ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ซาซางาวะ เธอไม่รู้เรื่องนี้ (ฮิโรชิม่า ค.ศ.๑๙๔๕) จบซะที...

เริ่มโดย pa_เฟี๊ยว, 16:39 น. 25 ก.ค 55

pa_เฟี๊ยว

เรื่องสั้น : ซาซางาวะ เธอไม่รู้เรื่องนี้...(ฮิโรชิม่า ค.ศ.๑๙๔๕)

       ระหว่างที่ท้องฟ้าดูซีดขาวและมองไม่เห็นว่าตรงไหนคือผืนฟ้าและผืนดิน ระหว่างที่ทุกอย่างเงียบสนิทเหมือนหญิงสาวกำลังหูหนวก หรือไม่ก็โลกกำลังหยุดหมุน ระหว่างที่เด็กหญิง "ซาซางาวะ เคียวโกะ" กำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความเวิ้งว้างที่เป็นเหมือนนิรันดร์นั้น
       ชั่วขณะหนึ่ง เธอก็นึกขึ้นได้ว่า บนโลกที่เธอจากมาและในชีวิตของเธอนั้น ยังมีสิ่งที่เธอไม่รู้และไม่มีวันที่เธอจะได้รู้อีกมากมาย ยิ่งกว่าจำนวนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเสียอีก เธอไม่รู้...และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เธอจะได้รู้...
       ความไม่รู้ของเธออาจเกิดขึ้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ หรือนานกว่านั้น...

..................

พุทธศักราช ๒๔๘๓ (คริสต์ศักราช ๑๙๔๐)
๒๒ กันยายน
       กองทัพของประเทศของเธอเข้ายึดครองประเทศเวียดนาม และเริ่มสร้างฐานที่มั่นทางการทหารในคาบสมุดอินโดจีนเพื่อรุกรานประเทศอื่นๆต่อไป "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๒๗ กันยายน
       ผู้แทนจากประเทศของเธอ อิตาลี และเยอรมนี ลงนามเป็นพวกเดียวกันที่กรุงเบอร์ลิน เป็นที่มาของคำว่า"ฝ่ายอักษะ" ในสงครามโลกครั้งที่สอง "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...

พุทธศักราช ๒๔๘๔ (คริสต์ศักราช ๑๙๔๑)
๒๘ กรกฎาคม
       กองทัพของประเทศของเธอรุกคืบเข้าไปในเขตแดนลาว และกัมพูชา "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๘ ธันวาคม
       กองทัพของประเทศของเธอยกกำลังเข้ารุกรานประเทศไทย ทั้งทางบกและทางเรือ ตั้งแต่อรัญประเทศ สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ไปจนถึงปัตตานี ทหาร ตำรวจ ยุวชนทหาร และชาวบ้านของไทยลุกขึ้นสู้กับทหารประเทศของเธอตั้งแต่เช้ามืด บาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่ายมากมาย "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...







๘ ธันวาคม
       กองทัพของประเทศของเธอ ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีฐานทัพเรืออเมริกัน ที่อ่าว"เพิร์ลฮาร์เบอร์"ฮาวาย เกิดความสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย อเมริกาประกาศว่าจะเป็นศัตรู และทำสงครามตอบโต้กับประเทศของเธอ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...





๑๘ ธันวาคม
       กองทัพของประเทศของเธอรุกรานเกาะฮ่องกง "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...

พุทธศักราช ๒๔๘๕ (คริสต์ศักราช ๑๙๔๒)
๑๑ มกราคม
       กองทัพของประเทศของเธอเข้ายึดเมืองกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียไว้ได้ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๑๕ กุมภาพันธ์
       กองทัพของประเทศของเธอยึดเกาะสิงคโปร์ไว้ได้ และยังจับทหารอังกฤษจำนวนมากเป็นเชลยศึก"ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๒๐ กุมภาพันธ์
       กองทัพของประเทศของเธอได้บุกเข้าไปในพม่า ข้ามแม่น้ำสาละวิน และสมารถตีเมืองย่างกุ้งแตกได้ในวันที่ ๖มีนาคม "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๒๘ มิถุนายน
       โครงการทดลองที่ใช้ชื่อรหัส"แมนฮัตตั้น" เริ่มต้นขึ้นในอเมริกา นำไปสู่การประดิษฐุ์อาวุธทำลายล้างที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยเห็นมา วงเงินงบประมาณสำหรับโครงการลับนี้ คือสองพันล้านดอลลาร์สหรัฐ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...

