ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บัณฑิต ม.อ.ปี 52 ได้งานลดเงินเดือนเพิ่ม

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 15:43 น. 08 มิ.ย 54

ทีมงานบ้านเรา

บัณฑิต ม.อ.ปี 52 ได้งานลด แต่เงินเดือนเพิ่ม ถ้าไม่รวมแพทย์-ทันตะ...นิติศาสตร์ ยังครองแชมป์เงินเดือนสูงสุด

[attach=1]

กองแผนงาน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ทำการสำรวจภาวะการได้งานทำของบัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2552 และเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อเดือนกันยายน 2553 และ ติดตามต่อเนื่องจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยในภาพรวมจากผู้ตอบแบบสอบถามในทุกระดับการศึกษา จำนวน 6,483 คน มีผู้ได้งานทำแล้ว 4,784 คน หรือ ร้อยละ 81.4 ยังไม่ได้งานทำ 1,093 คน หรือ ร้อยละ 18.6 และมีผู้ศึกษาต่อจำนวน 606 คน

สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีผู้ได้งานทำแล้ว 3,807 คน หรือ ร้อยละ 78.6 ส่วนใหญ่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างเอกชน และร้อยละ 72.6 ทำงานในภาคใต้ ในจำนวนนี้ทำงานในจังหวัดสงขลาถึงร้อยละ 34.7 และจังหวัดนครศรีธรรมราชร้อยละ 9.8 ส่วนบัณฑิตที่ยังไม่ได้งานทำมีจำนวน 1,038 คน หรือ ร้อยละ 21.4 และมีผู้ศึกษาต่อจำนวน 568 คน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาหากไม่นับผู้ศึกษาต่อแล้ว บัณฑิตได้งานทำลดลงร้อยละ 2.7 โดยมี 4 คณะที่บัณฑิตมีอัตราการได้งานทำเพิ่มขึ้น คือ คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ที่วิทยาเขตภูเก็ต คณะนิติศาสตร์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่วิทยาเขตหาดใหญ่ ส่วนบัณฑิตคณะแพทยศาสตร์ และ ทันตแพทยศาสตร์ ได้งานทำทุกคน

อย่างไรก็ตาม แม้ในภาพรวมบัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในปีการศึกษา 2552 ได้งานทำลดลงเล็กน้อย คือ ร้อยละ 2.7 แต่บัณฑิตที่ได้งานทำแล้วส่วนใหญ่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น เงินเดือนเฉลี่ยที่ได้รับคือ 13,291 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1,177 บาท โดยหากไม่รวมคณะแพทยศาสตร์ และ ทันตแพทยศาสตร์ซึ่งมีเงินเดือนสูงกว่าคณะอื่นๆ แล้ว บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ ยังคงได้รับเงินเดือนเฉลี่ยสูงกว่าคณะอื่นๆ คือ 29,345 บาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 6,264 บาท นอกจากนั้นบัณฑิตที่ได้งานทำในหลายคณะยังมีเงินเดือนเฉลี่ยที่สูงขึ้นเป็น ส่วนใหญ่

องค์ประกอบใหญ่ๆ ที่บัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เห็นว่ามีส่วนอย่างมากในการทำให้ได้งานมี 2 ส่วน คือ ส่วนของการนำความรู้ทางวิชาการไปประยุกต์ใช้ ซึ่งมี 3 คณะที่บัณฑิตสามารถนำไปใช้ในระดับมากที่สุดคือ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และ ทันตแพทยศาสตร์ และ ส่วนของการใช้ความรู้ความสามารถพิเศษ ซึ่งแบ่งเป็น การใช้คอมพิวเตอร์ ได้แก่คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และ การใช้ภาษาต่างประเทศ ซึ่งได้แก่คณะการบริการและการท่องเที่ยว คณะศิลปศาสตร์ และคณะวิเทศศึกษา

อย่างไรก็ตาม ความรู้ด้านภาษาเช่น ภาษาอังกฤษ และ ภาษาที่สาม ยังเป็นคุณสมบัติที่บัณฑิตส่วนใหญ่ประเมินตนเองว่ามีความรู้ในระดับปานกลาง ถึงระดับน้อย และประเมินว่า สิ่งที่นายจ้างต้องการ 3 อันดับแรก คือ ต้องการความมีมนุษยสัมพันธ์ ความรู้ทางวิชาการในสาขาที่เรียน และ ทักษะการวิเคราะห์และแก้ปัญหา ส่วนทักษะคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างต้องการมาเป็นระยะเวลาหลาย ปีที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่ใน 1 ใน 3 อันดับแรกของคุณสมบัติที่นายจ้างต้องการในปีนี้

