บัตรกดเงินสด (Cash Card) สมัครง่าย อนุมัติไว ใช้เงินได้อย่างทันใจ

[tothemoon]

ในปัจจุบัน สถาบันการเงินได้ออกแบบสินเชื่อส่วนบุคคลออกมาหลายแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคน หากใครต้องการใช้เงินสด แต่ไม่มีหลักประกันก็สามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้ อย่างบัตรกดเงินสด KTC Proud โดยสมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ต้องมีหลักประกัน สามารถใช้เงินได้ทันที แล้วบัตรเงินสดนี้ ยังมีคุณสมบัติพิเศษใดอีกบ้าง เหมาะกับใคร แล้วมีการคำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดอย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ
บัตรกดเงินสดคืออะไร?

บัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่งของสถาบันการเงิน ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้กดเงินสดหรือถอนเงินสดจากตู้ ATM ได้ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตในการชำระเงินได้ ภายใต้เงื่อนไขการชำระหรืออัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละสถาบันการเงิน โดยสินเชื่อส่วนบุคคล คือ สินเชื่ออเนกประสงค์ที่สถาบันการเงินอนุมัติให้กู้ยืมไปใช้จ่ายภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

ก่อนเลือกใช้บัตรกดเงินสดควรพิจารณาให้ดี เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับบัตรเครดิต ทั้งนี้ หากชำระไม่ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด อาจจะส่งผลต่อประวัติของผู้ใช้บัตรด้วย ดังนั้น จึงควรพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนใช้บัตรกดเงินสด

แต่ทั้งนี้ ก็ควรจะมีบัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดทั้งคู่ เพราะบัตรแต่ละใบมีลักษณะใช้งานที่แตกต่างกัน ช่วยอำนวยความสะดวกและเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างสอดคล้องกัน เช่น ซื้อสินค้าหรือบริการที่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ รวมถึงการผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือน ก็จะช่วยให้ใช้เงินได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น แต่ถ้าหากร้านค้าไม่รองรับบัตรเครดิต ก็สามารถใช้บัตรกดเงินสด เพื่อกดชำระด้วยเงินสดแทนได้ ดังนั้น การมีบัตรทั้ง 2 ใบ ก็จะช่วยให้สามารถใช้เงินได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
บัตรกดเงินสด VS. บัตรเครดิต

หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า บัตรกดเงินสดกับบัตรเครดิตเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งบัตรทั้ง 2 ใบ เป็นสินเชื่อทางการเงินเหมือนกัน มีลักษณะคล้ายกัน แต่ใช้งานต่างกัน โดยสามารถเปรียบเทียบทีละประเด็นได้ ดังนี้

1. ความหมาย

• บัตรกดเงินสด (Cash Card) คือ สินเชื่อสำหรับใช้กดเงินสดออกมา หรือโอนเข้าบัญชี เพื่อใช้จ่ายในกรณีเร่งด่วนหรือฉุกเฉินต่าง ๆ
• บัตรเครดิต (Credit Card) คือ สินเชื่อสำหรับใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการแทนเงินสด เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

2. การชำระค่าสินค้าหรือบริการ

• บัตรกดเงินสด เน้นกดเงินสดออกมาก่อน แต่ในปัจจุบัน ก็สามารถนำไปรูดซื้อสินค้าหรือบริการได้แล้ว
• บัตรเครดิต สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือบริการได้ทุกร้านค้าที่มีการรองรับ

3. กำหนดชำระ

• บัตรกดเงินสด สามารถชำระเงินคืน พร้อมดอกเบี้ยได้ตามความสะดวก แต่ถ้าหากทิ้งเวลาไว้นาน ดอกเบี้ยก็อาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
• บัตรเครดิต มีระยะปลอดดอกเบี้ยหลังจากชำระค่าสินค้าหรือบริการ โดยจะมีกำหนดชำระค่าบัตรเครดิตในแต่ละเดือน

4. อัตราดอกเบี้ย

• บัตรกดเงินสด จะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่กดบัตร อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง และเป็นแบบลดต้นลดดอก
• บัตรเครดิต จะมีอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้แน่นอน โดยปกติจะมีอัตราดอกเบี้ยต่อปีต่ำกว่าบัตรกดเงินสด

5. การสมัครบัตร

• สมัครบัตรกดเงินสดได้รับอนุมัติง่ายและไว ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดบัตร
• สมัครบัตรเครดิตจะได้รับอนุมัติช้ากว่า เพราะต้องตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ จึงต้องใช้เวลา

บัตรกดเงินสดเหมาะกับใครบ้าง?

