ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บทความดีๆวันแม่

เริ่มโดย อ่านดู, 16:48 น. 12 ส.ค 55

อ่านดู

ลอกมาจากเฟสบุ๊ค 12/8/2012
ใครน้อรักเราเท่าชีวี //@F

แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต
1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน

ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อย ๆ

เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว...แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีกพร้อมทั้งพูดว่า"ลูกต้องกินข้าว
เพิ่มขึ้นนะ...ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว"
นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม

2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำเพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม

แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให้ผมกิน

ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้าง ๆผม แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมได้กินเนื้อปลาไปแล้ว

ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายาม
แบ่งเนื้อปลาให้แม่

แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม

3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น

แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการรับ
งานเล็ก ๆน้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน

บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอนตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน

"แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก"

แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่เห
นื่อย...นอนไม่หลับ"

ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม

4. ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย

แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อน
และเพื่อเป็นกำลังใจให้ผม

มันเป็นวันที่แดดร้อนมาก ๆ...แม่ต้องรอผมอยู่หลายชม.

เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่

เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วมตัว..

แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียม
มาให้ผมดื่ม

ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน

แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหา
ยน้ำ"

นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกผม

5. หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต

คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจนเจือครอบครัว

แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเพียงไร

คุณลุงที่อยู่ข้าง ๆบ้านท่านเป็นคนดีพยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ....เช่นซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง..ฯลฯ

เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมาก
ก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่

แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า

"แม่มีลูกอยู่ทั้งคน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก"

แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

6. ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ

ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง

แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุก
เช้า

ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้ง ๆที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่

(ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล)

แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคื นให้ผมอีก

แม่พูดกับผมว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ"

แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 6

7. เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า..

ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วย
ทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง

เมื่อทำงานไปได้สักพัก...ผมอยาก
ให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่อเมริกา

เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน...พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต

แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผม
ว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน"

ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกผม

8. เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อย ๆ..

ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็งและต้อง
เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล

ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุ
ดที่รักทันที

แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อผมไปถึง

น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซืงผ่ายผอมและดูทรุดโ ทรมลงอย่างมาก

แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม....พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก

ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวด
รวดร้าวอย่างสุดฝืน

จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั่งตัว

ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วย
ความสงสาร

หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด

แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบ
พร่าและสั่นเครือ

"ลูกรักของแม่...เห็นหน้าลูกแม่
ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว"

นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหก

และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหกผม

แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตได้ปิดตาลงและจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ

หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งที่ 8 จบลง.........
http://www.youtube.com/watch?v=res5NMeadjo

dj cop

                           " เราไม่เคยเรียกท่านว่า แม่  แต่เราเรียก มะ     มะอายุมากแล้วสุขภาพไม่ค่อยดี เบาหวาน ความดัน โรคไต อยู่เป็นเพื่อนของแกในยามชรา  นาน ๆ ลูกหลานถึงจะแวะไปเยี่ยมสักครั้ง    ตั้งแต่เป็นสาวแรกรุ่น อยู่ประถม มะทำงานตลอดทั้งชีวิต แทบไม่มีวันหยุด   คลอดน้องคนสุดท้อง  มะยังอยู่ทีตลาด  กลับจากขายของก็ไปคลอดโรงพยาบาล    มะเล่าให้ฟังว่า   หลังจากที่ตาและยาย จำเป็นต้องย้ายมาอยู่หาดใหญ่   สืบเนี่องมาจากไปยิงต่อสู้กับโจรที่มาปล้นเรือสินค้าแก   ลูกซองยาวตราไก่ ทำให้โจรบ้านนอกซีเบ้ง เท่งทึง   ตาเลยชวนยายลี้ภัยโจรร้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหาดใญ่   ร้านของชำมีของเต็มบ้าน ก็ให้มะทะยอยขายไปเรื่อยจนหมด  และมะก็ย้ายตามตากับยายมาอยู่หาดใหญ่   หลังจากจบประถมแล้ว มะก็ทำงานรับจ้างเขาไปทั่ว  ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ  อายุ 17 ปี   ก็มีผู้บ่าวมาสู่ขอ  มะเล่าต่อไปว่า ผ้าถุงหนึ่งผืนกับเงินไม่กี่ร้อยบาท  คือสิ่งที่ตายายมอบให้หลังจากมีครอบครัว  เป็นเวลาเกือบเท่าอายุของมะ  ที่ต้องทำงาน เลี้ยงดู ลูก หลาน ไปถึงจุนเจือพี่น้อง ญาติมิตร   ที่ลำบากเดือดร้อน  มะไม่เคยปฏิเสธ ในการชวยเหลือคน  ดูแกปากร้าย แต่ใจดี ใจมาก    พี่น้องหญิงชายห้าคน  มะส่งเสียให้เรียนจนสุดความสามารถของลูก ๆ  ทุกวันนี้มะพักผ่อนแล้ว อยู่กับโรคภัย และความชรา   และคอยตักเตือน ตวาด หลาน ๆ ที่ซุกชน   มะมีทุกอย่าง สมบัติพัสสถาน บ้านเช่า ห้องหอ  เงินทอง  ก่ายกอง  แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่บันดาลความสุขให้มะ ในยามบั้นปลายของชีวิต    สายตาที่ฝ้าฟางของมะ  ต้องการให้ลูกหลานให้ความสำคัญ ความรัก  ความห่วงหา อาทร   ก่อนที่ท่านจะไม่มีลมหายใจเข้าออกอีกต่อไป..... มะครับ รายอนี้เราจะไปจูบที่ฝ่าเท้ามะน่ะ........ ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน