ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

"พยาบาล"สุดกลั้นขู่หยุดงานทั่วปท. จี้รบ.แก้ระเบียบไม่บรรจุ-ไม่เติบโต

เริ่มโดย ฅนสองเล, 10:12 น. 02 มิ.ย 55

ฅนสองเล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   2 มิถุนายน 2555 02:31 น.   

"พยาบาล" ร้องขอความเป็นธรรม วอนรบ.ช่วยคืนตำแหน่งซี 8 ระดับบริหาร ชี้เหตุพยาบาลรัฐขาดแคลนเพราะขาดขวัญ กำลังใจ แนะเร่งบรรจุตำแหน่งข้าราชการให้กับลูกจ้างในร.พ.ชุมชนทั่วประเทศ เผยผลวิจัยชี้คุณภาพชีวิตพยาบาลแย่ ทั้งป่วยเป็นมะเร็ง-ครอบครัวแตกแยก โอดร้องผ่านหลายหน่วยงานแต่ไม่เป็นผล ขู่หากยังไม่คืบเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจงกล อินทสาร ประธานชมรมผู้บริหารการพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชน ให้สัมภาษณ์ศูนย์ข่าว TCIJ ถึงกรณีกลุ่มวิชาชีพพยาบาลยื่นหนังสือต่อนายวิทยา บูรณศิริ รมว.สาธารณสุข เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม ในการบรรจุตำแหน่งข้าราชการให้กับพยาบาลอัตราจ้างในโรงพยาบาลชุมชน จำนวนกว่า 20,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ รวมทั้งปัญหาการตั้งแต่ตำแหน่งพยาบาลชำนาญการพิเศษ นางจงกลกล่าวว่า เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันปัญหาพยาบาลขาดแคลนกำลังเกิดขึ้นในโรงพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ ทำให้เกิดปัญหาจำนวนพยาบาลไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ส่งผลต่อการให้บริการด้านสุขภาพกับผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษา
       
       ทั้งนี้สาเหตุสำคัญของการขาดแคลนบุคลากรพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐ มาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ ปัญหาการไม่ได้รับการบรรจุเข้าสู่ระบบราชการ และความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการเติบโตในสายวิชาชีพ ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีความพยายามในการเคลื่อนไหว เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไข แต่พบว่ายังไม่คืบหน้า จนกลายเป็นความกดดัน และคับข้องใจของกลุ่มพยาบาลเป็นอย่างมาก และหากปัญหายังคงคาราซังอยู่เช่นนี้ กลุ่มพยาบาลที่ได้รับผลกระทบอาจจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อให้สังคมหันมามองและร่วมกันหาแนวทางแก้ไข เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวบุคลากรพยาบาลโดยตรงเท่านั้น แต่หมายถึงคุณภาพการให้บริการต่อประชาชนอีกด้วย
       
       ระบบห่วยทำพยาบาลรัฐหายครึ่งต่อครึ่ง
       
       นางจงกลกล่าวว่า ขณะนี้ชมรมฯ รวมไปถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้อง กำลังหาช่องทางที่จะให้รัฐบาล หันมาแก้ไข 2 ประเด็นหลักนี้ ประเด็นแรก เรื่องของการบรรจุตำแหน่งนั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และส่งผลโดยตรงต่อการขาดแคลนบุคลากรพยาบาล เนื่องจากพยาบาลต่างขาดขวัญและกำลังใจ เนื่องจากไม่มั่นใจในความมั่นคงของวิชาชีพ เพราะไม่ได้รับการบรรจุเป็นราชการ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการลดขนาดข้าราชการของรัฐบาล ทำให้ไม่มีตำแหน่งที่จะสามารถบรรจุพยาบาลใหม่ๆ ได้ ดังนั้นทำให้กลุ่มพยาบาลเหล่านี้ เลือกที่จะออกไปทำงานในสถานพยาบาลอื่นๆ เช่น โรงพยาบาลเอกชน หรือ สถานพยาบาลในบริษัท โรงงานอุตสาหกรรม แทนการทำงานในโรงพยาบาลรัฐ เพราะนอกจากจะได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าแล้ว ยังเป็นงานสบายกว่าการทำงานในโรงพยาบาลของรัฐด้วย
       
       ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ปีแรกของพยาบาลที่เข้าใหม่จะมีพยาบาลหายไปจากระบบราชการถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และ ในปีที่ 2 จะมีพยาบาลหายจากระบบไปจากที่เหลืออีก 25 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นในปีที่ 3 จะเหลือพยาบาลในระบบราชการอยู่เพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
       
       "ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะต้องหาคนเข้ามาใหม่ และต้องคอยฝึกคนใหม่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนจะได้พยาบาลที่ได้รับการฝึกงานจากโรงพยาบาลรัฐไปแล้ว คุณภาพการทำงานระหว่างคนมีประสบการณ์แล้ว ย่อมดีกว่าคนที่ฝึกใหม่แน่นอน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพยาบาลเหล่านั้นถูกฝึกไปจากโรงพยาบาลของรัฐทั้งสิ้น เพราะพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชน จะต้องดูแลคนไข้ได้หลายอย่าง มีประสบการณ์มากกว่าเยอะมาก แต่กลับเป็นว่าเมื่อเราฝึกคนแล้วเขาก็ไม่อยู่ เพราะไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ ขาดความความมั่นคง ผลกระทบจึงเกิดขึ้นกับทั้งโรงพยาบาลรัฐเอง และส่งไปถึงประชาชนด้วย" นางจงกลกล่าว
       
