ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ข้อเสื่อม ไม่แก่ก็เป็นได้

เริ่มโดย เสาร์ซ่า, 13:51 น. 25 ก.ค 55

เสาร์ซ่า

ที่มา samunpai.com


อะไรที่ทำให้ข้อเสื่อม
     บรรดาหนุ่มสาววัยทำงานอาจคิดว่า ข้อเสื่อม เป็นปัญหาที่ไกลตัวและเป็นต้องนึกถึงผู้ที่สูงอายุ
ที่เดินกะโผลกกะเผลก ซึ่งความจริงแล้ว ข้อเสื่อมไม่ได้จำกัดเรื่องอายุเพียงอย่างเดียว
เพราะข้อของเราเปรียบเสมือนเครื่องจักร หรือของใช้ทั่วไปที่สามารถสึกหรอได้จากการใช้งานหนัก
เกินความสามารถ หรือเกิดอุบัติเหตุบริเวณข้อ ทำให้ข้อได้รับบาดเจ็ หรือแม้แต่น้ำหนักตัวที่มากเกิน
เกณฑ์มาตรฐาน ก็ทำให้ข้อต่อต้องรับแรงกดมากเกินไป นำมาทั้งอาการปวดหลัง ปวดเข่า ให้น่ารำคาญใจ

ป้องกันและแก้ไขอย่างไรดี
1. หากมีการบาดเจ็บให้รีบประคบด้วยน้ำแข็งให้เร็วที่สุด และงดการใช้งานข้อจนกว่าอาการเป็นปกติ
2. กรณีที่น้ำหนักมากเกินไป ให้ลดน้ำหนักลง
3. หลีกเลี่ยงลักษณะท่าทางที่ทำให้ข้อได้รับความดันเพิ่มขึ้น เช่น ท่านั่งยอง คุกเข่า นั่งพับเพียบ ท่ากับหลัง
4. เลือกออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่นว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
5. หมั่นบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อให้แข็งแรงเสมอ

boonthis

ไดโนเสาร์เป็นโรคข้อเสื่อม...เราสามารถตรวจสอบหลักฐานย้อนกลับไปได้ถึงยุคไดโนเสาร์  โดยพบหลักฐานว่ากระดูกไดโนเสาร์มีร่องรอยของโรคข้อเสื่อมอยู่ด้วย เข้าใจว่าอาจจะเป็นที่น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ซึ่งพบได้ในคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ จะเป็นภาวะสี่ยงของการเป็นโรคข้อเสื่อม ได้มากกว่า คนที่มีน้ำหนักปกติ


boonthis

มนุษย์ยุคหิน และคนปัจจุบันก็เป็นโรคข้อเสื่อม

ทั้งนี้รวมทั้งคนยุค Neanderthal ก็เป็นโรคข้อเสื่อมด้วยเช่นกัน สำหรับคนในยุคปัจจุบัน เราก็สามารถเห็นลักษณะของโรคกระดูกข้อเสื่อมเดินสวนกันบนถนนอยู่ทุกวัน ในสไลด์จะเห็นได้ว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อมมีลักษณะของกระดูกเข่า และนิ้วเท้าผิดไป เนื่องจากมีการงอกของกระดูกและทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ ของกระดูกเข่าเหมือนปกติ

boonthis

ผลกระทบของการเป็นโรตข้อเสื่อมรุนแรง และภาพ x-ray ของข้อกระดูก

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ที่เมื่อเป็นนานๆ จะนำมาซึ่งโรคข้อเสื่อมได้เช่นกัน โดยสามารถพบได้มาก ขบวนการอักเสบที่เกิดจาก allergy นำมาซึ่ง cytokines หลายอย่างโดยเเฉพาะอย่างยิ่ง Interleukin-1, TNF-Alpha, IL- 6 เป็นต้น โดยที่การอักเสบก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการสร้างเอ็นไซม์หลายชนิด ที่สามารถสลายกระดูกอ่อนได้ เมื่อมีการสลายกระดูกอ่อน จะทำให้เกิดการงอกของกระดูก (bone, osteophyte) ทำให้เกิดการผิดรูปของกระดูกเห็นได้ชัดเจน เมื่อมีกระดูกอ่อนปกคลุมอยู่ที่ปลายของกระดูก เมื่อทำการ x-ray จะเห็นช่องว่างของกระดูกได้ชัดเจน และเมื่อเป็นโรคกระดูกบางลง ช่วงว่างระหว่างกระดูกก็จะแคบลง (joint narrowing) ซึ่งยังเป็น วิธีการมาตรฐานของการวินิจฉัยโรค

boonthis

โรคข้อเสื่อม มีโอกาสเกิดกับข้อกระดูกทุกข้อของร่างกาย...

