ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ปิดฉาก ! กล้อง "ราคาถูก" ติดลบ 40% "ขาใหญ่" เบนเข็มแตกพรีเมี่ยม

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 14:45 น. 19 ก.ย 56

ทีมงานประชาสัมพันธ์

ที่มาประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 18 ก.ย. 2556
คอลัมน์ จับกระแสตลาด

แนวโน้มของตลาดกล้องดิจิทัลติดลบมาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มกล้องคอมแพคที่เป็นฐานใหญ่กว่า 80-90% ของตลาดนั้นเป็นตัวฉุดหลักที่ทำให้ตลาดติดลบ 40% ประเมินว่าจาก 1.2 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมาอาจเหลือเพียง 7 แสนเครื่องในปีนี้

และเป็นไปตามคาด จากกระแสการโตแบบก้าวกระโดดของโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชั่นติดกล้องในราคาคุ้มค่าและง่ายต่อการเข้าถึงของลูกค้าในระดับทั่วไปนั้น จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามากินตลาดกล้องดิจิทัลในระดับราคา 2,000 บาท ให้หายเกลี้ยงจากตลาดภายในเร็ววัน

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางตลาดรวมที่ทรงและทรุดตัวนั้น เซ็กเมนต์ราคาในระดับพรีเมี่ยมของกล้องคอมแพคที่บรรดาผู้ประกอบการแบรนด์กล้องเตรียมส่งเข้ามากอบกู้สถานการณ์และดันยอดขายในช่วงปลายปีที่เป็นหน้าขายสำคัญ เฉกเช่นเดียวกับกล้องมิลเลอร์เลสที่เป็นดาวเด่น

ที่ลอนช์เข้าตลาดก่อนใครด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด อาทิ แคนนอนเปิดตัวรุ่น EOS 70D, โอลิมปัส, โซนี่ รุ่น RX1R และพานาโซนิค Lumix DMC GX7 ที่เข้ามาเป็นไฮไลต์เขย่าตลาดและดึงกำลังซื้อปลายปี ขณะที่ค่ายนิคอนแม้ยังไม่เปิดตัวสินค้าใหม่ แต่ได้ส่งแคมเปญสร้างสีสันด้วยโปรโมชั่น "ตะลุยฮอกไกโดกับนิคอน" เป็นครั้งแรกเมื่อซื้อสินค้านิคอน 8,000 บาทขึ้นไป ลุ้นรางวัลทริปท่องเที่ยวถ่ายภาพ "อันซีนฮอกไกโด" พร้อมร่วมเก็บภาพประทับใจกับ "วรฤทธิ์ อนันต์สรรักษ์" ช่างภาพชื่อดัง หรือร่วมลุ้นของรางวัลพิเศษ มูลค่า 2.5 ล้านบาท

"โทชิฮิโร มาจิมะ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพว่า การเติบโตของตลาดกล้องคอมแพคปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน คือปี 2555 เติบโตลดลง 5-10% และปีนี้เติบโตลดลงอีก 20% และเป็นภาพเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

และในเมืองไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงเดือนพฤษภาคมนี้ ตลาดกล้องคอมแพคติดลบไปกว่า 40% ส่งผลให้ภาพรวมตลาดกล้องเติบโตลดลง 42% และที่เป็นความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตามอง คือกล้องคอมแพคที่อยู่ในระดับราคา 1,500-2,000 บาทได้รับผลกระทบอย่างมาก และคาดว่าจะหายไปจากตลาดในเร็ววันนี้ ซึ่งเป็นแนวโน้มเหมือนกันทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย และเป็นผลสืบเนื่องจากการขยายตัวอย่างร้อนแรงของสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตาม เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปจากกล้องคอมแพค พานาโซนิคเดินหน้าเปิดตลาดกล้องในระดับราคาพรีเมี่ยมเข้ามาเสริมทัพมากขึ้น ทั้งในส่วนของกล้องคอมแพคและกล้องมิลเลอร์เลสที่มีความต้องการในตลาดสูง บวกกับท้ายปีเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดกล้อง

ด้วยจุดขายคอมแพคพรีเมี่ยมเน้นความสะดวก-พกพาง่าย และพัฒนาฟังก์ชั่นที่แตกต่างและเหนือกว่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในระดับราคา 1.5 หมื่นบาทขึ้นไป เช่นเดียวกับกล้องมิลเลอร์เลสที่เตรียมวางเข้าตลาดในเดือนตุลาคมนี้ พานาโซนิคได้เปิดกลยุทธ์ Per-Sale เพื่อวัดกระแสตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนกันยายน ตามเทรนด์ของกล้องมิลเลอร์เลสที่เติบโตต่อเนื่องทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยช่วงมกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมีการเติบโตถึง 24% สวนทางคอมแพคที่ติดลบ 40%

ซึ่งพานาโซนิควางเป้าหมายภายใน 3-5 ปี นับจากนี้จะมีส่วนแบ่งในตลาด 25% รองจากโอลิมปัสและโซนี่ ตามเป้าหมายบริษัทแม่ที่กำหนดส่วนแบ่งตลาดกล้องดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย 25%

"ชินโช อิเคดะ" กรรมการและผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพ บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพว่า ไม่เพียงกล้องคอมแพคที่ติดลบ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กล้องดีเอสแอลอาร์ก็ติดลบไปกว่า 30% เหลือเพียง 7-8 หมื่นยูนิตเท่านั้น มีเพียงมิลเลอร์เลสที่เป็นบวก เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด โดยโอลิมปัสจะออกมา 2 รุ่น เพื่อเจาะกลุ่มตลาดผู้ใช้คอมแพคที่ต้องการขยับมาเล่นกล้องคุณภาพสูงขึ้น ด้วยเป้าหมายรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ระดับ 40% เอาไว้ "ตลาดดีเอสแอลอาร์ไม่เติบโต เพราะไม่มีเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ตลาดคอมแพคติดลบกว่า 30-40% เพราะโดนตีตลาดโดยสมาร์ทโฟน ส่วนมิลเลอร์เลสโตตลอด เพราะผู้ใช้ดีเอสแอลอาร์ และผู้ใช้คอมแพคเปลี่ยนมาลองใช้ ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้ตลาดกล้องมิลเลอร์เลสจะขยายตัวถึง 6 หมื่นยูนิต"

กลายเป็นอีกปีที่ตลาดกล้องดิจิทัลต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง และต้องปรับตัวให้สามารถแข่งขันในตลาด ไม่เพียงผู้ประกอบการกล้องดิจิทัลด้วยกันเอง แต่ยังหมายรวมถึงตลาดสมาร์ทโฟนที่มีบทบาทสูงในปัจจุบัน