       ลดตำแหน่งดองพยาบาลระดับบริหาร
       
       ส่วนการเคลื่อนไหวในประเด็นที่ 2 นางจงกลกล่าวว่า เป็นเรื่องของความก้าวหน้าในวิชาชีพพยาบาลที่ถูกละเลยซึ่งแตกต่างกับวิชาชีพด้านสาธารณสุขอื่นๆ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ทั้งนี้ในส่วนของวิชาชีพพยาบาลนั้น ในอดีตส่วนใหญ่เมื่อได้รับการบรรจุจะเริ่มตั้งแต่ระดับ 3 หรือปัจจุบันเรียกว่า ตำแหน่งพยาบาลปฏิบัติการ และหากทำงานจนมีประสบการณ์ และมีผลงานด้านวิชาการเพียงพอ ก็จะได้เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นระดับ 7 หรือพยาบาลชำนาญการพิเศษในปัจจุบัน ซึ่งในระบบดังกล่าวมีการดำเนินการมาจนกระทั่งในปี พ.ศ.2550 กลุ่มของผู้บริหารพยาบาลชุมชน จึงมีการพูดคุยกันว่า ที่ผ่านมาในการทำงานของผู้บริหารพยาบาลชุมชน ที่ต้องรับผิดชอบดูแลองค์กรทั้งหมดตลอด 24 ชั่วโมง แต่กลับปรากฎว่า ระดับตำแหน่งกลับเท่ากันหมดกับกลุ่มพยาบาลในระดับรองๆ ลงไป ส่งผลต่อการทำงาน เพราะเมื่อมีผู้บริหารเกษียณอายุราชการหรือลาออกแล้ว จึงไม่มีใครอยากจะขึ้นมารับตำแหน่งนี้ เพราะไม่อยากรับผิดชอบ และตำแหน่งหน้าที่ที่เป็นอยู่ก็เป็นระดับเดียวกัน ความก้าวหน้าอื่นจึงไม่จำเป็นต้องมี
       
       ดังนั้นจึงกลายเป็นปัญหาทำให้หาบุคลากรด้านการบริหารในระดับสูงขึ้นมาไม่ได้ เพราะทุกคนพอใจที่จะอยู่ในหน้าที่เดิมมากกว่า จนเป็นเหตุให้มีแนวคิดต่อการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ โดยมีการรวมตัวกันเพื่อหาทิศทางการขับเคลื่อนหาช่องทางว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้วิชาชีพพยาบาลมีความก้าวหน้า กลุ่มผู้บริหารการพยาบาลจึงได้ต่อสู้ในเรื่องดังกล่าวมาตลอด
       
       จนในที่สุดมีการประกาศให้ หัวหน้าพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชนสามารถขึ้นสู่ระดับ 8 หรือตำแหน่งพยาบาลผู้ชำนาญการพิเศษได้ แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นอีก เมื่อมีเงื่อนไขว่า หากจะมีคนขึ้นตำแหน่งนี้ได้นั้น จะต้องรอจนกว่าจะมีตำแหน่งว่างที่เกิดจากการลาออก หรือเออรี่รีไทน์ แล้วยุบตำแหน่งนั้น เพื่อนำเงินมาใช้ในกับตำแหน่งของพยาบาลชำนาญการพิเศษ เท่ากับว่าคนจำนวนลดลง แต่งานเท่าเดิม ในขณะที่ในกลุ่มของแพทย์ กลับไม่ต้องทำเช่นนั้น สามารถขยับขึ้นไปได้เลย ซึ่งตอนนั้นมีผู้บริหารการพยาบาลในระดับหัวหน้าพยาบาลของโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ ที่ได้ขึ้นถึงระดับตำแหน่งพยาบาลผู้ชำนาญพิเศษได้จำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังขาดอยู่อีกถึง 300 กว่าตำแหน่ง
       
       ร้องกก.สิทธิ์ช่วย-เสนอก.พ.ทบทวน
       
       "เราจึงพยายามหาช่องทางจะทำอย่างไร เพราะเห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงนำเรื่องทั้งหมดไปยื่นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเป็นปีในการที่คณะกรรมการสิทธิฯ ตีความ สรุปว่า กรณีนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมจริงๆ จากนั้นเราจึงนำเรื่องเสนอไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้ทบทวน และขอให้แก้ปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อวิชาชีพ คือทุกวิชาชีพจะต้องมีการเติบโตได้ โดยไม่มีความเหลี่อมล้ำ แต่ระหว่างนั้นกระทรวงสาธารณสุข กลับมีคำสั่งเรียกกลับตำแหน่งว่างทั้งหมดเพื่อไปใช้ในการบรรจุแพทย์และเภสัชกร ยิ่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับกลุ่มพยาบาลมากขึ้นไปอีก ซึ่งกรณีนี้เราก็เคยไปยื่นเรื่องที่ศาลปกครองมาแล้ว แต่ศาลไม่รับฟ้อง เนื่องจากไม่ได้เป็นการยื่นในช่วงเกิดปัญหาใหม่ๆ ถือว่าเป็นการรับสภาพ" นางจงกลกล่าว
       
       กมธ.สาธารณสุขสั่งก.พ.- สธ.ศึกษาแต่ไม่คืบ
       
       หลังจากนั้นกลุ่มพยาบาลจึงนำเรื่องนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการสาธารณสุข รวมทั้งยื่นหนังสือต่อไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทำให้คณะกรรมาธิการฯ เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกันเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ผลการประชุมในวันนั้น คณะกรรมาธิการฯ ได้ขอให้ก.พ.กับกระทรวงสาธารณสุข ไปหารือกันในประเด็นนี้ แม้ทางก.พ.จะระบุว่า หากดำเนินการจะต้องดำเนินการกับทุกสายวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุข ที่มีปัญหาเดียวกันก็ตาม โดยคณะกรรมาธิการฯ ให้เวลาทั้งสองหน่วยงาน 2 สัปดาห์กลับไปศึกษาหาแนวทาง เพื่อแก้ปัญหาให้กับกลุ่มพยาบาล แล้วให้กลับมารายงานผล แต่หลังจากนั้น 5 สัปดาห์ กลุ่มผู้บริหารการพยาบาลได้ติดตามผลก็ได้รับทราบว่า ทางก.พ.และกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานกลับมายังคณะกรรมาธิการฯ ว่า ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้นขอเวลาเพิ่มเติม
       
       อย่างไรก็ตามมีการรายงานข้อมูลในทางลับว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวกับทุกสายวิชาชีพ ไม่ได้ดำเนินการเฉพาะกลุ่มของพยาบาลกลุ่มเดียวเท่านั้น จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มพยาบาลเกิดความข้อสงสัย และความคับข้องใจอีกครั้งจนเป็นสาเหตุของการนำมาซึ่งการเรียกร้องให้กลุ่มพยาบาลที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมออกมารวมกลุ่มเรียกร้องอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งหนึ่ง
       