สิ่งที่น่าสังเกตคือ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งแม้อัตราการได้งานทำจะค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับคณะอื่นๆ แต่เมื่อสอบถามความพึงพอใจแล้ว บัณฑิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ มีความพึงพอใจต่อการศึกษาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มากเป็นอันดับสูงสุดเหนือคณะอื่นในทุกด้าน เช่น ด้านวิธีการสอน ด้านหลักสูตร สาขาวิชา ด้านการให้บริการของหน่วยงานสนับสนุน ด้านคณาจารย์ผู้สอน และ ด้านห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ

กรรมการสภามหาวิทยาลัย หลายท่านให้ข้อสังเกตว่า สาขาที่เกี่ยวข้องกับด้านศิลปะ เป็นสิ่งที่ผู้ที่มีความรักทางด้านนี้มีความสุขเมื่อได้เรียน และพอใจที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมในสิ่งที่ตนเองรัก ซึ่งเคยมีการวิจัยว่าศิลปะ และ การดนตรี มีผลทำให้การเรียนรู้ในส่วนอื่นๆ ดีขึ้นด้วย ซึ่งมหาวิทยาลัยควรให้ความสนใจเรื่องนี้ แทนที่จะเน้นการให้แต่ด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว เพราะกระบวนการเรียนรู้ที่ดีต้องมีส่วนอื่นๆ อีกหลายส่วนมาเป็นองค์ประกอบ

กรรมการสภามหาวิทยาลัย ยังให้ความเห็นว่า การเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในส่วนภูมิภาค การพักร่วมกัน และไม่ต้องเสียเวลามากกับการเดินทาง ทำให้นักศึกษามีการเรียนรู้ทักษะชีวิตที่นอกเหนือจากการเรียนตามตารางเรียน โดยปกติผู้อยู่ในวัยเรียนจะมีเวลาสำหรับในห้องเรียน เพียงร้อยละ 15 ของเวลาทั้งหมด จึงควรจะมีการให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม สำหรับเวลา ร้อยละ 85 ที่ยังเหลืออยู่

การมุ่งเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย ทำให้ในตลาดแรงงานมีแต่ผู้ที่เข้าใจว่าตนเองต้องทำหน้าที่ "แม่ทัพ" อย่างเดียว ไม่ต้องลงสู่การลงมือปฏิบัติ ในขณะที่จุดอ่อนของคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่คือ ทำงานไม่เป็น ไม่อดทน และไม่รับผิดชอบ ในอนาคต ภาคการผลิตจะมีการขาดแคลนแรงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับปฏิบัติ การ ซึ่งต้องเปลี่ยนค่านิยมการศึกษาต่อของนักเรียนหลังสำเร็จการศึกษามัธยมปลาย ให้เข้าสู่การศึกษาด้านวิชาชีพในเชิงปฏิบัติการมากขึ้น ส่วนบัณฑิตที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ต้องเปลี่ยนทัศนคติการทำงานให้สามารถร่วมทำงานระดับปฏิบัติการได้ โดยเป็น "มดงานระดับสูง" เพื่อสนองความต้องการของภาคการผลิต

การไม่ได้งานทำของบัณฑิตบางคน ไม่ได้หมายความว่าบัณฑิตไม่มีคุณภาพ แต่บางสาขาวิชาผู้จ้างงานสามารถมีทางเลือกในการนำบัณฑิตสาขาอื่นมาทำงานใน ตำแหน่งนั้นๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรับจากสาขาใดโดยเฉพาะ แต่ข้อได้เปรียบของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คือการใกล้ชิดกับประเทศประชาคมอาเซียน ดังนั้น บัณฑิตซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ทำงานในภาคใต้ หากมีความรู้ภาษาประเทศเพื่อนบ้าน จะมีโอกาสดีสำหรับการเข้าสู่ตลาดแรงงานของประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

yamaha_denon

ทำไมได้เงินเดือนกันเยอะๆจัง สมัยที่ผมจบปี 43 ได้เงินเดือนคนละ 9,000 ก็ฮือฮากันแล้ว สำหรับคุณะ อก.  แต่นี่คณะนิติศาสตร์ได้เงินเดือนเฉลี่ยเกือบ 3 หมื่นเลยเหรอครับ มากกว่าหมอ มากกว่าเภสัชอีก อุ๊แม่เจ้า

คนทั่วไป

อ้างจาก: yamaha_denon เมื่อ 09:43 น.  14 มิ.ย 54
ทำไมได้เงินเดือนกันเยอะๆจัง สมัยที่ผมจบปี 43 ได้เงินเดือนคนละ 9,000 ก็ฮือฮากันแล้ว สำหรับคุณะ อก.  แต่นี่คณะนิติศาสตร์ได้เงินเดือนเฉลี่ยเกือบ 3 หมื่นเลยเหรอครับ มากกว่าหมอ มากกว่าเภสัชอีก อุ๊แม่เจ้า

ตอนปี 43 ทองคำราคาเท่าไรครับผม ? ถ้าตอนนี้ยังได้เท่าเดิมอยู่คงอยู่ไม่ได้แน่ครับ