“สุกำพล” หัวชนฝา ไทยไม่เสี่ยงให้มะกันใช้อู่ตะเภาเป็นฐานบินตรวจอากาศ

[ฅนสองเล]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   19 มิถุนายน 2555 11:13 น.   

"รมว.กลาโหม" รับประกันไทยไม่เสี่ยงให้สหรัฐฯ ใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานจอดอากาศยานเพื่อบินตรวจสภาพอากาศ อ้างจีนก็เคยทำมาแล้ว ติงอย่าเอาเรื่องการเมืองมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนจะเข้าข่ายรัฐธรรมนูญ ม.190 หรือไม่ กฤษฎีกาจะพิจารณา
             
       พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.สัญจรที่พัทยา กรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (องค์การนาซา) ของสหรัฐอเมริกา ขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานการตรวจสอบสภาพอากาศในภูมิภาคว่า อากาศยานที่สหรัฐฯ ส่งมา 3 ลำไม่ได้เป็นแสนยานุภาพอะไร นาซาเป็นองค์กรทางวิทยาศาสตร์ จึงไม่ได้มีอาวุธเข้ามาเลย และอีกเรื่องที่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดในมาตรา 190 ว่าจะต้องเข้าหรือไม่เข้าสภา ในการประชุม ครม.วันนี้ กฤษฎีกาเขาจะพิจารณาว่ากรณีนี้เข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ ต้องผ่านรัฐสภาหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายเรื่องนี้ก็ต้องเข้า เพราะเป็นกฎหมายเป็นกติกา หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร กฤษฎีกาจะมาดูข้อกฎหมายตรงนี้ด้วย
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยจะเสียเหลี่ยมสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เราจะเสียเหลี่ยมตรงไหน เรื่องการวิจัยเราจะไปเสียเหลี่ยมอะไร ตนมองไม่ออก ถามกว้างๆ เหมือนเราไปว่าเขา เพราะกติกาเราก็มี เรื่องนี้ทุกคนสนใจเราคงจะทำหรือดูแบบลวกๆ ไม่ได้ ต้องดูละเอียดทุกแง่ทุกมุม ตนยืนยันว่าเราไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย เรามีแต่ได้ประโยชน์แน่ๆ เช่นด้านวิทยาศาสตร์ ความเสี่ยงมีแต่คนในบ้านเราไปว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งทีไม่มีอะไร
       
       "เรื่องแบบนี้นาซาเขาไปทำที่จีนมาแล้วก็เหมือนกันอย่างนี้ ไม่เห็นจีนไปเสี่ยงอะไร จีนก็ได้ความรู้เรื่องการพยากรณ์อากาศ เป็นข้อมูลเปิด พอเรามาพูดเป็นเรื่องการเมืองก็ยุ่งหน่อยเป็นเรื่องการเมืองไปหมด ทั้งที่แก่นแท้ไม่มีอะไรเลย นาซาเขามาวิจัยเราเชื่อหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อใจก็ส่งหน่วยความมั่นคงไปดูว่าเขานำอะไรเข้ามาบ้าง เขาก็ยอมให้เราเข้าไปดูทุกอย่าง ผมว่าเขาเสี่ยงกว่าเพราะเขาให้เราดูหมดทุกอย่าง ตามกติกาของเรา แล้วไปเสี่ยงตรงไหน เราอย่าไปพูดถึงเรื่องการเมืองเลย เพราะเราชอบทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่จนเหนื่อย"

[สามชัย]

  ใครจำได้ไหม อเมริกา เคยมาตั้งคลังอาวุธสำรอง ในไทย ช่วงสงครามเวียดนาม กัมพูชา  ให้ไทยสามารถนำอาวุธสำรองคลังไปใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน  ช่วงนั้นประเทศไทยเคยมีปัญหากระสุนปืนใหญ่หมดคลัง เพราะใช้ยิงกับเวียดนาม  แต่โชดดีที่ประเทศอินโดนีเซีย  ช่วยส่งกระสุนปืนใหญ่มาช่วยประเทศไทย  จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทย กับ อินโดนีเซีย มีความแนบแน่นกัน ประเทศไทยไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในของอินโดฯ ทั้งเรื่องติมอร์ และอาเจะ  ขนาดกรณีติมอร์ อินโดฯ ยังยอมให้ไทยเข้าไปช่วยดูแล ประสานงาน  เพราะไว้ใจประเทศไทยมากกว่า ออสเตรเลีย  ปัจจุบัน คลังสำรองของอเมริกา ยังมีหรือไม่ ก็ไม่ทราบ  แต่มีอยู่อย่างหนี่งที่จะบอก  ขอขอบคุณเหล่าทหารกล้าที่ปกป้องประเทศไทย  ในยามที่พันธมิตรในยามนั้น ทิ้งประเทศไทยหมด เพราะมั่นใจว่า ประเทศไทยจะเป็นคอมมิวนิสต์ ตามแผนโดมิโน แน่นอน  แม้แต่นักธุรกิจในประเทศไทย ยังทิ้งประเทศไปอาศัยอยู่ที่่ฮ่องกง เพราะกลัวต่อมาเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ก็กลับมาเมืองไทย  ตอนนั้นไทยสู้ทุกอย่างทั้งบุ๋น และบู๋  เพื่อให้ประเทศไทยอยู่รอด  คนที่เกิดทันช่วงนั้นจะรู้สึกได้   ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละปกป้องประเทศ