พุทธศักราช ๒๔๘๖ (คริสต์ศักราช ๑๙๔๓)
๗ กุมภาพันธ์
       กองทัพของประเทศของเธอพ่ายแพ้ และถอนตัวออกจากเกาะกัวดาคาแนล ในทะเลทางเหนือของออสเตรเลีย นั่นก็คือจุดไกลสุดที่พวกเขาใช้กำลังรุกรานไปถึง จากนั้นตลอดทั้งปีนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กองทัพของประเทศของเธอถูกอเมริกาและออสเตรเลียโจมตี จนต้องถอยออกจากดินแดนที่ยึดมาได้ ทีละเกาะ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...

พุทธศักราช ๒๔๘๗ (คริสต์ศักราช ๑๙๔๔)
๗ มีนาคม
       ดูเหมือนกองทัพของประเทศของเธอจะพยายามทำอะไรห่ามๆเป็นครั้งสุดท้าย พวกเขารุกรานเข้าไปในเขตแดนอินเดีย ซึ่งเวลานั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พวกเขาถอนตัวออกจากอินเดียเมื่อวันที่ ๓๑พฤษภาคม โดยได้รับความสูญเสียอย่างหนัก "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...

พุทธศักราช ๒๔๘๘ (คริสต์ศักราช ๑๙๔๕)
มกราคม-กุมภาพันธ์
       ทหารอเมริกันโอบล้อมเข้ามาทุกที ฟินลิปปินส์ถูกอเมริกาบุกยึดกลับไปอีกครั้ง "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๑๙ กุมภาพันธ์
       ทหารอเมริกันบุกขึ้นเกาะ"อิโวจิมา" ดินแดนแรกสุดของประเทศของเธอ เกิดการต่อสู้กันอย่างหนัก ภาพของทหารที่ปักธงบนยอดเขา"ซึบาราชิ" กลายเป็นภาพอมตะภาพหนึ่งของโลก "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...







๑๔ เมษายน
       หลังจากเป็นผู้รุกราน และทำลายผู้อื่นมาหลายปี คราวนี้ประเทศของเธอจึงได้พบกับสัจธรรมแห่งสงคราม กรุงโตเกียวถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดนับร้อยเที่ยวบิน จนเกิดไฟไหม้ใหญ่และแทบกลายเป็นเมืองร้าง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๓ พฤษภาคม
       ย่างกุ้งเมืองหลวงของพม่าได้รับการปลดปล่อย กองทัพของประเทศของเธอล่าถอยกลับมาที่ประเทศไทย ซึ่งเวลานี้ ประกาศตัวว่าเป็นฝ่ายเดียวกับประเทศพวกเธอไปแล้ว "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๑๖ กรกฎาคม
       ยังจำโครงการ"แมนฮัตตั้น"ได้มั้ย ในที่สุดโครงการนี้ก็บรรลุผล อเมริกาทดลองอาวุธใหม่นี้เป็นครั้งแรกที่ทะเลทรายห่างไกลในรัฐนิวเม็กซิโก และเรียกระเบิดชนิดนี้ว่า"ปรมาณู" และเป้าหมายต่อไปคือประเทศของเธอ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...





๑๗ กรกฎาคม
       การประชุมฝ่าย"สัมพันธมิตร" ที่เมืองพ็อตสดัมเริ่มขึ้น ผู้นำอเมริกาประกาศว่า ประเทศของเธอจะต้องยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข "หรือไม่ก็พบกับความหายนะเหลือแสน" เป็นคำประกาศหลังจากอเมริกามีอาวุธ"ปรมาณุ" ในครอบครองแล้ว "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๒๖ กรกฎาคม
       เรือรบอเมริกาชื่อ"อินเดียนาโปลิส" แล่นจากซานฟรานซิสโกมายังเกาะทิเนียน ห่างจากประเทศของเธอไปทางใต้สองพันสี่ร้อยกิโลเมตร เพื่อส่ง"ของสำคัญ"ให้กับเครื่องบินที่จอดรออยู่ โชคไม่ดีนักเมื่อส่ง"ของสำคัญ"เสร็จ ไม่กี่วันต่อมาเรือรบ"อินเดียนาโปลิส" พร้อมลูกเรือเก้าร้อยคน ก็ถูก"ตอร์ปิโด" ของฝ่ายเธอยิงจนล่มจมลง แต่นั่นก็หลังจากที่"ของสำคัญ" ถูกส่งออกไปแล้ว "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...