       ทางออกสุดท้ายหยุดงานประท้วง
       
       นางจงกลกล่าวอีกว่า เนื่องจากขณะนี้ทั้งสองประเด็นยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้ว่า จะมีความพยายามในการเคลื่อนไหวของกลุ่มพยาบาลตลอดมา ปัญหาจึงกำลังขยายวงออกไปอย่างมาก จากความกดดันของพยาบาลทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ในกลุ่มผู้บริหารเท่านั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ ผลประโยชน์ตอบแทนที่พยาบาลจะได้รับเพิ่มขึ้น แต่กลับไม่ได้ และต้องสูญเสียไปเป็นเวลานาน ทำให้พยาบาลรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม หากเปรียบเทียบในระหว่างวิชาชีพด้านสาธารณสุขด้วยกัน ขณะนี้จึงมีความเป็นไปได้ว่า หากไม่ได้คำตอบกลุ่มพยาบาลก็อาจจะต้องเลือกการออกมาชุมนุม หรือนัดหยุดงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะให้เป็นทางเลือกสุดท้าย โดยการหยุดงานดังกล่าวจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรักษาจริยธรรมของการพยาบาล
       
       "ตอนนี้เราได้แต่บอกกับเพื่อนพยาบาลทั่วประเทศว่า อย่าเพิ่งเดินขบวน อย่าเพิ่งหยุดงาน เพราะมุมมองของคนทั่วไป ภาพคนที่ให้บริการด้านชีวิตมาเดินขบวนย่อมเป็นภาพติดลบอย่างแน่นอน เราจึงพยายามหาแนวทางในการเจรจาให้ได้ผลมากที่สุด เพื่อหาทางขับเคลื่อนปัญหา ตอนนี้รัฐมนตรีสาธารณสุขรับปากว่าจะดูแล เราก็จะต้องดูก่อน แล้วทบทวนว่าจะทำอย่างไร หากก.พ.อิดออด ทางที่ดีก็ต้องให้เรื่องเข้าครม.ให้ได้ แต่ยังไม่มีช่องทาง ส่วนการเดินขบวน หยุดงาน ผละงานจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะทำ โดยจะไม่ทำให้ส่งผลกระทบต่อคนไข้ที่ป่วยหนัก หรือมีผลต่อชีวิต แต่จะใช้พยาบาลในหน่วยงานอื่นๆ แทน เพราะเรายังมีจริยธรรมในวิชาชีพ" นางจงกลระบุ
       
       อยากร้องนายกฯ ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าการเคลื่อนไหวมีเส้นตายที่แน่นอนหรือไม่ นางจงกลกล่าวว่า เนื่องจากในสายวิชาชีพตอนนี้เกี่ยวเนื่องกับการเป็นข้าราชการ หากจะดำเนินการใดๆ จำเป็นจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะต้องให้ผ่านทางกระทรวงสาธารณสุขก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มพยาบาลเอง เคยเดินทางไปปิดกระทรวงสาธารณสุขมาแล้ว และได้รับการตอบรับจากผู้ใหญ่ในกระทรวงฯ ว่าจะดูแล และให้ความหวังทำให้ทั้งหมดสลายตัวกลับไป ดังนั้นหากจะดำเนินการอะไรอีกครั้งจำเป็นที่จะต้องมีการวางระบบให้ดี และหารือผู้ใหญ่ด้วย ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันในกลุ่มที่เคลื่อนไหวว่า ต้องการที่จะเข้าขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกันแต่ผลสรุปต้องการให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนก่อน
       
       ระบุนศ.พยาบาลตอนนี้เรียนเพราะไม่มีทางเลือก
       
       นางจงกลกล่าวต่อว่า อยากให้สังคมหันมาให้ความสนใจประเด็นปัญหาเรื่องของสวัสดิการ ค่าตอบแทน ของพยาบาล เพราะที่ผ่านมามักถูกมองข้าม ซึ่งอาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องทำงานในสภาวะกดดันอยู่ตลอดเวลา และต้องอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของผู้ป่วยทุกคนว่า จะต้องได้รับการบริการที่ดี แต่หากมองย้อนกลับไปจะพบว่า ปัญหาคุณภาพของพยาบาลกลับลดลง ในอดีตผู้ที่จะเข้าเรียนพยาบาลจะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบแข่งขันและคนที่เป็นหัวกระทิเท่านั้น ที่จะมีโอกาสเข้าเรียนเป็นพยาบาล แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป
       
       และสาเหตุที่กลุ่มของวิชาชีพพยาบาลไม่ได้รับการดูแลเรื่องสวัสดิการ โอกาสก้าวหน้าเติบโตทางวิชาชีพนี่เอง ทำให้การเรียนการสอนวิชาชีพพยาบาลขณะนี้จะมีเพียงกลุ่มของเด็กที่ไม่มีทางเลือก ไปทางอื่นไม่ได้ เกรดคะแนนต่ำ เข้ามาเรียนด้วยแค่ความหวังว่าจะไม่ตกงาน เพราะบุคลากรขาดเยอะ แต่เมื่อเรียนจบออกมาจึงไม่ได้พยาบาลที่มีคุณภาพ และหากปัญหาพื้นฐานทั้งหมดของพยาบาลไม่ได้รับการแก้ไข สถานการณ์ของวิชาชีพพยาบาลก็จะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป
       
       "คนเข้าสู่ระบบจะมีคุณภาพต่ำลงเรื่อยๆ และจะส่งผลต่อคุณภาพการบริการให้กับประชาชนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันที่รัฐบาลเปิดให้มีโครงการ 30 บาท ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐมากขึ้น จากเดิมที่ไปตามคลินิก โรงพยาบาลเอกชน เพราะเป็นการรักษาฟรี พยาบาลจึงต้องรับงานหนักจนโหลด เพราะรัฐบาลไม่ได้เตรียมการเรื่องบุคลากรรองรับให้เหมาะสมปัญหาจึงจะตามมาอย่างน่าเป็นห่วง เพราะพยาบาลต้องทำงานในทุกมิติ ตั้งแต่ ส่งเสริม ฟื้นฟู ป้องกัน และรักษา"
       
