กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

 
       เมื่อวันที่9 กค.เวลาประมาณ14.00น.ญาติผมได้เปิดร้านขายข้าวแกงเล็กริมถนนหน้าบ้านตรงถนนนิพัทธิ์สงเคราะห์4เยื้องๆประตูวัดเกาะเสือ โดยหน้าบ้านทำหลังคามุงจากให้ลูกค้าเข้าไปนั่งใช้บริการ3-4โต๊ะเพราะลักษณะบ้านเป็นทาวน์เฮ้าส์ครับมีกำไรจากการขายได้วันละ2-300บาท
       ปรากฏว่าช่วงเวลาดังกล่าวระหว่างนั่งรอเพื่อเตรียมเก็บร้าน  ญาติผมได้นั่งเล่นโนตบุคของลูกสาวยุในบ้านตรงโต๊ะที่สำหรับลูกค้านั่งเพราะช่วงเวลานั้นไม่มีลูกค้าแล้ว ปากฎว่าจู่มีชาย2คน ขับรถมอไซค์ฮอนด้าเวฟ100สีแดงไม่ติดแผ่นป้าย จอดห่างจากร้านไปประมาณ20เมตร โดยคนขับ นั่งติดเครื่องรออยู่บนรถ คนนั่งท้ายเดินลงมาที่ตู้ขายข้าวหน้าบ้านทำทีดูกับข้าวแล้วสั่งข้าว พอญาติผมจะลุกขึ้นมาตักให้มันสวมบทคนร้ายทันที เดินเข้าประชิดตัวชักมีดพกออดมาแล้วถีบญาติผมกระเด็นไปนอนกองที่พื้นในอาการจุกแล้วนิ้วมือโดนมีดของคนร้ายบาด จากนั้นคนร้ายถอดสายชาร์ทโนตบุคออกแล้วรีบอุ้มโนตบุค วิ่งขึ้นรถที่จอดรออยู่มุ่งหน้าไปทางแยกโรงปูน
       ท่าน้ชื่อมั้ยครับ หลานสาวเจ้าของโนตบุค เรียนอยู่ชั้นป.5โรงเรียนกอบกาญจน์ พอรู้ว่าโนตบุคของเค้าโดนคนร้ายจี้เอาไปแล้ว ร้องแทบขาดใจ เพราะผมเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญเนื่องจากหลานสอบได้คะแนนอันดับ1
      หลังจากนั้นหลังจากที่ญาติหายจุก หายตกใจโทรหาผม ผมแนะนำให้แจ้ง191เบื้องต้นก่อน ใช้เวลาไม่นานสายตรวจมาที่เกิดเหตุ และแนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.หาดใหญ่ ปรากฏว่าใช้เวลานาที่สภ.หาดใหญ่ แค่ลงประจำวัน ร้อยเวรถามแค่คำเดียวว่าบ้านอยู่แถวไหน แค่นั้นจริงๆครับ ทั้งที่ญาติผมจำหน้าคนร้ายได้ชัดเจน ทางเจ้าของคดีไม่พาไปดูหน้าตา ประวัติคนร้ายเลย เพราะพวกนี้เป็นอาชญากรซ้ำซากโดยสันดาน เข้าออกคุกตารางมีประวัติในโรงพัก


       จึงขอเตือนภัยมายังท่านทั้งหลายว่าลักษณะพฤติกรรมคนร้ายเป็นแบบนี้ ถ้าเราต่อสู้อาจสูญเสียถึงชีวิต

     รูปพรรณคนร้าย คนขับชายผิวดำ สูงประมาณ165-170ซม.ใส่แจ็กเก็ตดำ ไม่สวมหมวกกันน้อค นั่งรออยู่บนรถ
    คนก่อเหตุ มีอาวุธมีด ใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนส์ สวมหมวกแก็ปสีดำพรางหน้า
   ทรัพย์ที่ได้ไป เป็นโนตบุค ยี่ห้ออาซุส คอร์ i3 แบตเริ่มเสื่อม สังเกตุ คีบอร์ด ติดสติกเกอร์ ไทย-อังกฤษ ไม่มีสายชารทเพราะคนร้ายเอาไม่ทัน

         สรุป ไม่มีที่พึ่งครับ เราช่วยกันดูแลตัวเองและช่วยกันเตือนภัยครับ เพราะมันไม่หยุดแค่นี้มันต้องตระเวนทำกับเหยื่อรายอื่นอีกครับ



     

.

....บ้านนี้ เมืองนี้ อยู่ไปตามดวงครับ ....