บัตรกดเงินสดมีความโดดเด่น คือ การใช้กดเงินสดออกมา ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งาน ดังต่อไปนี้

• ทุกคนสามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา พนักงานเงินเดือน หรือเจ้าของธุรกิจก็สามารถทำได้
• ผู้ต้องการสมัครบัตรกดเงินสด โดยไม่มีหลักประกัน
• ผู้ต้องการใช้เงินในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ โดยสามารถถอนเงินสดจาก ATM หรือโอนเข้าบัญชีได้ตลอดเวลา
• ผู้ต้องทำธุรกรรมด้วยเงินสดเป็นประจำ หรือต้องการเงินสด เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
• ผู้ต้องการใช้เงินสดในการใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าศึกษา ค่ารักษาพยาบาล ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าซ่อมรถ ค่าว่อมบ้าน เป็นต้น

โดยส่วนใหญ่แล้ว บัตรกดเงินสดหรือบัตรเงินด่วนเหมาะสำหรับผู้ต้องการใช้เงินสดในกรณีเร่งด่วนหรือทำธุรกรรมที่จำเป็นต้องใช้เงินสดเท่านั้น ด้วยข้อดีของการสมัครบัตรกดเงินสด คือ ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกัน ทำให้ทุกคนสามารถสมัครได้ง่าย ได้รับอนุมัติไว สามารถใช้เงินได้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่ทั้งนี้ก็ควรวางแผนการชำระเงินคืนให้ดีด้วยเช่นกัน เพราะอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดค่อนข้างสูง และเริ่มคิดคำนวณ ตั้งแต่วันแรกที่กด
การคำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด

การคำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดเป็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน เพื่อให้ใช้บัตรกดเงินสดได้อย่างคุ้มค่า โดยมีวิธีคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด ดังนี้
ดอกเบี้ย = (จำนวนเงินที่กดจากบัตรกดเงินสด x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวัน)/ 365 วัน

ยกตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด คือ กดเงินสด จำนวน 10,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด 20% เป็นเวลาจำนวน 30 วันก่อนจะชำระเงิน
ดอกเบี้ย = (10,000 x 20% x 30 วัน) / 365 วัน = 164.38 บาท
ดังนั้น ดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดโดยประมาณ คือ 164.38 บาท

แต่ทั้งนี้ บัตรกดเงินสดจะคิดคำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแบบลดต้นลดดอก คือ หากมีการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในแต่ละครั้งเข้ามา ก็จะช่วยลดเงินต้นและดอกเบี้ยในรอบถัดไปได้ด้วย ดังนั้น หากเร่งชำระเงินมากขึ้น ดอกเบี้ยในรอบถัดๆ ก็จะยิ่งน้อยลง ช่วยให้ชำระทั้งหมดได้เร็วขึ้น
บัตรกดเงินสด สามารถใช้ทำธุรกรรมอะไรได้บ้าง?

ด้วยบัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อที่สามารถสมัครได้ง่าย อนุมัติไว อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นหรือสามารถทำธุรกรรมประเภทต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น บัตรกดเงินสด KTC Proud ซึ่งมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น

• ใช้บัตรกดเงินสดรูดซื้อสินค้าหรือบริการได้ทั้งร้านค้าและออนไลน์
• สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ได้ทั่วประเทศหรือโอนเข้าบัญชีได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
• ใช้บัตรกดเงินสดสำหรับผ่อนชำระ 0% ได้นานสูงสุด 24 เดือน สำหรับสินค้าหรือบริการที่เข้าร่วมรายการ
• คำนวณดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแบบลดต้นลดดอก ช่วยให้ปิดเงินก้อนไวขึ้น
• สามารถขออนุมัติวงเงินฉุกเฉินชั่วคราวได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อการใช้จ่าย
• วงเงินที่ใช้ได้จะเท่ากับวงเงินที่เหลืออยู่ในบัตรกดเงินสดเท่านั้น หากมีการชำระคืนก็สามารถใช้ต่อได้ทันที
• เลือกชำระเงินคืนเต็มจำนวน หรือขั้นต่ำได้ที่ 3% ตามเงื่อนไข
• มีบริการประกันอุบัติเหตุสำหรับลูกค้ารายใหม่
• สมัครบัตรกดเงินสดออนไลน์ได้อย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีหลักประกัน
• ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีและค่ารักษาสถานภาพบัตร
• หากไม่มีการเบิกถอนหรือใช้บัตรกดเงินสด ก็ไม่เกิดหนี้

คุณสมบัติผู้สมัครบัตรกดเงินสดมีอะไรบ้าง?

