กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ สว.สงขลา ประธานกรรมาธิการวิสามัญยางพาราของวุฒิสภา ได้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวเสนอ 6 แนวทางที่จะเสนอต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำ แนะงดเก็บค่าธรรมเนียมส่งยางออก เร่งแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่า และยังได้ประณามผู้ก่อเหตุยิงม๊อบสวนยางด้วย โดยมีเนื่อหาสาระ ดังนี้

[attach=1]

นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญยางพาราของวุฒิสภา ได้ร่วมกับ พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฏร์ ดร.วรวิทย์ บารู ส.ว.ปัตตานี และ อ.สุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล กรรมาธิการ ออกแถลงการณ์และส่งจดหมายเปิดผนึกให้นายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาวิกฤติยางพาราโดยด่วน 6 ข้อ คือ

1.รัฐจะกำหนดราคาประกันหรือพยุงหรือแทรกแซงราคายางพารา ขอให้พิจารณาถึงต้นทุนการผลิตที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ก.เกษตร กำหนดไว้ เป็นฐาน บวกเพิ่มกำไรที่มำให้ชาวสวนยางสามารถอยู่ได้ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากในปัจจุบัน

2.รัฐควรงดเก็บเงินค่าธรรมเนียมส่งยางออก (cess) ชั่วคราว เพื่อให้ชาวสวนยางได้รับเงินจากการขายยางเพิ่มขึ้น จนกว่าราคายาง จะกระเตื้องขึ้นตามกลไกการตลาด

3. กำหนดเป็นนโยบายและเร่งรัดให้มีการนำยางพาราไปผสมกับยางมะตอยทำถนนและการขนส่งระบบราง (สามารถใช้ยางผสมได้ 15% และการทำถนน 1 กม.จะใช้ยางได้ 3-4 ตัน ซึ่งจะช่วยให้ความต้องการใช้ยางเพิ่มสูงขึ้นมาก (กรรมาธิการเคยเสนอ เรื่องนี้ต่อนายกเมื่อ 26 เม.ย. 56)

4. การรักษาเสถียรภาพราคายางพารา หากรัฐบาลจะทำเพิ่มเติม ควรให้สถาบันเกษตรกรที่เกี่ยวกับยางพาราเป็นผู้ดำเนินการ โดยรัฐบาลให้สินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรไปรับซื้อยางมาแปรรูป แล้วเก็บสต๊อกไว้เองเพื่อรอจำหน่าย เมื่อยางมีราคาสูงขั้น โดยที่รัฐบาลควรเตรียมงประมาณสำรองไว้ให้พร้อม ไม่ใช่รัฐบาลเข้าไปซื้อยางเองในราคาไม่สูง แล้วเก็บสต๊อกไว้เองดังที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต สต๊อกยางล้น ยางเสื่อมคุณภาพ และเกิดผลกระทบต่อกลไกตลาดปกติได้

5. การแก้ไขการชุมนุมของชาวสวนยางพาราในทุกพื้นที่และทุกระดับ ให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยการเจรจาเป็นหลัก หลีกเลี่ยงการใช้กำลังเข้าปราบปรามหรือสลายการชุมนุม หรือดำเนินการอื่นใดที่อาจเกิดอันตรายแก่ผู้ชุมนุม หรือทำให้ผู้ชุมนุมเกิดการเผชิญหน้า หรือเกิดการทุะเลาะกันเอง อันจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม ทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศได้

6. รัฐบาลควรรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะการแก้ปัญหาจากรัฐสภา เพราะสมาชิกรัฐสภาเป็นตัวแทนของประชาชน มีความใกล้ชิดและความเข้า ใจปัญหาของประชาชนโดยเฉพาะ เกษตรกรได้ดี