๖ สิงหาคม
       เวลาตีสอง เครื่องบินทิ้งระเบิด"บี-๒๙" ควบคุมโดย"พันโทพอล ทิบเบทส์" บินออกจากสนามบินบนเกาะทิเนียน ใช้เวลาในการบินถึงหกชั่วโมงเศษ จึงมาถึงน่านฟ้าเหนือเมืองฮิโรชิม่า "ซาซางาวะ"ซึ่งในวันนั้นอาศัยอยู่ในเมืองด้วย และเธอไม่รู้เรื่องนี้...







๖ สิงหาคม
       เวลาแปดโมงสี่สิบห้านาที ท้องเครื่องบินที่ชื่อ"อิโนล่า เกย์"(ตั้งชื่อตามแม่ของพอล ทิบเบทส์) ก็เปิดออกเพื่อทิ้งลูกระเบิดลงใจกลางเมืองฮิโรชิม่า ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการผลิตอาวุธ ทางใต้ของประเทศของเธอ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๖ สิงหาคม
       ระเบิดที่ดำดิ่งลงจากฟากฟ้ามีชื่อว่า"ลิตเติลบอย"(เด็กน้อย) มันมีขนาดยาวสามเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางเจ็ดสิบเซนติเมตร น้ำหนักสี่พันสี่ร้อยกิโลกรัม ระเบิดสกัดจากยูเรเนียม๒๓๕ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
๖ สิงหาคม
       สี่สิบสามวินาทีหลังจากลูกระเบิดถูกหย่อนลงจากเครื่องบิน ระเบิดก็ทำงานกลางอากาศที่ความสูงหกร้อยเมตรจากพื้นดิน แสงสว่างวาบทาบทาท้องฟ้าในยามสาย เหมือนพระอาทิตย์ดวงที่สอง นักบินรายงานว่า มองเห็นแต่หมอกควันรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่โดยมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่าง ในขณะที่เมืองฮิโรชิม่าด้านล่างพังราบเกือบทั้งหมดในพริบตา ผู้คนด้านล่างเกือบแสนคน แทบจะ"ระเหย"หายไปทันที ด้วยพลังงานความร้อนมหาศาลถึงสี่พันองศาเซลเซียส "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...







  เธอรู้แต่ว่ากำลังนอนป่วย เพราะท้องเสียอยู่ที่บ้าน แม่กำลังเปิดประตูเลื่อนเข้ามาดูอาการของเธอ วินาทีนั้นเธอได้ยินเสียงแปลกๆบางอย่างดังกึกก้องด้านนอก จากนั้นฝาบ้านก็ถูกอัดเข้ามาด้วยแรงระเบิด ลูกไฟดวงมหึมาฉีกภาพตรงหน้า รวมถึงแม่ของเธอหายไปต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงหลับตาลงจากแสงสว่างวาบ รู้สึกเจ็บแสนสาหัสจากความร้อนแผดเผาและเศษสิ่งของแหลมคมที่ปลิวมาทิ่มตามเนื้อตัว วินาทีต่อมาร่างทั้งร่างของเธอก็หายไป เหลือแต่เถ้ากระดูกในกองซากปรักหักพัง แม้จะต้องจากโลกที่แสนวุ่นวายไปอย่างกะทันหัน แต่"ซาซางาวะ" ก็รู้และจำเรื่องในวันนั้นได้เป็นอย่างดี...

















  ....เพียงแต่เธอไม่เข้าใจ...
  ....ใคร?  ทำไม?  เพราะอะไร?  และเพื่ออะไร? ....

  ๙ สิงหาคม
       ระเบิดปรมาณูลูกที่สองที่ชื่อ "แฟตแมน(ชายอ้วน)" ถูกทิ้งลงที่เหนือน่านฟ้าเมือง"นางาซากิ" ผู้คนเรือนแสนล้มตายและบาดเจ็บแสนสาหัสอีกครั้ง ควันระเบิดพุ่งขึ้นบนชั้นบรรยากาศโลก สูงถึงสิบแปดกิโลเมตร "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...





  ๑๕ สิงหาคม
       ประเทศของเธอประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ของสงครามที่ตนเองได้ก่อไว้ "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...





