กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 สิงหาคม 2556 05:38 น.    
   

สะเก็ดไฟ
       
       หลายคนมักตั้งคำถามว่าทำไม "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" เจ้าของวาทะอันลือลั่นสนั่นเมือง "เผาเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" จึงตีนเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกในการเกาะเก้าอี้อำมาตย์เป็นเสนาบดีมาตั้งแต่รัฐบาลปู 1 มาจนถึงปู 5
       
       ในสองหัวโขนคือ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และล่าสุดกับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ทั้ง ๆ ที่ติดคดี "ผู้ก่อการร้าย" เป็นอันดับที่ 4 ส่วนอันดับหนึ่งต้องยกให้ตัวพ่อที่มีพลังอำนาจในการทำลายล้างสูงสุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมาคือ นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร
       
       ความก้าวหน้าในตำแหน่งทางการเมืองของ "ณัฐวุฒิ" เจ้าตัวเคยยอมรับกลางสภาระหว่างการพิจารณารายงานกรรมาธิการปรองดองฯที่มี พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน เป็นประธาน โดยเผลอหลุดออกมาสรุปความได้ว่า
       
       ถ้าไม่มีการรัฐประหารเขาก็คงไม่ได้เป็นแกนนำ และคงไม่มีโอกาสเหยียบซากศพไพร่แดงขึ้นมาเป็นอำมาตย์ ที่จัดงานเลี้ยงใหญ่โตในขณะที่ไพร่แดงจำนวนมากยังหาเช้ากินค่ำ หรือยากลำบากข้าวสารไม่พอจะกรอกหม้อเหมือนเดิม
       
       แต่สำหรับณัฐวุฒิเส้นทางของเขาพลิกผันจากแค่ "เด็กเดินซีดี" มาเป็น "รมช.พาณิชย์" ควบคุมดูแล กรมทรัพย์สินทางปัญญา
       
       ใครจะเชื่อว่าชะตาชีวิต ณัฐวุฒิ จะพลิกผัน จากจำเลยที่ 1 ถูก บริษัท ดรีม เรคคอร์ด จำกัด ฟ้องในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ "ดนตรีกรรม" ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท มีการไกล่เกลี่ยให้ทยอยจ่ายให้กับผู้ที่เป็นโจทก์
       
       แต่สุดท้าย "ณัฐวุฒิ" ก็ยังคงเป็นคนที่มีปัญหา มิได้มีการผ่อนจ่ายค่าเสียหายตามที่มีการไกล่เกลี่ยจนครบจำนวนแต่อย่างใด
       
       ที่สำคัญคดีฟ้องร้องที่นายณัฐวุฒิ เป็นจำเลยนั้นมิได้มีเพียงแค่คดีนี้คดีเดียวแต่มีถึง 4 คดีด้วยกัน ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีบันทึกเป็นหลักฐานอยู่ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้วก่อนที่นรกจะช่วยซาตานจะพาให้ได้รับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ควบคุมกรมทรัพย์สินทางปัญญานั้น เคยเป็นจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาถึง 4 คดีเมื่อปี 2548 ก่อนที่จะมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ประมาณปีเดียว
       
       จากคนที่กระเป๋าแฟบแม้แต่เงินจะจ่ายค่าชดเชยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามแสนบาทยังไร้ปัญญา มาวันนี้ ณัฐวุฒิ อู้ฟู่ แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ไว้ว่า
       
       มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 15,126,415 บาท
       
       โดยตัวนายณัฐวุฒิเองมีทรัพย์สินจำนวน 14,896,105 บาท ส่วนภรรยาคือ นางสิริสกุล ใสยเกื้อ มีทรัพย์สิน 5,754,746 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน จำนวน 1,213,606 บาท
       
       แหม ! มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินตั้ง 15 ล้านกว่า ไม่่คิดไปใช้หนี้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาคนอื่นเขาบ้างหรือ ท่านรัฐมนตรีที่ดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา
       
       ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ไปทำมาหากินอะไรจึงได้ร่ำรวยรวดเร็วขนาดนี้ เพราะแค่เงินสามแสนยังไม่มีจ่ายในปี 2548 แต่พอมีการรัฐประหารที่ด่ากันนักด่ากันหนาว่าทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่กลับกลายเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ทำให้ชีวิตของ ณัฐวุฒิ พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะทรัพย์สิน
       
