ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

วิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็ก ไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่ยาลดไข้

เริ่มโดย w.cassie, 13:52 น. 24 ก.ค 68

w.cassie

ในบ้านที่มีเด็กเล็ก การป่วยด้วย "ไข้สูง" มักทำให้ผู้ปกครองรีบคว้ายาลดไข้โดยไม่ทันคิด แต่รู้หรือไม่ว่า ในกรณีของไข้เลือดออกในเด็ก การใช้ยาลดไข้ทั่วไปอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้โดยไม่รู้ตัว แล้วถ้าไม่ใช้ยาลดไข้แบบที่เคยชิน เราจะมีวิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็กอย่างไรให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ?

บทความนี้จะพาไปดูแง่มุมใหม่ของการดูแลเด็กป่วยไข้เลือดออก ที่ไม่ใช่แค่ให้พักผ่อนและดื่มน้ำแบบที่พบเจอทั่วไปกัน


1.ยาลดไข้ไม่ใช่ฮีโร่ หลีกเลี่ยงยากลุ่ม NSAIDs ทุกกรณี

หนึ่งในความเข้าใจผิดของวิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็กที่พบบ่อย คือการใช้ยาลดไข้พาราเซตามอลอย่างต่อเนื่องในเด็กที่มีไข้สูงจากไข้เลือดออก เพราะผู้ปกครองมักกังวลว่าไข้สูงจะชัก หรือไข้จะขึ้นจนช็อก

แต่ความจริงคือ การใช้ยาลดไข้กลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟนหรือแอสไพริน ในเด็กที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกภายในได้ ส่วนยาพาราเซตามอล ก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรให้ถี่เกินทุก 4-6 ชั่วโมง และต้องไม่ให้เกินขนาดตามน้ำหนักตัวเด็ก

2.การรักษาคือศิลปะของการรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย

การให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เป็นวิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็กที่ดูง่าย แต่เบื้องหลังคำนี้คือความซับซ้อนของการควบคุม สมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกายเด็ก ที่เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาไข้เลือดออก

เด็กที่ป่วยมักไม่อยากกินหรือดื่ม จึงต้องหาวิธีให้ได้รับน้ำอย่างเหมาะสม เช่น การให้ดื่มทีละน้อยแต่บ่อย ๆ ใช้หลอดหรือแก้วเล็ก ๆ เพื่อให้ไม่รู้สึกฝืน

เครื่องดื่มที่แนะนำควรมีเกลือแร่ เช่น ORS (ผงเกลือแร่) น้ำมะพร้าว หรือซุปใส ไม่ใช่น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว และในบางกรณีที่มีอาการขาดน้ำหรือเข้าสู่ระยะรั่วพลาสมา อาจจำเป็นต้องให้สารน้ำทางเส้นเลือดภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

3.เข้าใจระยะของโรค เพื่อไม่ตัดสินอาการจากไข้เพียงอย่างเดียว

เมื่อเห็นว่าไข้ลดลง คนส่วนใหญ่มักคิดว่าวิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็กได้ผล และบุตรหลานหายดีแล้ว แต่จริง ๆ แล้วในโรคไข้เลือดออก ช่วงที่ไข้ลดลง กลับเป็นช่วงอันตรายที่สุด

  • ระยะไข้สูง (2-7 วันแรก) : อาจมีไข้ 39-40 องศา เด็กจะเพลีย เบื่ออาหาร ปวดหัว
  • ระยะวิกฤต (ช่วงไข้ลด) : ร่างกายเริ่มรั่วพลาสมา เสี่ยงต่อภาวะช็อกและเลือดออก
  • ระยะฟื้นตัว : ถ้าผ่านพ้นช่วงอันตราย ระบบไหลเวียนจะเริ่มกลับมาเป็นปกติ
ดังนั้น การดูแลเด็กป่วยไข้เลือดออกจึงต้องอิงจาก ระยะของโรค ไม่ใช่แค่ตัวเลขไข้บนเทอร์โมมิเตอร์

4.สังเกตอาการแฝงแทนการใช้เทอร์โมมิเตอร์เป็นตัวตัดสิน

วิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็กไม่ได้วัดผลจากไข้ลด แต่ต้องสังเกตอาการเชิงลึก เช่น มือเท้าเย็น แม้ตัวร้อน อาจเป็นสัญญาณของภาวะช็อก หรือหากปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะเลย อาจแสดงถึงภาวะขาดน้ำขั้นรุนแรง

การฝึกให้พ่อแม่อ่าน "ภาษาอาการ" เหล่านี้ให้เป็น คือส่วนสำคัญของการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในเด็ก

สุดท้าย วิธีรักษาไข้เลือดออกในเด็ก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความเข้าใจลึกในกลไกของโรคและพฤติกรรมเด็ก การดูแลที่ดีจึงไม่ใช่การกดไข้ แต่คือการดูแลอย่างรู้จังหวะ รู้ระยะ และรู้สัญญาณเตือนให้ทัน

หากมีข้อสงสัยหรือเห็นอาการผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะในโรคไข้เลือดออก เวลาอาจเป็นปัจจัยตัดสินระหว่างการฟื้นตัวกับความเสี่ยงถึงชีวิตได้จริง ๆ