สำหรับบัตร KTC Proud เป็นบัตรกดเงินสดของ KTC ช่วยให้สามารถกดเงินสดได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถใช้รูด โอน กดและผ่อนได้อย่างอิสระ ดังนั้น หากต้องการสมัครบัตรกดเงินสด KTC จำเป็นต้องตรวจสอบคุณสมบัติไว้ ดังนี้

1. พนักงานบริษัท หรือพนักงานเงินเดือน

• มีสัญชาติไทย
• อายุระหว่าง 20 - 60 ปี​
• รายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาท/เดือน​
• มีอายุการทำงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป​
• ระบุเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่พักอาศัยหรือที่ทำงาน

2. เจ้าของธุรกิจ

• มีสัญชาติไทย
• อายุระหว่าง 20 - 60 ปี
• รายได้เฉลี่ยขั้นต่ำ 20,000 บาท/เดือน
• มีอายุธุรกิจตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
• ระบุเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่พักอาศัยหรือที่ทำงาน

สำหรับเอกสารการสมัครบัตรกดเงินสดจะต้องใช้เอกสาร ดังนี้

1. พนักงานบริษัท หรือพนักงานเงินเดือน

• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน​
• สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
• สำเนาทะเบียนบ้าน​
• หนังสือรับรองเงินเดือน / สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด (ฉบับจริง)
• สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน
• สำเนาหน้าแรกของบัญชีธนาคาร เพื่อรับเงินโอน

2. เจ้าของธุรกิจ

• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน​
• สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนนิติบุคคล หรือ ทะเบียนการค้า
• สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
• สำเนาหน้าแรกของบัญชีธนาคาร เพื่อรับเงินโอน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบัตรกดเงินสด

ด้วยบัตรกดเงินสดมีลักษณะการใช้งานที่สะดวก สมัครง่าย อนุมัติไว แต่ก็ทำให้หลาย ๆ คนยังมีข้อสงสัย ดังนี้

บัตรกดเงินสดมีอายุการใช้งานกี่ปี?

หากสมัครบัตรกดเงินสดเรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันการเงินจะออกบัตรกดเงินสด ซึ่งมีกำหนดอายุงาน 2 -  5 ปี นับจากวันที่ออกบัตร แต่โดยทั่วไปแล้ว จะมีอายุบัตร 5 ปี เมื่อครบกำหนด ถึงวันหมดอายุของบัตร ก็จะไม่สามารถใช้งานบัตรต่อไปได้ ทางสถาบันการเงินจะต่ออายุ ออกบัตรกดเงินสดใบใหม่ให้โดยอัตโนมัติล่วงหน้าประมาณ 1 - 2 เดือน ก่อนบัตรใบเก่าจะหมดอายุ

บัตรกดเงินสดดอกเบี้ยเท่าไหร่?

แต่ละสถาบันการเงินจะมีการอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ยกตัวอย่าง บัตรกดเงินสด KTC Proud โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

• แบบผ่อนชำระรายเดือน (12 - 60 เดือน)

           1. ยอดเงินโอนก้อนแรก จำนวน 50,000 บาท ขึ้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด 19.99% ต่อปี
           2. ยอดเงินโอนก้อนแรก จำนวนต่ำกว่า 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด 25.00% ต่อปี

• แบบชำระขั้นต่ำ คิดอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด 25.00% ต่อปี

สรุปเกี่ยวกับบัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องใช้หลักประกัน สามารถสมัครบัตรกดเงินสดออนไลน์ได้ อนุมัติไว กดใช้เงินได้ทันที โดยไม่มีค่าธรรมเนียม เลือกรูดซื้อสินค้า โอนเงิน กดเงิน หรือผ่อนจ่ายได้อย่างอิสระ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องวางแผนการชำระเงินคืนให้ดี เพราะต้องชำระดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดร่วมด้วย แต่ทั้งนี้ หากต้องการเงินก้อนจำนวนมาก ยังมีสินเชื่อประเภทอื่นที่เหมาะสมกว่าอย่างรถแลกเงิน ซึ่งใช้รถเป็นหลักประกัน ทำให้ได้วงเงินอนุมัติที่สูงขึ้น