กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

"ไม่เคยรู้สึกแย่แบบนี้มาก่อนในชีวิต"

วันนี้เป็นวันแรกที่ ม.อ. ยกเลิกการใช้บัตรเข้าออกสีฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในมหาวิทยาลัย เชื่อว่าคงจะส่งผลให้พี่น้องชาว ม.อ. รวมถึงบุคคลภายนอกที่ต้องการติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เดือนร้อนกันจำนวนไม่น้อย
--------------------------------------------------------------

รถจักรยานยนต์ที่มีสติ๊กเกอร์ และรถยนต์เท่านั้นถึงจะเข้าได้ (นักศึกษาและบุคคลภายในนอก รวมทั้งผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ต้องจอดไว้บริเวณรั้วมหาวิทยาลัยต้องเดินเข้ามา หรือไม่ก็ยืนรอรถไฟฟ้า)
--------------------------------------------------------------

ความในใจที่อยากระบาย
1. ห้ามรถจักรยานยนต์ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์เข้า สิ่งที่ตามมาคือ รถยนต์ในมหาลัย ณ ตอนนี้เพิ่มมากขึ้นหนาแน่นกว่าเดิม เป็นการแก้ปัญหาตรงจุดแล้วหรือไหม
2. ถ้าบอกว่านักศึกษาที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ก็ให้ไปทำซิ ถ้านักศึกษาทำสติ๊กเกอร์กันทุกคน จำนวนรถจักรยานยนต์จะลดลงซินะครับ
3. ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มาโรงพยาบาลซึ่งหากไม่มีรถยนต์ ก็คงต้องจอดรถหน้า ม. แล้วเดินมา ยิ่งถ้าผู้ป่วยฉุกเฉินเข้าทางประตู 109 คงจะไม่รอด
4. ทำไมไม่เริ่มในนโยบายนี้ตอนที่ระบบขนส่งมวลชนในมหาลัยพร้อม (หรือจะบอกว่าพร้อม ก็ควรไปดูว่ารถไฟฟ้า 1 คัน นักศึกษายืนเบียดกันแค่ไหน) ตอนนี้รถไฟฟ้ามีอยู่กี่คัน กว่าจะรอมาคันนึงคงไม่ต้องบอกว่านานแค่นไหน ถ้านักศึกษามีเรียนคาบติดกันจะไปทันไหม
5. รถไฟฟ้าบริการถึงแค่ 5 โมงเย็น แล้วหลังจากนั้นหละ ต้องเดินใช่มั๊ย ถ้าต้องเดินทางประตู 109 ตอนฝนตก หรือไม่ก็จากหน้ามหาลัย เรื่องความปลอดภัยอยู่ตรงไหนครับ
6. การจอดรถไว้ที่บริเวณรั้วมหาลัย มีระบบความปลอดภัยดีแค่ไหน
7. ผู้ปกครองมาเยี่ยมลูกหลังเลิกงานก็คงต้องเดินเช่นกันซินะครับ
8. หากฝนตกก็ต้องยืนรอรถไฟฟ้าฝนกันเปียกเลยใช่ไหม หลังคาทางเดินหรือตามป้ายก็ไม่มีที่พักระหว่างรอรถไฟฟ้า
9. ศิษย์เก่าที่จะแวะเวียนมาเยี่ยมอาจารย์ หรือแวะเวียนมาเดินเล่น ก็คงต้องลำบากมากขึ้น
--------------------------------------------------------------

บอกตรง ๆ ว่ารู้สึกเสียใจ ผิดหวังมาก ๆ กับมาตราการนี้...
ในความคิด ม.อ. ยังไม่พร้อมที่จะใช้มาตราการนี้ คงต้องรอให้การจัดการเดินรถไฟฟ้าและมีจำนวนรถที่ให้บริการมีมากพอที่จะรองรับนักศึกษาและบุคคลภายนอกถึงจะใช้ได้
ความในใจอยากจะระบายเยอะมาก ไม่อยากให้ภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยมันเสียไปมากกว่านี้

ปล. ผู้ที่คิดมาตราการนี้ควรมาใช้ชีวิตอย่างนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่ไม่มีรถยนต์บ้างนะครับ อาจจะทำให้เข้าใจการแก้ปัญหาจราจรมากขึ้น
--------------------------------------------------------------

หากความคิดเห็นทำให้ใครก็พอใจก็กราบขออภัยด้วยนะครับ
ความในใจจากลูกพระบิดาคนหนึ่ง
NP