       หลังจากนั้นมา ประเทศผู้ก่อและพ่ายแพ้สงครามซึ่งทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเรือนล้าน ก็กลายเป็นเหมือนประเทศเกิดใหม่ ความขยันและความอดทนของคนในชาติแปรเปลี่ยนความมุ่งมั่นจากการทหาร มาเป็นการสร้างยุคอุตสาหกรรมใหม่ เศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นอุตสาหะของคนในชาติ ได้ทำให้ประเทศของเธอกลายเป็นผู้นำของโลก ยิ่งกว่าสมัยสงครามโลกเสียอีก แม้แต่อเมริกาผู้ที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้ามก็กลายเป็นผู้ติดต่อค้าขายไปมาหาสู่กันอย่างดี ไม่เหลือเค้าลางของสงครามในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อนอีกเลย น่าเสียดาย "ซาซางาวะ" ไม่รู้เรื่องนี้...
       เธอไม่รู้หรอก เพราะตอนนี้เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ เพื่อรับรู้ข่าวสารใดๆ อีกต่อไป...

...........................

       ในปรโลกนั้น ระหว่างที่ท้องฟ้าดูซีดขาวและมองไม่เห็นว่าตรงไหนคือผืนฟ้าและผืนดิน ไม่รู้ว่าเวลาที่นี่ล่วงเลยจากเมื่อครั้งที่เธอจากโลกมา นานแค่ไหน ระหว่างที่ทุกอย่างเงียบสนิท เหมือนเด็กน้อยกำลังหูหนวก หรือไม่ก็โลกกำลังหยุดหายใจ ระหว่างที่ "ซาซางาวะ เคียวโกะ" กำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความเวิ้งว้างที่เหมือนเป็นนิรันดร์นั้น ชั่งขณะหนึ่งเธอก็นึกว่าบนโลกนี้และในชีวิตของเธอนั้น ยังมีสิ่งที่เธอไม่รู้ และไม่มีวันได้รู้อีกมาก บางทีอาจจะมากยิ่งกว่าจำนวนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำเสียอีก...
       หรือถึงจะเป็นสิ่งที่เธอรู้แล้ว ก็ใช่ว่าทั้งหมดคือสิ่งที่เธอเข้าใจ.....
       เธอไม่เข้าใจ....

       เด็กหญิงล่องลอยต่อไปอย่างไร้จุดหมายในปรโลก มองย้อนหลังไปก็พบว่ามีคนอีกมากมายกำลังล่องลอยตามมา ทั้งหมดมาจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาล้มหายไปจากโลกทุกวันๆด้วยเหตุผลเดียวกับเธอ เหยื่อจากความขัดแย้งของคนอื่น....
       มองไปข้างหน้า ในที่สุดเธอก็น่าจะมาถึงจุดหมายปลายทาง กลุ่มคน...หรือจะพูดให้ถูกก็คือกลุ่มของสิ่งที่เคยเป็นคนจำนวนมหาศาลกำลังล่องลอยอยู่เบื้องหน้าเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง จำนวนของสิ่งที่เคยเป็นคนเช่นเดียวกับเธอนั้นมีมากมายจนดูคล้ายเหมือนเมฆหมอกขนาดมหึมาเมื่อมองจากที่ไกลๆตรงนี้ ในที่สุดมันก็ดูใหญ่ขึ้นเหมือนคลื่นยักษ์ ที่อาจกลืนกินทุกสิ่งได้เมื่อเธอลอยเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ดวงวิญญาณของคนต่างชาติต่างภาษานับหมื่นๆล้านคน ที่จากโลกนี้ไปแล้วต่างมารวมกันที่นี่ "ซาซางาวะ" ลอยผ่านเข้าไปใจกลางกลุ่มดวงวิญญาณนั้น เธอยังคงเดินทางไปเรื่อยๆท่ามกลางหมู่ดวงวิญญาณ จนกระทั่งเห็นชายชราหนึ่งที่แยกตัวอยู่อีกด้าน เขากำลังหันหลังให้กับเธอ แม้ว่าจะยังไม่ได้เห็นหน้า แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกกับ "ซาซางาวะ"ว่า เธอต้องคุยกับเขาให้ได้...