   มันเป้นเรื่องโชคร้ายที่ใครโดนแบบนี้ ยิ่งซ้ำหนักคือเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์มาซ้ำเติมโดยที่ไม่ทำอะไรเลยนี่สิ
ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกันครับดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร แต่ไอ้พวกนี้มันน่าโดนจริง ๆ 

    อ่านเรื่องนี้แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ ขอเล่าให้ฟังละกันครับก็ได้ยินคนแถวนั้นเขาคุยกันมาก็เลยอยากฝากบอก
ต่ออีกทีละกันจะได้ระวังกันไว้ด้วย

    สักประมาณเมื่อสักปลายเดือนที่แล้วนะครับ บริเวณ ถ.แสงจันทร์ แถวปากทางเ้ข้า พิ้งค์เลดี้ ใกล้ร้าน
ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็มีเหตุลักษณะแบบนี้เหมือนกัน ช่วงประมาณ 17.00 น. (น่าจะประมาณนี้หรือเย็นกว่านี้นิด)
มีร้านขายพวกเทียนหอมน่าจะเป็น ญ. อยู่ร้านคนเดียว โดนคนร้ายเข้าไปจี้เอาเงินไป เจ้าของก็ไม่กล้าทำไร
คนร้ายก็เอาไปโดยง่ายรู้สึกว่าจะมีมีดมาด้วย ไม่รู้ว่าใข่คนเดียวกันหรือเปล่า นี่กลางเมืองแถมเป็นเวลาที่รถก็
วิ่งกันมากมันยังกล้าเลย ก็อยากจะเตือนใครอีกหลายคนระวังไว้หน่อยก็ดีครับ จะพึ่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คง
ยาก ช่วยเหลือตัวเองกันก่อนดีที่สุด 

โจรเดี๋ยวนี้ เห็นว่า ตร. ไม่ค่อยสนใจคดีลักเล็กขโมยน้อยแบบนี้ไงครับ
มันเลยกล้าทำโจ่งแจ้งกว่าเดิม ไม่สนใคร

ไม่กี่วันก่อน เห็นข่าว เจ้าของเซเว่นแถวคอหงส์ ที่โดนปล้น และหลานโดนลวนลาม
ไปแจ้งความกับ ตร. ไว้ เป็นเดือน ไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่กล้องวงจรปิดมีภาพชัดเจน
จนทนไม่ไหว ต้องไปขอสื่อให้ช่วยแทน ตร. ถึงตาลีตาเหลือกออกมาทำงาน

ชาวบ้านตาสี ตาสา อย่าหวังว่าเค้าจะสนใจ
ต้องโวยจนเป็นข่าวนู่นแหละ ถึงจะเหลียวมา

ป้องกันตัวเองเท่าที่จะทำได้ไว้ก่อนครับ บ้านเมืองนี้ 

โจรไม่กลัวตำรวจ เพราะตำรวจมันก็โจรในเครื่องแบบ ไปเรียกร้อง ไปร้องเรียนก็เสียเวลาเปล่า ส่วนมากมักแค่ลงบันทึก แล้วก็อ้างว่าตำรวจงานเยอะ  เยอะกะผีสิ ส่วยเอย รีดไถเอย แบบนี้ปล่อยให้มีแทบจะเกลื่อนเมือง ตำรวจดีๆก็โดนหางเลขไปด้วยไง

เพราะตำรวจไม่เอาจริงตอนกลางคืน ตอนนี้โจรมันก็ลูบปากสิครับ กลางวันตำรวจก็หมดท่าซะเอง

รู้ไหม ทำไมตำรวจไม่ไปจับโจร ก็เพราะตำรวจขยันตั้งด่านดักจับ รีดไถ ยัดข้อหาคนบริสุทธิ์ไงครับ

กลางเมือง กลางชุมชน แถมกลางวันแสกๆ ยังไม่ปลอดภัย คงต้องดูแลตัวเองกันให้ดีละครับ สงสัยต้องถิอคติ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

ข่าวนี้ทำให้ผมยิ่งไม่ศรัทธาตำรวจเข้าไปใหญ่

และฝากเตือนผู้ใช้ไอทีทุกท่าน ให้ตั้งรหัสผ่าน ไว้จะดีที่สุด

เป็นความโชคร้ายที่ระบบในการทำงานของตำรวจไทยเป็นเช่นนี้ เกิดเหตุผู้เสียหายไปแจ้งความ แทนที่ตำรวจจะทำตัวให้เป็นที่พึ่งของผู้เสียหาย กลับทำตัวปล่อยวางอย่างกะนักบวช หน้าที่ในการติดตามคนร้ายเป็นของใคร ถ้าผู้เสียหายในหลายๆคดีต้องติดตามคนร้ายเพื่อมาดำเนินคดีเองแล้ว ทำไมไม่เอาเงินเดือนไปคืนให้แก่ผู้เสียหายซะละครับ

ทำใจเถอะ