       คุณภาพชีวิตแย่ป่วยมะเร็งอื้อ-หย่าร้างมากที่สุด
       
       "มีงานวิจัยออกมาอย่างชัดเจนว่า วันนี้พยาบาลไทยมีอัตราส่วนของการเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มมากขึ้น สาเหตุเพราะไม่มีเวลาพักผ่อน ในขณะเดียวกันก็มีอัตราการหย่าร้างที่สูงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะว่าไม่มีเวลาที่จะให้ความสุขกับสามีได้ เพราะต้องขึ้นเวรดึกๆ เวลาให้กับครอบครัวน้อย อัตราการเป็นโสดก็สูง เพราะชีวิตต้องอยู่กับการทำงาน จนกระทั่งบางคนบอกว่า ถึงจะได้ค่าโอที ค่าขึ้นเวร แต่พวกเขาไม่เอาอยากขอแค่เวลาพักผ่อนมากกว่า เพราะพยาบาลทำงานหนักเกินไป และดูเหมือนจะเป็นวิชาชีพที่ถูกมองว่าต่ำกว่าวิชาชีพอื่นในสายเดียวกัน ทั้งแพทย์ เภสัชกรและอื่น"
       
       โอดค่าชีวิตพยาบาลกับหมอไม่เท่ากัน
       
       นอกจากนี้นางจงกลยังได้กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์ งานด้านการพยาบาลของไทยในขณะนี้ว่า รัฐบาลควรสร้างแรงจูงใจให้กับกลุ่มพยาบาลมากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพด้านสุขภาพด้วยกัน เช่นเรื่องค่าตอบแทน ซึ่งปัจจุบันมีความแตกต่างมาก โดยเฉพาะระหว่างแพทย์กับพยาบาล เช่นเรื่องของเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย แพทย์จะได้รับตั้งแต่ 10,000-70,000 บาทขึ้นอยู่กับอายุงาน ขณะที่พยาบาลได้ในหลักพันบาทเท่านั้น หรือ ค่าเสี่ยงภัยหรือค่าชีวิตของแพทย์กับพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงภัย ก็มีอัตราไม่เท่ากัน
       
       ซึ่งในความเป็นจริงค่าชีวิตของคนในทุกวิชาชีพ หรือทุกคนควรจะเท่ากัน และพยาบาลเองถือว่าเป็นด่านแรกที่ต้องปะทะกับคนไข้ ซึ่งล่าสุดจะเห็นว่าพยาบาลถูกยิงเสียชีวิตที่จ.สระแก้ว รวมถึงการบรรจุงานตามข้อเรียกร้อง เพราะมิฉะนั้น พยาบาลจะทำงานในโรงพยาบาลของรัฐเพียง 1 ปี ก่อนที่จะออกไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน ทำให้บุคลากรในโรงพยาบาลรัฐหรือชุมชนมีบุคลากรไม่เพียงพอ และรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการแก้ปัญหาเรื่องนี้ โรงพยาบาลจะต้องหาบุคลากรเอง ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ถึงแม้จะมีเงินจ้างแต่ก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามาทำ เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนถึงกับไปจองตัวนักศึกษาพยาบาลตั้งแต่เรียนไม่จบ และยังมีเงินกินเปล่าให้ด้วยในหลักแสนบาท หรือบางแห่งก็มีการให้หัวคิวหากหาพยาบาลมาให้ได้ ทำให้โรงพยาบาลรัฐสู้ไม่ได้ คนที่ทำอยู่จึงต้องทำงานหนักเกินความเหมาะสมนั่นเอง
       
       "เรื่องอาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่หนักมาก ในอดีตบางคนแม้จะท้องใกล้คลอดก็ยังต้องมาทำงานดูแลคนไข้ เดินทั้งวัน คนที่มีครอบครัวแล้วก็ยังต้องห่างกับครอบครัว อยากจะย้ายตามสามีก็ไปไม่ได้เพราะไม่มีคนมาแทน เป็นเรื่องที่คับข้องใจอย่างมากของพยาบาล แต่กลับไม่ได้รับการดูแล และในสายงานเดียวกัน วิชาชีพพยาบาลยังถูกมองว่าต่ำต้อยที่สุด ทั้งที่เราทำงานหนักที่สุด การเคลื่อนไหวครั้งนี้เราเพียงอยากให้สังคมหันมาให้ความสำคัญกับอาชีพพยาบาลบ้าง และรัฐบาลเองก็ควรจะดูแลเรื่องนี้ ซึ่งหากเรื่องยังไม่คืบหน้าทางเลือกสุดท้ายก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะตอนนี้พยาบาลในอัตราจ้างจำนวนกว่า 20000 คนเขาอึดอัดและพร้อมที่จะเคลื่อนไหว" นางจงกลกล่าวในตอนท้าย

นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

คนใน


นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

แดงเทียม

ยังยึดติดกับความเป็นข้าราชการกันแบบไม่รู้จบ ที่จริงการจ้างงานในภาครัฐก็ต้องถือว่าเป็นแค่การจ้างงานประเภทหนึ่ง คุณทำงานให้รัฐ
รัฐจ่ายค่าตอบแทนให้ ก็แค่นั้น แต่นี่ไม่ว่าอาชีพไหน พอทำงานให้รัฐก็จะต้องเรียกร้องสถานะข้าราชการ  ถามจริงๆถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเทศจะไปรอดไหม ทุกวันนี้เกือบครึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็คือค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนสารพัดอย่าง ยังไม่รวมสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าอะไรต่อมิอะไร ในส่วนที่เป็นการลงทุน ประเทศไทยต้องใช้วิธีกู้เงินมาจ่าย  แล้วถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง เอวัง
คงต้องถามว่าคนที่เขาไม่ใช่ข้าราชการ ทำงานบริษัท ทำงานโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ตายกันหมดแล้วหรือ
ที่จริงถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ  เว้นแต่จะกะได้เป็นข้าราชการ
คิดว่าจะสบายแล้ว ทำงานยังไงก็ได้ ชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ สิ้นปีเขาไปขั้นนึง เป็น dead wood ยังไงรัฐบาลก็เอาออกไม่ได้ถึงอยากเป็นข้าราชการกันนัก