เอาของเค้ามาลงผมเห็นด้วยมากๆครับในส่วนนี้   เพราะการกระทำเช่นนี้ของ มอ. มันทำให้เราๆ รู้สึกว่า
มอ. กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล เพราะการจำกัดไม่ให้เฉพาะรถมอเตอร์ไซต์เข้าในเขตพื้นที่ ผมยังไม่เห็นว่ามันจะแก้อะไรได้แล้วถ้าแก้ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ลำบากมากขึ้น คิดถึงในกรณี พาคนป่วยๆ แก่ ๆมาแต่เราต้องเดินเป็นระยะทางที่เหมือนจะไม่ไกลสำหรับคนแข็งแรง แต่คนอื่น ๆที่ตรงข้ามละครับเขาจะทำยังไง ?

ถ้าใครเห็นด้วยหรือไมยังไง ช่วยกันแสดงความคิดเห็นด้วยครับ ผมอยากให้กระทู้นี้ บ่งบอกอะไรบางอยากให้กับ ผู้บริหารของ มอ. ชุดนี้ด้วยครับ ฝากหน่อยครับ ทุกคนและ แอดมิน ช่วยเป็นกระบอกเสียง เพราะคนส่วนใหญ่เขาเจอปัญหานี้แระลำบากจิง ๆ

ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับความคิดเห็นข้างต้น...

ในฐานะ ศิษย์เก่า มอ. (ถึงจะไมใช่ มอ.หาดใหญ่ก็ตาม) ผมรู้สึกเสียความรู้สึกเป็นอย่างมากกับเรื่องนี้

มอ.กำลังยกระดับสู่มหาวิทยาลัยปิดแห่งแรกของประเทศไทยก็ได้นะครับ เพิ่มการตรวจที่เข้มงวดขึ้นทำให้คนที่ไม่มีธุระจริงๆ ไม่เข้ามาก็เป็นพอแล้วมั้ง

กระแสสังคม น่าสนใจอย่างยิ่ง  แต่ในฐานะคนภายนอก บอกได้ว่า ไม่เข้าท่า  

คนที่รึเริ่มมาตรการนี้คงไม่ใช่เป็นคนที่เติบโตในหาดใหญ่  และคงจะไม่ใช่คนหาดใหญ่

ผมเปิดโรงพิมพ์อยู่ที่คาเฟต ตรงข้ามโรงช้าง (ลึกสุด ๆ) และทุกวันนี้ก็ยังต้องเดินจากหน้ามหาลัยไปคาเฟตไปกลับทุกวัน ลูกค้าข้างนอกจะเข้ามาเอางานที่ร้านก็เข้ามาไม่ได้ นักศึกษาพนักงานหรือผู้ประกอบการที่ต้องการบัตร ต้องจ่ายเงินค่าทำบัตร คงจะได้เงินเยอะเลยนะครับ

เห็นด้วยว่าควรจัดระบบการจราจรในมอ.แต่อันดับแรกทางมอ.ควรมีความพร้อมก่อน การที่มีรถไฟฟ้าไม่กี่คัน และออกทุกๆครึ่งชม.ไม่พอครับ ควรมีจำนวนรถบริการมากกว่านี้ และออกทุกๆ10หรือ15นาที และถ้าต้องการจะจัดการระบบจราจรในมอ.จริงๆ ควรจัดการกับรถเก๋งหรือรถยนต์ด้วย จริงๆแล้วปัญหาจราจรในมอ.เกิดจากรถยนต์มากกว่าจักรยานยนต์ ที่จอดรถยนต์หนึ่งคันสามารถจอดจักรยานยนต์ใด้4-5คัน ในเมื่อไม่ให้รถจักรยานยนต์เข้า หลายๆคนที่ต้องมาธุระในมอ. ก็จำเป็นต้องขับรถยนต์มาแทน ทำให้ที่จอดรถยนต์ที่ไม่คอ่ยจะพออยู่แล้ว ยิ่งหายากเข้าไปอีก อีกอย่างทำให้แทนที่จะประหยัด กลับให้สิ้นเปลืองน้ำมัน

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000068803

น่าจะห้ามรถยนต์ ด้วย

"ขอให้ถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง"

อ้างจาก: pnylink เมื่อ 12:08 น.  08 มิ.ย 56
น่าจะห้ามรถยนต์ ด้วย

"ขอให้ถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง"

  ใช่4ล้อนั่นแหละตัวกินที่