นอกจากนี้กรรมาธิการได้เสนอการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว โดยให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจากยางพารา ทั้งในส่วนที่เป็นเนื้อยางและไม่ใช่เนื้อยาง (non-rubber) เพื่อเพิ่มมูลค่าสำหรับการใช้ในประเทศและการส่งออก ซึ่งในส่วนที่ไม่ใช่เนื้อยางนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโปรตีนหรือซีรั่ม เป็นเวชสำอางค์หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าจากน้ำยางได้อย่างมหาศาล แต่รัฐบาลต้องส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนกระบวนทรรศน์การพัฒนายางที่เน้นการใช้แรงงานในการผลิตทั้งระดับต้นนำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาเป็นการใช้ปัญญาเพื่อ เพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น

เรื่องยางพาราที่กรรมาธิการของวุฒิสภาได้ศึกษาติดตามยังมีอีกหลายประเด็นครับผมจะทยอยเล่าสู่กันฟังเพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม ในโอกาสต่อไป ช่วง 2-3 วันนี้ผมมี ภาระที่จะต้องเตรียมข้อมูลอภิปรายงบประมาณการศึกษา ซึ่งผมเป็น ประธานกรรมาธิการอยู่ และกำหนดจะ เข้าพิจารณาในวุฒิสภา ในวันที่ 2 กันยานี้ครับ ช่วงนี้อย่างไรเสียก็ช่วยส่งกำลังใจไปให้พี่น้องชาวสวนยาง ที่กำลังชุมนุมอยู่ที่ชะอวด และที่กำลังจะก่อตัวชุมนุมกันทั่วประเทศ ให้ได้อยู่รอดปลอดภัยจากการถูกอำนาจรัฐที่อาจใช้ความรุนแรงมากลั่นแกล้ง หรือบีบบังคับให้ได้รับความเดือดร้อน เพิ่มขึ้นจากความเดือดร้อนที่พี่น้อง เกษตรกรได้รับ เนื่องจากราคายาง ได้ปรับตัวตำลง ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วนะครับ

นอกจากนี้ อ.ประเสริฐ ยังได้โพสเพิ่มเติมถึงกรณีการยิงม๊อบยางพาราบาดเจ็บ 1 เสียชีวิต 1 ราย " ขอเชิญร่วมกันกด like และ share ข้อความ เพื่อประณามและแสดงความ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ ปัญหายางพาราราคาตกตำ และเพื่อ ไว้อาลัยแก่คุณศิริชัย นักสู้ผู้มียาง พาราอยู่ในสายเลือด แต้ต้องด่วนจากไปด้วยน้ำมือของผู้ชอบถือความรุนแรงเป็นที่ตั้ง โดยที่ยังไม่มีโอกาส ได้รู้ว่า ชาวสวนยางพาราจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้หรือไม่"

นอกจากนี้กรรมาธิการได้เสนอการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว โดยให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจากยางพารา ทั้งในส่วนที่เป็นเนื้อยางและไม่ใช่เนื้อยาง (non-rubber) เพื่อเพิ่มมูลค่าสำหรับการใช้ในประเทศและการส่งออก ซึ่งในส่วนที่ไม่ใช่เนื้อยางนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโปรตีนหรือซีรั่ม เป็นเวชสำอางค์หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าจากน้ำยางได้อย่างมหาศาล แต่รัฐบาลต้องส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนกระบวนทรรศน์การพัฒนายางที่เน้นการใช้แรงงานในการผลิตทั้งระดับต้นนำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาเป็นการใช้ปัญญาเพื่อ เพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น

ผมว่านี่คือ key point ของการพัฒนาการใช้ยางอย่างแท้จริง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาในระดับที่ชาวสวนพอใจและอยู่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีนโยบายส่งเสริม เพื่อจูงใจการลงทุนภาคอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยาง เช่น ยางรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือ ถุงยางอนามัย สายพาน ฯลฯ ซึ่งหากสามารถเปลี่ยนยางดิบ เช่น ยางแผ่น  ยางแท่ง น้ำยางข้น เป็นผลิตภัณฑ์จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล