เบนซิน ปรับขึ้นราคาขายปลีก 50 สตางค์ แอลพีจี-เอ็นจีวี ลอยตัว 16 ส.ค.นี้

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   12 กรกฎาคม 2555 18:36 น.   

กระทรวงพลังงานส่งสัญญาณลอยตัวราคาแอลพีจี-เอ็นจีวี 16 สิงหาคมนี้หลังครบตรึงราคา 3 เดือน โดยแอลพีจีเล็งลอยตัวให้เป็นราคาเดียว ส่งซิกครัวเรือนขึ้นอีก 6-7 บาทต่อกก. แต่จะมีมาตรการดูแลไม่ให้กระทบผู้มีรายได้ต่ำ พ่อค้าแม่ค้า ขณะที่ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร
       
       นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 16 สิงหาคมนี้ กระทรวงพลังงานจะเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี เพื่อสะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง โดยจะปรับราคาแอลพีจีให้เป็นราคาเดียวทั้งอุตสาหกรรม ขนส่ง และครัวเรือน แต่ครัวเรือนจะมีการอุดหนุนเฉพาะกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยซึ่งกำลังหามาตรการอยู่ โดยอาจจะยึดผู้มีรายได้ต่ำเหมือนกรณีค่าไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนเพื่อไม่ให้ราคาสินค้าขึ้น
       
       "ครบกำหนด 3 เดือนที่รัฐได้ตรึงราคาเอาไว้แล้วคงจะต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างให้สะท้อนต้นทุนตลาดโลก ซึ่งขณะนี้แอลพีจีอุตสาหกรรมอยู่ที่ 24.86 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ครัวเรือนที่ 18.13 บาทต่อ กก. ขนส่ง 21.13 บาทต่อ กก. ซึ่งต่อไปจะเป็นราคาเดียวที่จะเท่ากับภาคอุตสาหกรรม และอาจจะประกาศราคาอ้างอิงเป็นรายเดือนหรือไตรมาสก็กำลังพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกส่วน" นายอารักษ์กล่าว
       
       ส่วนราคาเอ็นจีวียังอยู่ระหว่างการศึกษาต้นทุนที่จะได้ข้อสรุป ซึ่งพบว่าต้นทุนสูงกว่าราคาปัจจุบันที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัมในอัตราสูงมาก ราคาเอ็นจีวีก็จะทยอยขยับขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อภาคประชาชน ทั้งนี้ ภายหลังจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ทั้งสองตัว ค่าโดยสารจะขยับขึ้นมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมจะพิจารณา
       
       กลุ่มเบนซินขึ้นทุกชนิด 50 สตางค์พรุ่งนี้
       ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้ลดเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯ 50 สตางค์ต่อลิตรเพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ผู้ค้าจะต้องปรับเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ทุกชนิด มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.เนื่องจากค่าการตลาดต่ำและเห็นชอบเลื่อนการยกเลิกใช้เบนซิน 91 ออกไปจาก 1 ต.ค. เป็น ธ.ค. 55

[นายไข่นุ้ย]

เวรกรรม เข้าสูตรเดิม ขึ้นแต่เบนซิน ดีเซลไม่ขึ้น เวลาลง ลงกัน ฮ่วย 

[ผู้เฒ่าเต่า]

เอาแค่ราคาที่ลงมาเมื่อไม่นานนี้ มันยังลงนิดเดียวเองเมื่อเทียบกับราคาต่างประเทศ แต่พอต่างประเทศ

เริ่มนิ่งและขยับหัวขึ้นนิดเดียวพี่ไทยเรา รีบขึ้นทันที เขาลงมากัน 20 กว่าเหรียญ พี่ไทยลงมาแค่ 1-2

บาท ก็คิดเอาเองนะครับ สโลแกนที่ว่า  พลังไทย เพื่อไทย ต้องเปลี่ยนเป็น พลังไทย เพื่อใคร 

[นายไข่นุ้ย]

เอาแค่ราคาที่ลงมาเมื่อไม่นานนี้ มันยังลงนิดเดียวเองเมื่อเทียบกับราคาต่างประเทศ แต่พอต่างประเทศ

เริ่มนิ่งและขยับหัวขึ้นนิดเดียวพี่ไทยเรา รีบขึ้นทันที เขาลงมากัน 20 กว่าเหรียญ พี่ไทยลงมาแค่ 1-2

บาท ก็คิดเอาเองนะครับ สโลแกนที่ว่า  พลังไทย เพื่อไทย ต้องเปลี่ยนเป็น พลังไทย เพื่อใคร 

[puiey]

จะทำร้ายประชาชนกันไปถึงใหนกันนะ คนพวกนี้ เรียกร้องอะไรก็ไม่ได้

[เซ็งที่สุด]

ไอ้หน้าเหลี่ยมนั่งนายกมันก็แปรรูปเลย พวกเราจึงรับกรรมตลอดมา ต้องยกเลิกกฏหมายแปรรูปและเวณคืน ปตท.เท่านั้น จึงจะได้ใช้น้ำมันถูกเท่ามาเลย์ ถ้าอยู่แบบนี้ ไม่นานลิตรละร้อยแน่ ตอนนี้เรามีน้ำมันแพงเป็นอันดับ 6 ของโลก แพงกว่าอเมริกาและยุโรป ใครจะช่วยได้บ้าง ปตท.มันอ้างถ้าน้ำมันถูกคนจะไม่ประหยัด ดูแมร่งมันพูด ถุย ทุเรศ

[นายหน้าหาดใหญ่]

ทำไรไม่ได้ก็ต้องประหยัดครับ

[นายไข่นุ้ย]

ระวังน้ำมันท่วมปอดตาย กินเข้าไป

[ผู้เฒ่าเต่า]

จะว่าไปแล้วสวัสดิการพนักงานที่ทำงานในแท่นกลางเลนะ หุหุ เฉพาะเงินเดือนก็ปาเข้าไปหลายละ

แถมมีสวัสดิการอย่างอื่นอีกเพียบ เวลามีสัมมานาทีห้องพักในโรงแรมห้องสูททั้งนั้น จะว่าไปก็เรื่อง

ของเขาอะน๊ะไปพูดทำไม ก้มหน้ารับกรรมต่อไปละกัน    พลังไทย เพื่อใคร

[Firstlove]

แค่นี้ยังแพงไม่พออีกเหรอ

[นายไข่นุ้ย]

แค่นี้ยังแพงไม่พออีกเหรอ

ใช่ ดูสิจะถึงลิตรละ100บาทไหม ถึงพอ 

[นายไข่นุ้ย]

พรุ่งนี้ 17/07/55   น้ำมันเบนซินขึ้นอีก 50 สตางค์  ดีเซลไม่ยอมขึ้น 

[ผู้เฒ่าเต่า]

ดูตะ....  ต่างประเทศดีดราคากลับขึ้นมาแค่นิดเดียว ราคาน้ำมันบ้านเรากลับมาอยู่ที่เดิมเลย

ผมบวกลบคูณหารไม่เก่ง แต่ดูก็รู้ว่าถูกเอาเปรียบสุด ๆ   

[ผู้เฒ่าเต่า]

  พี่น้องครับมันขึ้นอีกแล้ว ราคาบ้านเราตอนนี้ 42.55 บาท เทียบเท่ากับราคาต่างประเทศตอนนั้นอยู่แถว ๆ  106 เหรียญ

แต่ตอนนี้ราคาบ้านเรา 42.55 บาทแต่ราคาต่างประเทศที่ปรับลดลงไปเพิ่งขยับขึ้นมาอยู่ที่ 89 เหรียญเท่านั้นเอง ก็ลองคิด

เอาว่าถ้าราคาต่างประเทศปรับกลับไปอยู่ที่เดิมคือ 106 เหรียญของเราจะขึ้นไปอีกเท่าไหร่