเร็ว หรือ Bounce Rate สูง อีกทั้งเหล่าผู้เชี่ยวชาญต้องคอยจัดการตรวจสอบ On-page รวมไปถึง Page Speed ให้มีคุณภาพ


การสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ
การทำ Backlink ให้ลิงก์เข้ามายังเว็บไซต์หลักของคุณ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บดีมากขึ้น และมีโอกาสขึ้น Google SERP สูงขึ้น โดยลิงก์ที่หามาจากเว็บไซต์ต้องน่าเชื่อถือ และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน อีกทั้งยังช่วยให้ Search Engine มองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน

การวิเคราะห์ผลลัพธ์
ขั้นตอนสุดท้าย คือ การรวบรวมข้อมูลเพื่อวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การค้นหาคีย์เวิร์ดไปจนถึงการทำ Backlink ผ่านเครื่องมือการตรวจสอบ อย่าง Google Search Console ว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่อันดับที่เท่าไหร่ ขึ้นหน้าแรกหรือยัง (SEO Ranking) แต่หากผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร วิธีแก้ไขคือต้องวางแผนปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ตั้งแต่แรก

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.iamcommonground.com/