กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com

ชุมพร - หนุ่มประกอบอาชีพเลี้ยงปลากะพงโวยไฟฟ้าดับนานกว่า 4 ชั่วโมง ทำเสียหายหนัก ดวงซวยเจอดับซ้ำสองปลานับหมื่นตัวขาดออกซิเจนทยอยตายเกือบหมดบ่อ ขาดทุนยับ โร่แจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้องแต่ไม่ได้รับความสนใจ
       
       เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (24 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ ปานนิล อายุ 35 อยู่บ้านเลขที่ 156/3 หมู่ 2 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้ร้องเรียน และพาผู้สื่อข่าวไปดูบ่อเลี้ยงปลากะพง ที่ได้เช่าที่ดินบริเวณใกล้คลองหัววัง-พนังตัก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าคลอง "ในหลวง" บ้านนาชะอัง หมู่ที่ 4 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยปลากะพงที่เลี้ยงไว้ในบ่อเลี้ยงมีเนื้อที่ประมาณหนึ่งไร่ครึ่ง ปรากฏว่า จากเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับทั่วทั้งภาคใต้ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้ปลากะพงที่เลี้ยงไว้กว่า 1 หมื่นตัว ขาดออกซิเจน ได้ทยอยตายไปจนเกือบหมดบ่อเลี้ยง
       
       นายอภิสิทธิ์ ปานนิล กล่าวว่า ตนมีอาชีพเลี้ยงปลากะพงซึ่งเป็นปลาเลี้ยงสำหรับขึ้นโต๊ะอาหาร น้ำหนักขนาดตัวละ 6-8 ขีด ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 130-135 บาท จะมีพ่อค้ามารับถึงที่บ่อเลี้ยง ตนเลี้ยงไว้ 2 บ่อ และได้จับขายไปแล้ว 1 บ่อ เหลืออีก 1 บ่อ เตรียมจะจับขายในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ แต่ปรากฏว่า ก่อนเกิดเหตุปลาตายเกือบหมดบ่อนั้น เนื่องจากช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนไปทำธุระอยู่ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากลูกจ้างที่เฝ้าบ่อปลาว่า ได้เกิดไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้านเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จึงไม่มีไฟฟ้าใช้ติดเครื่องปั่นตีกังหันทำออกซิเจนในน้ำได้ ตนจึงรีบกลับไปดู และได้สอบถามไปยังการไฟฟ้าภูมิภาคชุมพร ก็ได้รับคำตอบว่าระบบส่งไฟมีปัญหาช่างกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ ซึ่งไฟฟ้าดับไปนานกว่า 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเช้ามืดเวลาประมาณตีห้าไฟจึงติด แต่ปรากฏว่า ปลากะพงที่เลี้ยงไว้ในบ่อดังกล่าวประมาณ 130,000 ตัว ได้ทยอยตายลอยขึ้นมาเหนือน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ นับพันตัว ซึ่งเป็นปลาทั้งหมดเกือบได้ขนาดจะจับขายในสิ้นเดือนนี้อยู่แล้ว
       
       ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ปลากะพงส่วนที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งมีอาการร่อแร่อ่อนเพลียเนื่องจากขาดออกซิเจนติดต่อกันเป็นเวลานาน และไม่กินอาหาร ตนก็พยายามอนุบาลอย่างเต็มที่ ปรากฏว่า หลังจากนั้นห่างกันไม่กี่ชั่วโมงช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ของคืนวันที่ 21 พ.ค. ได้เกิดไฟฟ้าดับทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ตนเลี้ยงปลาอยู่ดับนานเกือบ 1 ชั่วโมง ทำให้ปลาที่มีอาการอ่อนเพลียอยู่แล้วทยอยตายไปเรื่อยๆ จนถึงขณะนี้เกือบหมดบ่อแล้ว และปลาที่ตายก็ขายไม่ได้ ต้องให้คนอื่นเอาไปทำอาหารสัตว์ ตนต้องขาดทุนไปจำนวนมากเพราะต้นทุนเลี้ยงปลากะพงจนกว่าจะจับขายได้บ่อละประมาณ 4-5 แสนบาท
       
       "ตนได้ประสานไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชุมพร และการไฟฟ้าภูมิภาค เขต 1 ภาคใต้ เพชรบุรี ได้รับคำชี้แจงจากทั้ง 2 แห่งแบบไม่มีความรับผิดชอบในลักษณะว่าทำไมตนถึงไม่ซื้อเครื่องปั่นไฟสำรองไว้ และถ้าปัญหาปลาตายเกิดจากน้ำเสีย หรือปัญหาอื่นๆ ตนก็จะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากใครได้เลย ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย นอกจากนั้น ยังพูดจาแบบไม่สนใจแล้วรีบวางหูใส่ตนโดยอ้างว่ามีงานยุ่ง ตนจึงต้องมาร้องเรียนสื่อมวลชน" นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า
       
       ตนเป็นผู้เลี้ยงปลารายย่อยเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว ไม่ใช่ทำเป็นธุรกิจใหญ่โตมีเงินทุนมากมายจึงไม่ได้ซื้อเครื่องปั่นไฟสำรองเก็บไว้ ตนเลี้ยงปลามาแล้วประมาณ 2-3 ปี ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเกิดปัญหาอะไร ทั้งๆ ที่ไฟฟ้าก็ดับอยู่บ่อยครั้งแต่ดับไม่นานมากจึงไม่เกิดปัญหา เนื่องจากถ้าไฟดับไม่เกิน 1 ชั่วโมง ปลากะพงที่เลี้ยงไว้สามารถอยู่ได้ไม่ตาย แต่ถ้าดับนานกว่านั้นปลาจะขาดออกซิเจนทำให้เกิดอาการเพลีย หรือน็อกตายในที่สุด ดังนั้น ตนจึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องสนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นบ้าง

             ไม่เข้าใครออกใครนะ  ทำการขนาดนี้ ยังไง ๆ ก็เหมือนหรือคล้ายเลี้ยงกุ้ง  ใช้เครื่องปั่นไฟ

             ระยะยาวน่าจะประหยัดกว่า หรือเพื่อเป็นการป้องกัน แล้วไม่เสี่ยงต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงด้วย  แล้วแต่ความคิด

             จะไปพี่งระบบไฟฟ้าอย่างเดียว ก็ต้องวัดดวง 

 

แวะมาให้กำลังใจผู้ประกอบการ ท่านนี้ สู้ๆๆ