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: แดงเทียม เมื่อ 15:38 น.  02 มิ.ย 55
ยังยึดติดกับความเป็นข้าราชการกันแบบไม่รู้จบ ที่จริงการจ้างงานในภาครัฐก็ต้องถือว่าเป็นแค่การจ้างงานประเภทหนึ่ง คุณทำงานให้รัฐ
รัฐจ่ายค่าตอบแทนให้ ก็แค่นั้น แต่นี่ไม่ว่าอาชีพไหน พอทำงานให้รัฐก็จะต้องเรียกร้องสถานะข้าราชการ  ถามจริงๆถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเทศจะไปรอดไหม ทุกวันนี้เกือบครึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็คือค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนสารพัดอย่าง ยังไม่รวมสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าอะไรต่อมิอะไร ในส่วนที่เป็นการลงทุน ประเทศไทยต้องใช้วิธีกู้เงินมาจ่าย  แล้วถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง เอวัง
คงต้องถามว่าคนที่เขาไม่ใช่ข้าราชการ ทำงานบริษัท ทำงานโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ตายกันหมดแล้วหรือ
ที่จริงถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ  เว้นแต่จะกะได้เป็นข้าราชการ
คิดว่าจะสบายแล้ว ทำงานยังไงก็ได้ ชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ สิ้นปีเขาไปขั้นนึง เป็น dead wood ยังไงรัฐบาลก็เอาออกไม่ได้ถึงอยากเป็นข้าราชการกันนัก
แสดงว่าท่านไม่ชอบงานราชการ ใช่ไหม ถึงได้เขียนแบบนี้ บอกสิ อยากรู้มาก ส.อืม
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

wareerant

อ้างถึงยังยึดติดกับความเป็นข้าราชการกันแบบไม่รู้จบ ที่จริงการจ้างงานในภาครัฐก็ต้องถือว่าเป็นแค่การจ้างงานประเภทหนึ่ง คุณทำงานให้รัฐ
รัฐจ่ายค่าตอบแทนให้ ก็แค่นั้น แต่นี่ไม่ว่าอาชีพไหน พอทำงานให้รัฐก็จะต้องเรียกร้องสถานะข้าราชการ  ถามจริงๆถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเทศจะไปรอดไหม ทุกวันนี้เกือบครึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็คือค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนสารพัดอย่าง ยังไม่รวมสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าอะไรต่อมิอะไร ในส่วนที่เป็นการลงทุน ประเทศไทยต้องใช้วิธีกู้เงินมาจ่าย  แล้วถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง เอวัง
คงต้องถามว่าคนที่เขาไม่ใช่ข้าราชการ ทำงานบริษัท ทำงานโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ตายกันหมดแล้วหรือ
ที่จริงถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ  เว้นแต่จะกะได้เป็นข้าราชการ
คิดว่าจะสบายแล้ว ทำงานยังไงก็ได้ ชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ สิ้นปีเขาไปขั้นนึง เป็น dead wood ยังไงรัฐบาลก็เอาออกไม่ได้ถึงอยากเป็นข้าราชการกันนัก

เขียนได้ดี

ลุงแกลบ

ไปอยู่เอกชนกันเยอะ เพราะสวัสดิการดีกว่า เงินดีกว่าหยุดเป็นหยุดมีล่วงเวลา มีวันว่าง ด่าได้ด่าไปครับ ทำงานเป็นนายตัวเองดีที่สุดครับ แนวคิดไม่เหมือนกัน คนที่อยากบรรจุเขารู้ว่าถ้าบรรจุแล้วมันมีความมั่นคงกว่า แบบที่ลอยๆอยู่เนี่ยที่นึกจะทิ้งก็ทิ้งกัน ผมอยากเห็นแบบประชดจริงๆ แบบหยุดพร้อมกันทั้งประเทศไปเลยครับ เหล่าพยาบาล ไหนๆ ภาครัฐเขาไม่ได้เห็นว่าคุณสำคัญต่อโรงพยาบาลและประชาชนอยู่แล้ว โดนกดหัวไม่ได้เงยมาตั้งนานนี่ คือคนที่ได้ทำอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน มันกดดันยังไง ผมเข้าใจพยาบาลกลุ่มนี้ครับ มุมมองคนนอกมองเข้ามาก็ว่าไม่ดีทั้งนั้นละ เพราะถ้าหายไป โรงพยาบาลจะวุ่นหนักขึ้น คนที่เสียประโยชน์คือประชาชนทั่วไป เขาเลยติงๆ ว่าอย่าไปยึดติดแทน เพื่อจะทำงานต่อไป ประชาชนทั่วไปจะได้ไม่เดือนร้อน ใครๆก็เห็นแก่ตัวกัน ไม่ผิดหรอกครับ สันดานมนุษย์สร้างขึ้นมาแบบนั้นอยู่แล้ว ความปลอดภัยของตัวเองต้องมาก่อน ก่อนที่จะไปช่วยคนอื่น ตัวเองไม่รอด จะไปช่วยใครได้

"ถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ"
แน่นอนครับแต่เก่งพื้นฐานโหดจากโรงบาลรัฐ ได้เจอเคส มากมายที่โรงบาลเอกชนไม่ค่อยเจอ ไม่เก๋าก็แปลกแล้ ว แถมไม่ต้องเทรนให้เปลืองเงินด้วยเปลืองเวลาด้วย เข้าปุ๊ปทำงานได้เต็มร้อย ใช้เครื่องมือก็ชำนาญ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อีก แต่โรงบาลรัฐได้อะไรจากพยาบาลที่หายไป นอกจากเป็นที่สะสมประสบการณ์ให้พยาบาล ตอบผมหน่อย ?

