ทำ Resume สำหรับคนอยากเปลี่ยนสายงาน ทำยังไงให้ได้งานชัวร์!

[w.cassie]

การเปลี่ยนสายงานเป็นขั้นตอนที่ท้าทาย และอาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลว่าจะทำ Resume ยังไงให้โดดเด่นในสายงานใหม่ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหางานในสายอาชีพใหม่ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่เคยทำ คุณอาจต้องวางกลยุทธ์ในการทำ Resume เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งใหม่ที่ต้องการสมัคร บทความนี้เราจะพามาดูวิธีการทำ Resume สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน รวมถึงเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานใหม่ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1. ระบุสกิลร่วม (Transferable Skills)
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำเรซูเม่สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนสายงานคือการระบุ "ทักษะที่สามารถนำไปปรับใช้" (Transferable Skills) ได้ในหลายอุตสาหกรรมหรือหลายตำแหน่งงาน แม้จะไม่มีประสบการณ์ในสายงานใหม่ก็ตาม
ตัวอย่างของทักษะ เช่น
การสื่อสาร: ทักษะการพูดและการเขียนที่ดีสามารถใช้ได้ในทุกสายงาน
การทำงานเป็นทีม: การทำงานร่วมกับผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
การแก้ปัญหา: การหาทางออกที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ต่างๆ
การแสดงทักษะเหล่านี้ในเรซูเม่จะช่วยให้นายจ้างเห็นว่า แม้คุณจะไม่มีประสบการณ์ในตำแหน่งนั้น ๆ แต่คุณก็ยังคงมีทักษะที่สามารถนำไปใช้กับงานใหม่ได้ทันที

2. เน้นการเรียนรู้และการพัฒนา
เมื่อเปลี่ยนสายงาน การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากนายจ้างจะต้องมั่นใจว่าคุณจะสามารถปรับตัวเข้ากับงานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
ในการทำ Resume ควรจะเติมสิ่งเหล่านี้ลงไปด้วย
ระบุการอบรมหรือคอร์สที่เกี่ยวข้อง: เช่น คอร์สออนไลน์, เวิร์กช็อป, หรือการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสายงานใหม่
แสดงความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่: เช่น การใช้ซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ หรือการปรับตัวในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดจะช่วยให้นายจ้างรู้สึกมั่นใจในตัวผู้สมัครงาน แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งนั้นมาก่อน

3. ปรับรูปแบบเรซูเม่ให้เหมาะสมกับสายงานใหม่
การทำ Resume สำหรับการเปลี่ยนสายงานจำเป็นต้องปรับรูปแบบและโครงสร้างให้เหมาะสมกับงานใหม่ เช่น หากเคยทำงานในสายการตลาดและต้องการเปลี่ยนไปเป็นงานในสาย IT คุณควรเน้นทักษะที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และการแก้ปัญหาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสายงานใหม่นั้น ๆ
คำแนะนำในการปรับรูปแบบ
ใช้เรซูเม่ประเภท Functional Resume: เรซูเม่ประเภทนี้เน้นไปที่ทักษะและประสบการณ์ที่มีอยู่แล้ว โดยไม่มุ่งเน้นที่ประวัติการทำงานในอดีต
เน้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสายงานใหม่: หากคุณมีประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับงานใหม่ หรือมีโปรเจกต์ที่สามารถแสดงทักษะที่เกี่ยวข้องได้ ควรทำให้ชัดเจน

4. ใช้ประสบการณ์ในอดีตเพื่อแสดงความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์โดยตรงในสายงานใหม่ แต่ประสบการณ์ในอดีตก็สามารถช่วยแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้
ตัวอย่างเช่น
การจัดการโปรเจกต์: หากคุณเคยทำงานในสายการจัดการโปรเจกต์หรือมีบทบาทในการเป็นผู้นำในทีม คุณสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการและประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมหนึ่งไปอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง
การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า: หากคุณเคยทำงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการลูกค้า หรือการขาย คุณสามารถใช้ประสบการณ์นี้เพื่อแสดงทักษะการติดต่อสื่อสารและการให้บริการที่สามารถนำไปใช้ในงานใหม่

5. เขียน Objective Statement ที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน
ในการทำ Resume ควรระบุ "Objective Statement" หรือข้อความที่บอกถึงเป้าหมายการทำงานเป็นส่วนที่สำคัญ ควรเขียน objective statement ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนสายงานและความสามารถในการปรับตัว เช่น
"ด้วยประสบการณ์ในสายการตลาดและความมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยี จึงต้องการที่จะใช้ทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลและการสื่อสารเพื่อประสบความสำเร็จในตำแหน่งนักวิเคราะห์ข้อมูลในอุตสาหกรรมไอที"

การมี objective statement ที่ชัดเจนและมุ่งเน้นในสายงานใหม่จะทำให้นายจ้างเห็นว่าผู้สมัครงานมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเปลี่ยนสายงาน
การทำ Resume สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนสายงานอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์ในการเน้นทักษะที่มีอยู่แล้ว รวมถึงการแสดงความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ และการปรับรูปแบบเรซูเม่ให้เหมาะสมกับตำแหน่งใหม่ แค่นี้ก็สามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับการพิจารณาจากนายจ้างได้มากขึ้น อีกทั้งการทำ Resume ในลักษณะนี้จะช่วยแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานในสายอาชีพใหม่ที่คุณต้องการ