โรคข้อเสื่อมมักจะเกิดกับข้อกระดูกที่รับน้ำหนักมากๆ เช่นบริเวณหัวเข่า และกระดูกสะโพก อย่างไรก็ตาม พบว่ายังมีการเกิดกับข้อกระดูกส่วนอื่นๆ ได้เช่นกัน ที่กระดูกเท้า ข้อเท้า นิ้วมือ นิ้วเท้า กระดูกเชิงกราน และ กระดูกสันหลังส่วนล่าง ด้วยเช่นกัน

boonthis

พยาธิสภาพของการกระดูกอ่อนเสื่อม...

โรคข้อกระดูกเสื่อม หรือ osteoarthritis มีลักษณะการเป็นโรคที่เรื้อรัง โดยจะมีการทำลายของเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่บริเวณข้อ
กระดูกที่รับน้ำหนักมากๆ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากหลายๆ สาเหตุที่มีการเริ่มต้นของโรคจากการสูญเสียโครงสร้างที่แข็งแรงของ
กระดูกอ่อน เมื่อเกิดโรคขึ้น ส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ โดยที่อาจจะพบว่ามีการอักเสบที่ใดที่หนึ่ง แล้วทำให้มีการสูญเสียกลไกของ
เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนต่อไปได้ ทำให้มีการสลายกระดูกอ่อนในทีสุดเกิดเป็นโรคข้อเสื่อมเนื่องจากมีการทำลายเนื้อเยื่อมากกว่าสร้าง
โรคข้อเสื่อมอาจจะเริ่มต้นมาจากอาการของเอ็นกระดูกได้ เช่น stretch หรือloosen ligaments ซึ่งเป็นสาเหตุของการที่
กระดูกไม่เสถียร (unstable) ทำให้กระดูกเคลื่อนที่ได้มากเกินไปหรือเป็นอิสระ ทำให้เกิดแรงเสียดทานขักสีกันของกระดูก
อ่อนมากกว่าที่เป็นปกติ ในทีสุดกระดูกอ่อนก็เสื่อมสลาย ข้อกระดูกมีผลปรับสมดุลย์เพื่อให้เกิดการเสถียรมากขึ้นทำให้มีการ
งอกหรือเจริญของกระดูกเกิดขึ้น ข้อกระดูกเสื่อมมีลักษณะซับซ้อนมาก เพียงแค่มีการสลายของกระดูกอ่อนก็จะทำให้เกิดการ ล็อกหรือยึดติด ของข้อกระดูกได้ แฟคเตอร์ที่มีผลต่อการพัฒนาของโรคข้อเสื่อม เช่น ความอ้วน การออกกำลังกายหนักมากเกินไป การอักเสบหรือบาดเจ็บของข้อกระดูก และการขาดวิตามินดี รวมทั้งสาเหตุจากกรรมพันธ์ จะพบโรคข้อเสื่อมในผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปีมากกว่าผู้หญิง แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปี


boonthis

คนเป็นโรคข้อเสื่อมมากมายขนาดไหน ?

พบโรคข้อเสื่อมกระดูกเสื่อม และอักเสบได้เป็นจำนวนมาก ที่อเมริการมีสถิติมากถึง 40 ล้านคนและคาดว่าอาจจะมีมากถึง 60
ล้านคนในปี 2020 มากกว่า 20 ล้านคนมีประสบการณ์ของการปวดอันเนื่องมาจากโรคข้อเสื่อม ประมาณ 7 ล้านคนที่ต้องตัดขาที่เป็นผลกระทบมาจากโรคข้อเสื่อมโรคข้อเสื่อมเป็นโรคที่นำมาซึ่งการสูญเสีย หรือทำให้พิการทำงานไม่ได้ของคนในช่วงอายุ 16-72 ปีพบว่ามากกว่า 80% ของคนที่มีอายุมากกว่า 75 ปี จะเป็นโรคข้อเสื่อม


boonthis

มูลค่าการสูญเสีย.....

พบว่า โรคข้อเสื่อม มีผลกระทบต่อการสูญเสียทางเศรษฐกิจจำนวนมาก มีผู้วิจัยพบว่า ที่อเมริกาสูญเสียมากถึง 5000 เหรียญ
ต่อคนต่อปี ทั้งนี้ รวมทั้งค่าสูญเสียที่แอบแฝงมากับการสูญเสียแรงงานด้วย

เมื่อเป็นโรคข้อเสื่อมแล้ว ....ต้องเสียเงินเป็นค่าอะไรบ้าง ?

ค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับโรคข้อกระดูกอักเสบ และข้อเสื่อม เป็นการสูญเสียเมื่อเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล รองลงมาได้แก่ค่ายา
และค่าหมอ


boonthis

ขอขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์จาก

"รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ"
คณะแพทย์ศาสตร ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาควิชาเคมี หน่วยวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิด
Associate Professor Prachya Kongtawelert, Ph.D.
Thailand Excellence Center for Tissue Engineering and Stem Cells
Department of Biochemistry, Faculty of Medicine



25ปีก็เป็น

ทาน ไวอาทริล(กลูโคซามีน)ทาน 2 เดือนเว้น 1 เดือน+เกลือแกง(ปลายช้อนชา เช้าและเย็นทุกวัน) อาการจะดีขึ้นครับ..ผมก็เป็นอยู่ทานมมานาน 15 ปีแล้ว..(เกลือทานทุกวันไตก็ยังแข็งแรงดีอยู่..ไม่ต้องกลัวเกลือครับ..เป็นความเชื่อผิดๆที่กลัวว่าทานเกลือแล้วไตจะเสียความดันขึ้น..) 

boonthis

ปรับพฤติกรรม...ศึกษาวิธีป้องกัน ลดความเสี่ยงการเกิดโรค 'กระดูกและข้อ'

การเปลี่ยนแปลงของ "กระดูกและข้อ" มักมาพร้อมกับตัวเลขของอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแล้วแต่ว่าใครจะเป็นมากหรือน้อย เพราะบางคนเพียงแค่เอามือยันพื้นกระดูกก็หักแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังและไม่ควรมองข้าม!

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีร พันธ์ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียง ใหม่ กล่าวให้ความรู้ถึงปัญหาด้านกระดูกและข้อในผู้สูงอายุว่า ปัญหากระดูกและข้อในผู้สูงอายุที่พบบ่อยมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ ที่ตัวกระดูกและข้อเท้าหรือผิวข้อ ในส่วนของกระดูก โดยปกติร่างกายจะมีการสะสมมวลกระดูกตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งอายุประมาณ 20-30 ปี จากนั้นเมื่ออายุประมาณ 50 ปี ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะเริ่มลดลง ซึ่งพบว่า เพศหญิงจะมีอัตราการสูญเสียของมวลกระดูกมากกว่าในเพศชาย โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการสร้างกระดูกมีปริมาณที่ลดลงจึงทำให้การสร้างเนื้อกระดูกขึ้นมาทด แทนน้อยลงด้วยและกลับมีการทำลายสูญเสียเนื้อกระดูกเร็วขึ้น ส่งผลให้ที่มวลกระดูกบางลง ทำให้เกิดกระดูกพรุน กระดูกบางได้ง่ายขึ้น ส่วนในเพศชายพบเมื่อมีอายุ 70 ปี ขึ้นไป

"โดยส่วนมากจะไม่แสดงอาการให้เห็น จนกระทั่งได้รับแรงกระแทกหรือหกล้มเพียงเล็กน้อย แต่เกิดอาการเกี่ยวกับกระดูกขึ้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในบริเวณ 3 ตำแหน่ง คือ กระดูกบริเวณตะโพก กระดูกสันหลังและกระดูกบริเวณข้อมือ รวมทั้ง มีความรู้สึกว่าทำไมหลังโก่งขึ้นเรื่อย ๆ"

ด้านปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน คือ พันธุ กรรม โดยเฉพาะครอบครัวทางฝ่ายมารดาที่มีประวัติเป็นโรคกระดูกพรุนก็จะทำให้คนในครอบครัวมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนได้มากกว่าคนปกติ เพศหญิงวัยหมดประจำเดือน เพศหญิงที่ประจำเดือนหมดก่อนวัยอันควร คือ ก่อนอายุ 45 ปี หรือได้รับการผ่าตัดเอารังไข่ออก ผู้ได้รับอาหารที่มีแคลเซียมต่ำกลุ่มผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ คือ ใช้นานกว่า 1 ปี ขึ้นไป รวมถึงคนไข้ที่เป็นโรครูมาตอยด์

สำหรับปัญหากระดูกอ่อนของผิวข้อ นพ.ธนินนิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นภาวะที่ผิวข้อมีการสึกกร่อน มีการเสื่อมที่ผิวข้อขึ้นทำให้กระดูกเข้ามาชิดกันมากขึ้น บางครั้งทำให้เกิดกระดูกงอกออกมาตามรอบ ๆ ข้อได้ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของข้อไม่เรียบ มีการเสียดสีของกระดูก เป็นกระบวนการเสื่อมตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น พบได้บ่อยในผู้สูงอายุเช่นกัน