อ้างจาก: แดงเทียม เมื่อ 15:38 น.  02 มิ.ย 55
ยังยึดติดกับความเป็นข้าราชการกันแบบไม่รู้จบ ที่จริงการจ้างงานในภาครัฐก็ต้องถือว่าเป็นแค่การจ้างงานประเภทหนึ่ง คุณทำงานให้รัฐ
รัฐจ่ายค่าตอบแทนให้ ก็แค่นั้น แต่นี่ไม่ว่าอาชีพไหน พอทำงานให้รัฐก็จะต้องเรียกร้องสถานะข้าราชการ  ถามจริงๆถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเทศจะไปรอดไหม ทุกวันนี้เกือบครึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็คือค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนสารพัดอย่าง ยังไม่รวมสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าอะไรต่อมิอะไร ในส่วนที่เป็นการลงทุน ประเทศไทยต้องใช้วิธีกู้เงินมาจ่าย  แล้วถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง เอวัง
คงต้องถามว่าคนที่เขาไม่ใช่ข้าราชการ ทำงานบริษัท ทำงานโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ตายกันหมดแล้วหรือ
ที่จริงถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ  เว้นแต่จะกะได้เป็นข้าราชการ
คิดว่าจะสบายแล้ว ทำงานยังไงก็ได้ ชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ สิ้นปีเขาไปขั้นนึง เป็น dead wood ยังไงรัฐบาลก็เอาออกไม่ได้ถึงอยากเป็นข้าราชการกันนัก

puiey

อ้างจาก: แดงเทียม เมื่อ 15:38 น.  02 มิ.ย 55
ยังยึดติดกับความเป็นข้าราชการกันแบบไม่รู้จบ ที่จริงการจ้างงานในภาครัฐก็ต้องถือว่าเป็นแค่การจ้างงานประเภทหนึ่ง คุณทำงานให้รัฐ
รัฐจ่ายค่าตอบแทนให้ ก็แค่นั้น แต่นี่ไม่ว่าอาชีพไหน พอทำงานให้รัฐก็จะต้องเรียกร้องสถานะข้าราชการ  ถามจริงๆถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเทศจะไปรอดไหม ทุกวันนี้เกือบครึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็คือค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนสารพัดอย่าง ยังไม่รวมสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าอะไรต่อมิอะไร ในส่วนที่เป็นการลงทุน ประเทศไทยต้องใช้วิธีกู้เงินมาจ่าย  แล้วถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง เอวัง
คงต้องถามว่าคนที่เขาไม่ใช่ข้าราชการ ทำงานบริษัท ทำงานโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ตายกันหมดแล้วหรือ
ที่จริงถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ  เว้นแต่จะกะได้เป็นข้าราชการ
คิดว่าจะสบายแล้ว ทำงานยังไงก็ได้ ชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ สิ้นปีเขาไปขั้นนึง เป็น dead wood ยังไงรัฐบาลก็เอาออกไม่ได้ถึงอยากเป็นข้าราชการกันนัก

บางคนเค้าไม่คิดแบบนี้อะดิ เค้าอยากได้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าถ้าเป็นข้าราชการบรรจุ ใครบ้างไม่อยากได้อยากเป็น
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: แดงเทียม เมื่อ 15:38 น.  02 มิ.ย 55
ยังยึดติดกับความเป็นข้าราชการกันแบบไม่รู้จบ ที่จริงการจ้างงานในภาครัฐก็ต้องถือว่าเป็นแค่การจ้างงานประเภทหนึ่ง คุณทำงานให้รัฐ
รัฐจ่ายค่าตอบแทนให้ ก็แค่นั้น แต่นี่ไม่ว่าอาชีพไหน พอทำงานให้รัฐก็จะต้องเรียกร้องสถานะข้าราชการ  ถามจริงๆถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ประเทศจะไปรอดไหม ทุกวันนี้เกือบครึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็คือค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทนสารพัดอย่าง ยังไม่รวมสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าอะไรต่อมิอะไร ในส่วนที่เป็นการลงทุน ประเทศไทยต้องใช้วิธีกู้เงินมาจ่าย  แล้วถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง เอวัง
คงต้องถามว่าคนที่เขาไม่ใช่ข้าราชการ ทำงานบริษัท ทำงานโรงพยาบาลเอกชน เขาไม่ตายกันหมดแล้วหรือ
ที่จริงถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ เก่งจริง จะกลัวอะไร ใครเขาก็อยากจ้างกันทั้งนั้นแหละ  เว้นแต่จะกะได้เป็นข้าราชการ
คิดว่าจะสบายแล้ว ทำงานยังไงก็ได้ ชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ สิ้นปีเขาไปขั้นนึง เป็น dead wood ยังไงรัฐบาลก็เอาออกไม่ได้ถึงอยากเป็นข้าราชการกันนัก
เขียนแบบนี้แสดงว่าคนใกล้ชิดท่านไม่มีใครรับราชการเลย ถึงได้เขียนแบบนี้ สิทธิ์ของเขาหากไม่ได้ก็น่าเห็นใจ ส.โกรธ
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: puiey เมื่อ 18:13 น.  02 มิ.ย 55
บางคนเค้าไม่คิดแบบนี้อะดิ เค้าอยากได้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าถ้าเป็นข้าราชการบรรจุ ใครบ้างไม่อยากได้อยากเป็น
ใช่ครับท่านปุ้ย
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

พยาบาล

เดี๋ยวอาเซี่ยนเปิดเมื่อไหร่ได้รู้กัน อาชีพหมอ พยาบาลจะขาดแคลนอย่างหนัก รพ.เอกชนยินดีเสนอผลตอบแทนให้เต็มที่
กลัวแต่ว่าต่างคนต่างไม่อยากอยู่ในระบบราชการมากกว่า

ไม่เห็นต้องง้อพยาบาล

ฝึกหัดทำหาตำรามาศึกษาปฏิบัติเองเข้าเว็ปหาข้อมูลยังจะรู้มากกว่าพยาบาลบางคนที่ไม่ค่อยศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เป็นวิชาชีพที่ไม่ยากเลย แค่ไม่รังเกียจคนป่วยไข้ พื้นๆเอาผู้ช่วยพยาบาลมาฝึกหัดให้ดีก็น่าที่จะแทนกันได้ ทำเป็นลูกจ้างประจำให้หมด ประหยัดงบประมาณ แผ่นดิน เอาไปเปิดโรงบาลแก่คนยากไร้รักษาฟรีดีกว่ามั้ง  ส.ชิชิ

