ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

กฎหมายแร่ฉบับใหม่เปิดช่องทำเหมืองป่าต้นน้ำ

เริ่มโดย ฅนสองเล, 14:48 น. 25 พ.ค 55

ฅนสองเล

[attach=1]
ภาพจาก thaingo.org
เรื่อง ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ศสธ.)

16 พฤษภาคม 2555 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ร่วมกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเวทีเพื่อระดมความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ... ฉบับใหม่ ที่โรงแรมสยามรอยัล ซิตี้ ธนบุรีโดยก่อนหน้านี้ กพร. ได้ว่าจ้างสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดทำโครงการศึกษาวิเคราะห์ความเหมาะสมในการพัฒนาและยกร่างกฎหมายว่าด้วยแร่ซึ่งขณะนี้ได้ยกร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ... ขึ้นมาเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น ก่อนที่จะเสนอ ครม. อนุมัติต่อไป

นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ผู้ประสานโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะทรัพยากรแร่เปิดเผยว่า ร่างกฎหมายแร่ฉบับใหม่นี้มีเนื้อหาสาระสำคัญคือ ต้องการเข้าไปเอาแร่ในเขตพื้นที่ป่าไม้ทั้งที่มีกฎหมายเฉพาะหรือไม่เฉพาะในเรื่องห้ามการเข้าใช้ประโยชน์ใดๆ ออกมาให้เอกชนประมูลเพื่อการสำรวจและทำเหมืองแร่ได้เป็นอันดับแรกก่อนการสงวนหวงห้าม ปรากฎอยู่ในมาตรา ๘๐ - ๘๒ ของร่างฯ นี้ คือ มาตรา ๘๐ เพื่อประโยชน์แก่การบริหารจัดการแร่ด้านเศรษฐกิจของประเทศและการได้มาซึ่งทรัพยากรแร่อันมีค่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ และโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดพื้นที่ใดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองได้เป็นอันดับแรกก่อนการสงวนหวงห้ามหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่นในพื้นที่นั้น โดยพื้นที่ที่จะกำหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ได้ต้องเป็นพื้นที่ดังต่อไปนี้ (๑) มีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์และมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง (๒) มิใช่พื้นที่ตามกฎหมายเฉพาะเรื่องห้ามการเข้าประโยชน์ใดๆ โดยเด็ดขาด รวมถึงพื้นที่ตามกฎหมายว่าด้วยเขตปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ

"เรื่องสำคัญคือประเด็นในมาตรา ๘๐ ต้องการประกาศกำหนดให้แร่ที่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองได้เป็นอับดับแรกก่อนการสงวนหวงห้าม ซึ่งในมาตรา ๘๐ ร่างฯ ใหม่ ตัดคำว่า 'ที่มิใช่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม' ออกไปจากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ฉบับที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ก็เท่ากับว่าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตามในพื้นที่ป่าไม้ถึงแม้จะเป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมก็สามารถนำแร่ที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นมาประกาศเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองได้เป็นอันดับแรกก่อนการสงวนหวงห้าม ซี่งใน มาตรา ๘๑ หลังจากประกาศเขตแหล่งแร่ตามมาตรา ๘๐ แล้ว ก็จะทำการประกาศให้เอกชนมาประมูลเขตแหล่งแร่ตามมาตรา ๘๐ เพื่อขอสัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ต่อไปได้"

ส่วนในมาตรา ๘๒ นั้น นายเลิศศักดิ์ ระบุว่า มาตรานี้ยังเปิดโอกาสให้เอกชนที่ชนะการประมูลสำรวจและทำเหมืองแร่ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามมาตรา ๘๐ ไม่ต้องขออนุญาตหรือสัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ (อาชญาบัตรและประทานบัตร) ตามกฎหมายแร่ได้อีกด้วย รวมทั้ง หากไม่ต้องขอสัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่แล้วนั่นก็หมายความว่าไม่ต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม หรือตาม ๖๗ วรรคสอง ด้วย ก็เพราะว่าในมาตรา ๘๑ ได้เปิดโอกาสให้รัฐและเอกชนทำสัญญาต่างตอบแทนระหว่างกัน จนเป็นเหตุจูงใจให้รัฐสามารถออกประกาศกระทรวงเพื่อกำหนดให้แร่บางชนิด/ประเภท และการทำเหมืองบางขนาดไม่ต้องขออนุญาตสัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ตามกฎหมายแร่ได้ ขึ้นอยู่กับคนออกประกาศกระทรวง คือ รัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการแร่ ที่สัดส่วนส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกือบทั้งหมด ไม่เพียงแค่นั้น ในมาตรา ๘๒ นี้ยังเป็นการลดขั้นตอนในการขออนุญาตสัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่อีกด้วย

"โดยปกติ ตามกฎหมายแร่ ๒๕๑๐ ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน การเข้าไปขอสัมปทานแร่ในเขตพื้นที่ป่าไม้ หากติดเงื่อนไขว่าพื้นที่ป่าอยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น ๑ เอ หรือบี บางภาค เช่น ภาคเหนือ ก็ห้ามนำพื้นที่ป่าไม้ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำดังกล่าวมาใช้ประโยชน์หรือทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่บางภาค ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือทำกิจกรรมใดๆ ได้ แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เป็นรายๆ ไป ซึ่งจะทำให้มีขั้นตอนและระยะเวลาเพิ่มเติมจากคำขอสัมปทานสำรวจหรือทำเหมืองแร่ปกติ แต่มาตรา ๘๒ นี้ สามารถนำแร่ในพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่หวงห้ามไว้ออกมาให้สัมปทานได้โดยไม่ต้องผ่านมติ ครม. อีกต่อไป และสามารถเปลี่ยนแปลงมติ ครม. เดิมที่เคยระบุไว้ว่าพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำหวงห้ามบางภาค เช่น ภาคเหนือ ที่มิให้ใช้ประโยชน์หรือทำกิจกรรมใดโดยเด็ดขาด สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการขอสัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ได้"