       โดยก่อนเป็นรัฐมนตรี ธุรกิจที่ ณัฐวุฒิ เข้าไปเริ่มต้นคือ เป็นกรรมการบริษัทด้านสื่อล้างสมองคนเสื้อแดง 2 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด ที่ตั้งอยู่ในแหล่งซ่องสุมกำลังแดงอาคารพิมพีเรียล ลาดพร้าว และ บริษัท พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน ตั้งอยู่ที่ 95/56 หมู่ 8 ซอยลาดพร้าว 7 ถนนนาคนิวาส
       
       ก่อนเป็นรัฐมนตรี ปี 2550 ณัฐวุฒิ เคยนั่งเป็นกรรมการ 2 บริษัท บริษัทแรกคือ บริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด ตั้งอยู่บนอาคารอิมพีเรียล ลาดพร้าว ปี 2550อีกแห่งคือ บริษัท พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน ตั้งอยู่ที่ 95/56 หมู่8 ซอยลาดพร้าว 7 ถนนนาคนิวาส
       
       รายได้ประจำของ แกนนำแดง มาจาก 3 แหล่งนั่นคือ เงินเดือน 864,720 บาท เงินประจำตำแหน่ง 498,000 บาทและเงินเดือน/เงินประจำตำแหน่ง ส.ส. อีก 1.3 ล้านบาท สรุปแล้วมีรายได้ ปีละ 2.7 ล้านบาท
       
       รวมทรัพย์สินเบ็ดเสร็จ มี ที่ดินมูลค่า 8.5 ล้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.5 ล้าน ยานพาหนะ 4 คัน แพงสุดคือ 3 ล้าน ป้ายแดงคันใหม่ 2.2 ล้านบาท รวมแล้วมูลค่า เฉียด 6 ล้านบาท รถยนต์เกือบทั้งหมด ได้มาในช่วงปี 2553-2554 และยังมีปืนขนาด .380 ราคา 1 แสน ที่ซื้อมาในช่วง ก.พ.2552
       
       เป็น "ไพร่" ที่อยู่อาศัยในบ้านราคา 1.5 ล้าน ถือครองที่ดิน 6 แปลง แพงสุดคือ ที่ดิน ต.ท่าทราย เมืองนนทบุรี 274 ตารางวา มูลค่า 7.5 ล้าน อีก 5 แปลง อยู่ที่ ตำบล สิชล ตำบล ทุ่งใส อ.สิชล นครศรีธรรมราช 4 แปลง และที่ดินที่อ.ไชยา สุราษฎร์ธานี อีก 17 ไร่ มูลค่า 8 แสนบาท มีหนี้สินเงินกู้ 7 ล้าน ส่วนสิริกุล ภรรยา มีเงินกู้อีก 477,246 บาท
       
       เท่ากับอำมาตย์เต้นกับเมียมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 16 ล้านบาท
       ล่าสุดในการเปิดเผยทรัพย์สินและหนี้สินของ อำมาตย์เต้น หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2555 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ารวบอู้ฟู่ 24.5 ล้านบาท
       
       ส่วน "ช้างน้อย-ตราตรึง" ลูกสองคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีเงินในบัญชี 2.4 ล้าน อยู่บ้านหรูพร้อมที่ดิน 9 ล้าน รถยนต์ 3 คัน จากราคา 7 แสน 3 ปีต่อมาถอยรถ 3 ล้าน คันล่าสุดยี่ห้อเลกซัส 2.2 ล้าน ที่ดิน 5 แปลง
       
       มีเงินร่ำรวยแล้ว ก็อย่าคิดไปละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาชาวบ้านชาวช่องเขาอีกล่ะ อายเขา เพราะเพิ่งปล่อยไก่อัพคลิป "โชว์สวย" อุตส่าห์มาร้องและเต้นห่วย ๆ ให้คนเข้าไปกดอันไลค์ได้ตั้งหลายหมื่น ก่อนจะรีบลบแทบไม่ทันเมื่อเขาจับได้ไล่ทันว่า ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่คุยนักคุยหน้าว่าแต่งเพลงเองเล่นมิวสิคเองโดยไม่ใช้แสตนอิน ดันไปก็อปเอาทำนองเพลง BLACK SUPERMAN ของ Johnny Wakelin จนรีบลบออกจากยูทูปเพียงชั่วข้ามคืน
       
       จาก "โชว์สวย" ก็เลยกลายเป็น "โชว์โง่" และหวังว่าจะไม่มีการ "โชว์ละเมิดลิขสิทธิ์" ซ้ำซากอีกนะ ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา

  ดูสิจะไปได้แค่ไหน....

เมื่อไหร่คนสั่งเผาจะได้รับโทษซะที มีแต่ประเทศนี้แหละที่อาชญากรได้เป็น รมต.