"สวัสดีค่ะ! หนูชื่อ ซาซางาวะ เคียวโกะ ค่ะ"
"สวัสดีแม่หนู!" ชายชราหันมามองเธอ ใบหน้าของเขาดูกร้าน เหมือนผ่านเรื่องราวในชีวิตมามาก

"เธอชื่ออะไรเหรอ แล้วเป็นอะไรถึงมาที่นี่ล่ะ" เขาคงหมายถึงว่าเธอเป็นอะไรตาย
"หนูชื่อ ซาซางาวะ เคียวโกะ ค่ะ มาจากฮิโรชิม่า หนู...หนูถูกระเบิดจากสงครามค่ะ"

ชายชราเงียบไปครู่หนึ่ง "จำวันที่ได้มั๊ย" ..."หกสิงหาคม ปีโชวะที่ยี่สิบค่ะ"

ไม่รู้ว่าทำไม แต่หลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างคู่สนทนาต่างวัยทั้งสองก็เงียบจนน่าอึดอัด สุดท้ายจึงเป็นซาซางาวะนี่เอง ที่ทนไม่ได้ เธอถามเขากลับไปด้วยคำถามเดียวกัน
"แล้วคุณลุงชื่ออะไรคะ" ... ชายชราขยับริมฝีปาก "พอล ทิบเบ็ทส์"

       เมื่อตอนเสียชีวิต ซาซางาวะผู้ไม่เคยทำร้ายใครเลย อายุได้เพียงเก้าขวบเท่านั้น ส่วนพอล ซึ่งเป็นผู้ปล่อยระเบิดลงจากฟากฟ้าเหนือเมืองของเธอในวันนั้น ได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของเขา และมีอายุยาวนานถึงเก้าสิบสองปี!...
       ซาซางาวะมองชายชราที่อยู่ตรงหน้านิ่ง! นึกได้อีกครั้งว่าบนโลกที่เธอจากมา ยังมีสิ่งที่เธอไม่รู้ และไม่เข้าใจอีกมาก เธอไม่เข้าใจ...

ทำไม...คนเราต้องลุกขึ้นมาฆ่าแกงกัน เพราะว่ามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน

ทำไม...คนจากที่หนึ่งถึงต้องบากบั่นข้ามภูเขา ข้ามน้ำข้ามทะเล ไปหาคนอีกที่หนึ่งเพื่อทำลายล้างกัน ทั้งๆที่ก่อนจะถูกปลุกปั่นให้เกลียดชังกันนั้น ทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างสงบสุขดี

ทำไม...โลกนี้มีผืนดิน มีทรัพยากรอยู่ทั่วโลกมากมาย แต่ทำไมคนต้องลุกขึ้นมาทำสงครามแย่งชิงดินแดนกัน

ทำไม...ในเมื่อศาสนาสอนว่า คนเราเกิดมาตัวเปล่า ตายไปก็ตัวเปล่า แต่ทำไมคนจึงยอมตายต่อสู้กันเพื่อของที่ไม่สามารถเอาติดตัวไปได้ เมื่อหมดลมหายใจไปแล้ว

ทำไม...อุดมการณ์การเมืองต่างๆที่ล้วนเป็นเรื่องสมมุติ ที่สนองความต้องการของผู้นำหรือคนที่คิดค้นมันขึ้นมาเท่านั้น  แต่ทำไมคนอื่นนับล้นถึงยอมตาย หรือต้องลำบากแสนสาหัส เพียงเพราะอุดมการณ์พวกนั้น

ทำไม...ในเมื่อทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน ศัตรูในวันนี้อาจเป็นมิตรในวันหน้า ทำให้คิดได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะทำลายล้างกันในวันนี้ แต่ทุกคนก็ยังก้มหน้าสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งก่อน แล้วก็มานั่งก้มหน้ารำลึกถึงความสูญเสียร่วมกันทีหลัง ทุกครั้ง

ทำไม...คนเราช่างเป็นสัตว์โลกที่ไร้เหตุผลเหลือเกิน สัตว์เดรัจฉานต่อสู้กันเพื่ออาหารและการขยายเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่คนต่อสู้กันเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ เพื่อแก้แค้น เพื่อให้คนอื่นๆยอมศิโรราบ เพื่อให้หนังสือประวัติศาสตร์บันทึกชื่อตัวเองลงไป  เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรที่ตัวเองจนตายก็อาจจะไม่เคยได้ใช้

        ทำไม ... ทำไม ... ทำไม ...
        เธอไม่รู้ ... และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้รู้ ...

...............................The end



ขอบคุณ : ข้อมูลภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ และข้อมูลโดย http://www.oknation.net/blog/print.php?id=628381 ค่ะ
ขอบคุณ : หนังสือขายหัวเราะ รายสัปดาห์ ประจำวันที่ 16-22 พฤษภาคม 2555
ขอบคุณ : ผู้ที่อ่านนะค๊ะ ....