เห็นค่ารักษาพยาบาลแล้วโห้

แพงเกินความเป็นจริงหากินกับคนป่วยไข้บาดเจ็บ เน้นค่ารักษาเข้าโรงบาลแพงเกินควร ทำเหมือนคนเจ็บป่วยไข้ไม่มีจิตใจ ชินชา ที่ดีก็มีเยอะ แต่ปลาเน่า สองสามตัวเหม็นทั้งเข่ง ให้คนเจ็บไข้ได้ป่วยต้องไปนั่งรอหมอ อย่างโรยรา ทรมาร น่าสงสาร ถ้าคิดค่ารักษาแพงเกินควร หากินบนชีวิตคนป่วยไข้ อย่างไม่มีจรรยาบรรณ ก็ไม่รู้จะเป็นไปทำไม บาปเปล่าๆ ส.แหยง ส.ร้อง ส.แย่จัง ส.ชิชิ

ลุงแกลบ

สวัสดิการของลูกจ้างประจำ น่าจะดีมากกว่า พยาบาลที่รอบรรจุในตอนนี้อีกมั้งครับ ลองไปเปรียบเทียบดู

อ้างจาก: ไม่เห็นต้องง้อพยาบาล เมื่อ 23:10 น.  02 มิ.ย 55
ฝึกหัดทำหาตำรามาศึกษาปฏิบัติเองเข้าเว็ปหาข้อมูลยังจะรู้มากกว่าพยาบาลบางคนที่ไม่ค่อยศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เป็นวิชาชีพที่ไม่ยากเลย แค่ไม่รังเกียจคนป่วยไข้ พื้นๆเอาผู้ช่วยพยาบาลมาฝึกหัดให้ดีก็น่าที่จะแทนกันได้ ทำเป็นลูกจ้างประจำให้หมด ประหยัดงบประมาณ แผ่นดิน เอาไปเปิดโรงบาลแก่คนยากไร้รักษาฟรีดีกว่ามั้ง  ส.ชิชิ

ซูโดเอาผิดที่ใคร

เรื่องมากเรียกร้องกันเข้าไป เห็นข่าวสารตั้งต้นยาบ้ากันไม๊ ซูโด น่าเชื่อถือมากนะวงการ นี้ รู้เห็น เป็นหูเป็นตากันบ้างรึเปล่า แปดเปื้อนขนาดนี้ ยังจะมีหน้าเรื่องมากอีก ถึงไม่ได้ทำเอง ก็ช่วยเป็นหูเป็นตาออกมาแฉกันเองได้ให้พวกชั่วๆได้ใจ ไม่นึกถึงจรรยาบรรณกันเลย ทำหนี้สินกันให้เยอะผ่อนโน่นผ่อนนี้กู้ซื้อดินซื้อบ้าน โอ้รส ฉีกวานขี้ตามเพื่อนไม่ดูรูก้นตัวเองวานแหกหมดแล้วเพราะอยากอีโอ้รส แล้วมาอ้างว่ารายจ่ายไม่พอ สวัสดิการไม่ดี ภาษีประชาชนทั้งนั้นที่เอาไปจ่ายเงินเดือนให้น่ะถามประชาชนที่เป็นนายจ้างก่อนไหมว่า พอใจการบริการที่ให้กับประชาชนรึเปล่า ยอมไม่เข้าโรงบาลแฉให้เห็นความจริงนะนี่ เก็บกดมานานหลายปีแล้ววงการนี้ อย่าอาศัยหากินกับการที่ผู้ป่วยไม่รู้จะไปพึ่งใคร แล้ว คิดค่ารักษาขูดเลือดขูดเนื้อคนหาช้าวกินค่ำจนๆที่เสียภาษีให้ประเทศกับค่าอุปโภคบริโภคอยู่ตลอด ภาษีทุกบาทของประชาชนใช้ให้มันคุ้มคืนความสุขพึงพอใจให้แก่ประชาชนตาดำๆบ้าง อย่าทำนาบนหลังคน ประตูนรกเปิดอ้ารออยู่เด้อ เตือนเอาไว้