"ปัญหาของผิวข้อ มักเกิดขึ้นที่ข้อเข่า ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดเข่า หรือที่เรียกกันว่าข้อเข่าเสื่อม รวมทั้ง บริเวณกระดูกสันหลังจะมีปัญหาในเรื่องหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บางรายจะมีอาการปวดหลังแล้วร้าวมาลงที่ขา และมีอาการชาเกิดขึ้นได้หรือมีกระดูกงอกทับเส้นประสาท"

มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ได้แก่ พันธุกรรม รวมทั้งน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้นกว่าปกติ อายุ เมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองของผิวข้อกระดูกอ่อนก็ลดน้อยลง ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ง่ายขึ้น รวมทั้ง ผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย

แนวทางในการป้องกันการเกิดกระดูกพรุนสามารถทำได้ โดยการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย โดยจะต้องฝึกในเรื่องสมดุลของร่างกาย เช่น การรำมวยจีน การรำไท้เก๊ก รวมทั้ง รับประทานแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก โดยมีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ โดย เพศชายและเพศหญิงอายุมากกว่า 50 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งแหล่งอาหารที่มีแคลเซียมสูงได้แก่ นม โยเกิร์ต ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ผักใบเขียว งา ปลาตัวเล็กที่รับประทานทั้งกระดูก ในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว การดื่มนมวันละ 1- 2 แก้ว จะช่วยเสริมให้ได้รับแคลเซียมได้ แต่ในวัย 40 ปีขึ้นไป การดื่มนมอาจเกิดไขมันสะสมทำให้อ้วนได้ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นรับประทานแคลเซียม เม็ดเสริมวันละ 1-2 เม็ดแทน

ที่สำคัญ คือ ระวังเรื่องการหกล้ม ฉะนั้น ผู้สูงอายุหากมีปัญหาเรื่องสายตา เช่น เป็นต้อหินหรือต้อกระจก ควรเข้ารับการรักษาจะได้มองเห็นได้อย่างชัดเจน อีกประการหนึ่ง คือ อย่าใช้ยานอนหลับมากจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดอาการมึน เซ ทำให้หกล้มได้ง่าย ตลอดจน ไฟในบ้านควรจะเปิดให้สว่างเพียงพอ และไม่ควรเลี้ยงสัตว์ เช่น สุนัข หรือแมว ไว้ในบ้าน เพราะบางครั้งสัตว์เลี้ยงจะวิ่งเข้ามาหาแล้วทำให้หกล้มได้ รวมไปถึง ผ้าเช็ดเท้า ต้องระวังอาจทำให้ลื่นหกล้มได้ หากเป็นไปได้ภายในห้องน้ำของผู้สูงอายุ ควรมีราวจับสำหรับเดินจะได้มั่นคงไม่ลื่นล้ม

ในขณะที่ แนวทางการป้องกันเข่าเสื่อม คือ จำเป็นต้องควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม หากมีปัญหาปวดจากข้อเข่าเสื่อมแล้ว ไม่ควรนั่งขัดสมาธิหรือนั่งพับเพียบกับพื้น เพราะไม่เพียงส่งผลต่อเข่าแล้วยังมีผลให้เกิดอาการปวดหลังร่วมด้วย เนื่องจากน้ำหนักทั้งหมดจะลงมาที่กระดูกสันหลัง

นพ.ธนินนิตย์ กล่าวฝากทิ้งท้ายว่า "เมื่ออายุมากขึ้นจำเป็นต้องปรับกิจวัตรประจำวันโดยพยายามลดการใช้งานหนักลง เช่น อย่ายกของหนักหรือก้มนาน ๆ โดยจะทำเหมือนตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่ได้แล้ว ก็จะช่วยและลดโอกาสที่จะเกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและข้อต่าง ๆ ได้"

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันมหิดล คณะแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดงานถ่ายทอดสดงาน "สวนดอกร้อยใจ...เพื่อสูงวัยใส่ใจสุขภาพ" ขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555 ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี เวลา 22.15–24.00 น. โดยจะนำเสนอเนื้อหาหลักเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามชมได้ตามวันและเวลาดังกล่าว.

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก "เดลินิวส์" ค่ะ
http://www.dailynews.co.th/article/224/152792


ninjsenokzzx

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

boonthis

ตามไปอ่านข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพได้ที่

http://www.facebook.com/AiyaraCareShare

We Care We Share :-)

"ไอยรา แพลนเน็ต" เราสร้างคุณค่าสู่สังคมไทย

ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้