บอกให้ตาแจ้ง

เรื่องที่รักษาผิดพลาดไม่เอามาบอกหรอกปิดข่าวหมดปัดความรับผิดชอบเพราะประชาชนเขารู้ไม่ทันบอกอะไรก็เชื่อ พอทำอะไรรักษาผ่าตัดอะไรสำเร็จสักครั้งประโคมข่าวใหญ่โตเอาเครดิตกับสถานพยาบาล ล่อให้คนมารักษา สังเกตุจากที่เคยพาญาตุไปรักษาอยู่หลายปี และอ่านตำรามาล่วงหน้า และถามหมอแบบเรารู้มาบ้างแล้ว หมอใช้วาทะกรรมทำเหมือนเก่งวิชาพอไปถามหมอหลายคนไม่เหมือนกันซักคนแบบตายตัว เหมือนตอบแล้วแต่จะคิดนึกเอา การรักษาที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องใช้ยาอะไรเลยต่างหาก เหมือนในขั้นลึกๆ หมอหลายคนเก๋าๆจะรู้แล้วว่า การรักษาเหมือนกับหลอกปลอบใจคนป่วยไข้ไปเรื่อยๆแท้จริงโรคทุกโรคหายได้ด้วยจิตและกำลังใจเป็นหลักร่างกายซ่อมแซมได้หมดหากจิตแข็งกำลังใจดีหลายโรคหายไปอย่างอัศจรรย์โดยการทำสมาธิเจริญกรรมฐานสวดมนแผ่เมตรตาในทางธรรมทุกโรคมันคือกรรมเก่ามาจากเจ้ากรรมนายเวรฟังหลวงพ่อสนองบ่อยทำไมหมอไม่เอามาประกาศบ้างว่าทางปฏิบัติทางธรรมหลายโรคหายไปอย่างอัศจรรย์ได้โดยหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ด้วยซ้ำแต่พระนักปฏิบัติหลายคนรู้รวมทั้งหลวงพ่อสนองที่เป็นโรคร้ายหายได้หมอเก๋าๆหลายคนที่ปฏิบัติธรรมก็รู้แต่ไม่ได้ออกมาพูดเป็นล่ำเป็นสันจะทำลายความน่าเชื่อของการแพทย์ที่ใช้เหตุผลบางทีก็ทฤษฎีสมคบคิดอ้างไปแค่งั้นๆ ถ้าญาติท่านเป็นโรคใดที่รักษาไม่หาย หมอบอกทำใจรอวันตาย อย่าเชื่อเด็ดขาดจะทำให้จิตตกและเป็นจริงที่จิ้งจกหรือหมอทัก จำไว้ว่าจิตเป็นนายกายมันเป็นแค่บ่าว จงไม่เชื่อในทุกอย่างก่อนเสมอเพื่อรักษาระดับจิตความเป็นตัวของตัวเองแล้วจะไม่ผิดหวังผู้ที่เจ็บไข้โรคเรื้อรังหมอบอกรักษาไม่หายแล้วให้ไปปฏิบัติธรรมรักษากับหลวงพ่อสนองเลยฟังเทศท่านบ่อยๆจะรู้มากขึ้นเพราะพระไม่มุสาวาทอยู่แล้ว ไอ้โรคที่หายได้โดยอัศจรรย์มีเยอะมากแต่หมอไม่ไปทำวิจัยจริงจังหรือบุญไม่ถึง หรือจะเป็นทางเลือกที่หาเหตุผลมารองรับไม่ได้แต่พระอธิบายให้เข้าใจได้หมอกลัวจะทำลายวงการแพทย์ขาดรายได้ระบบเสีย โรคทุกโรคหายได้โดยที่อาจไม่เสียตังซักบาท การประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ เป็น อวิชชาในทางธรรม กิเลศอย่างละเอียด หากมาทำเพื่อช่วยคนจริงๆไม่หวังชื่อเสียงลาภสักการะเงินทองมากมายเป็น บุญ พอได้อยู่ แต่ถ้าเหมือนที่ทำในปัจจุบันหวังเงินรายได้มากมายมันเป็นบาป ถ้าพระนำมาทำหวังรายได้จะยิ่งบาปมาก ถ้าปุถุชนมาทำหรือหมอมาทำแบบแพงมากบาปแน่นอนนอนรอเลย อย่าเชื่อที่พร่ำมาทั้งหมด เพราะเราบ้า ลองไปหาข้อมูลทางธรรมเทียบดู หากรู้ทางธรรมให้มากพอ วิทยาการทางการแพทย์ปัจจุบัน แค่ขี้เล็บ ไม่จำเป็นเลยสำหหรับพระนักปฏิบัติที่ไม่ให้ความสำคัญทางกาย เน้นไปที่จิต บอกไปก็เป็นอจินไตยคุยกันในวงการนักปฏิบัติธรรมพอได้อยู๋ พระท่านเลยเฉยไปดีกว่า พอบอกก็หาว่าพระบ้า จะเป็นบาปกับคนว่าเปล่าๆทำร้ายเขาโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องถึงกับพระหรอก ถ้าเราบอกแล้วท่านว่าเรา ท่านก็บาปหากเราเข้าใจถูกเหมือนพระท่านเข้าใจ เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า เราบ้าไงเพื่อ ลดจำนวนคนที่ไม่รู้แล้วว่าเรา เดี๋ยวจะหาว่าอวดอุตริธรรม ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วจะให้บอกยังไง ลองไปอ่านหนังสือหมอที่ปฏิบัติธรรมสิ ยกตัวอย่างทันตแพทย์ สม สุจีรา จินตนาการทางวิทยาศาสตร์กับทางธรรมช่างเอามาต่อได้เพลินสมูท จริงๆ (ที่จริงที่ท่านเขียนในทางธรรมเค้าเรียกเพ้อเจ้ออจินไตยนำไปสู่ความบ้าได้ แต่ทางโลกก็แตกปัญญาต่อยอดไปเรื่องอื่นๆได้ เอ้า งงงงงง ) ส.หลกจริง ส-เหอเหอ ส.หัว ส.ก๊ากๆ

ควาย

เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น คนอดมื้อกินมื้อ หาเช้ากินค่ำตั้งเท่าไหร่ หาข้าวกรอกหม้อแต่ละวันลำบาก ต้องเสียภาษีเท่าคนอื่น เรียกร้องกันจัง ผลงานดีกันนักนะ มีแต่คนร้องเรียน บริการประทับใจคนจ่ายเงินเดือนมาก ถึงได้เรียกร้องเอานู่นเอานี่ ดูแล้วเจริญยากแบบนี้เห็นแก่ได้

แบบว่าหรอยนิชาด

 เอากันเข้าตะแบบว่าอยากได้อะไรก็ประท้วงกันให้แหม็ด หรอยโหมสูอย่าเอาเงินเดือนด้วยนะส.โกรธอย่างแรง ส.บ่น ส.โขกกำแพง ส.โกรธ

ผู้เฒ่าเต่า

เข้าใจนะครับในสิ่งที่เรียกร้อง แต่จะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ได้หรือไม่ได้

ผลประโยชน์ได้ใคร ผมไม่สนครับ แต่ไม่ควรจับตัวผู้ป่วยกับประชาชน มาเป็น

เครื่องต่อรอง ลองคิดดูดี ๆ นะครับว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมันคงไม่เหมือนปิดถนน

ประท้วงแน่
อย่าใช้ภาษาผิด ๆ สะกดผิด ๆ เดี๋ยวภาษาที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานมนานจะวิบัติไปกันหมด   
              พลังคลื่นเต่า..........ปู๊ด !!!!!!



ลุงแกลบ


อ้างจาก: ผู้เฒ่าเต่า เมื่อ 12:15 น.  03 มิ.ย 55
เข้าใจนะครับในสิ่งที่เรียกร้อง แต่จะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ได้หรือไม่ได้

ผลประโยชน์ได้ใคร ผมไม่สนครับ แต่ไม่ควรจับตัวผู้ป่วยกับประชาชน มาเป็น

เครื่องต่อรอง ลองคิดดูดี ๆ นะครับว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมันคงไม่เหมือนปิดถนน

ประท้วงแน่


รัฐก็อ้างเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับพยาบาลเหมือนๆกันนั้นละ ขึ้นอยู่กับมุมมองว่ามองจากฝั่งไหน

-----------------
บนๆนั้น สรุปว่าเราคุยกันเรื่องของพยาบาลที่ต้องการบรรจุ กันอยู่หรือเปล่า ?

ทำไมออกไปทางหมอ โรงบาล กับทางธรรม ไปได้ละเนี่ย......... 

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวแรก:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง