ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ผลวิจัยทางสมองชี้พืชกระท่อมช่วยลดอาการลงเเดงจากสารเสพติดในหนูทดลอง

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 15:52 น. 21 ก.ย 56

ทีมงานบ้านเรา

[attach=1]

ผลวิจัยทางสมองชี้พืชกระท่อมช่วยลดอาการลงเเดงจากสารเสพติดในหนูทดลอง จากการศึกษาผลของสารสกัดจากใบกระท่อมต่อสมอง ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกสิทธิ์  กุมารสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

  กระท่อม(Kratom) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mitragyna speciosa Korth. อยู่ในวงศ์ Rubiaceae เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 10-15 เมตร  ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียว   เรียงตัวเป็นคู่ตรงพบมากในป่าธรรมชาติบริเวณภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง สตูลพัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และตอนบนของประเทศมาเลเซีย กระท่อมเป็นพืชเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.  2522

[attach=2]
เริ่มต้นจากงานวิจัยเรื่องผลของสารสกัดน้ำจากใบกระท่อมต่ออาการถอนเอทานอล (ลงแดง) ในหนูทดลองซึ่งได้ตีพิมพ์ผลงานไปแล้วในวารสาร Fitoterpia พบว่าสารสกัดน้ำจากในกระท่อมสามารถลดอาการถอนเอทานอลในหนูทดลองที่ถูกชักนำให้ติดเอทานอลได้ หลังจากนั้นจึงได้มีการศึกษาเพิ่มเติม โดยศึกษาผลของสารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมต่อการกระตุ้นการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเสพติด โดยเฉพาะบริเวณนิวเคลียส แอคคัมเบนส์ (nucleus accumbens) และ สไตรเอตัม  (striatum) ซึ่งเป็นบริเวณที่เซลล์ประสาทสื่อสารกันด้วยสารโดปามีน (dopamine) การกระตุ้นสมองบริเวณนี้มีผลทำให้รู้สึกเป็นสุข เคลิบเคลิ้มและติดใจ และสุดท้ายนำไปสู่การเสพติดได้

จากการศึกษาโดยวิธีการตรวจวัดโปรตีนที่พิสูจน์ว่ามีการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมองบริเวณที่ต้องการศึกษา พบว่าสารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมที่ความเข้มข้น 40 และ 80 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ไม่มีผลกระตุ้นการทำงานของสมองทั้งสองบริเวณ ในขณะที่ผลการศึกษาฤทธิ์ของยาซูโดอีฟีดรีน (pseudoephedrine) ที่ใช้เป็นส่วนผสมของยาแก้หวัด คัดจมูก ที่ผ่านมาของผู้วิจัยเองในปี 1998 พบว่ายาซูโดอีฟีดรีน มีฤทธิ์คล้ายกับสารเสพติด เช่นแอมเฟตามีน โดยมีผลกระตุ้นสมองบริเวณนิวเคลียส แอคคัมเบนส์ และสไตรเอตัม

[attach=3]
อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่ใจ ขั้นตอนที่จะต้องศึกษาต่อไป คือการตรวจวัดผลของสารสกัดจากใบกระท่อมต่อการทำงานของสมองด้วยเทคนิคที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงและสามารถติดตามการทำงานของสมองได้ต่อเนื่องแบบ real-time ซึ่งเทคนิคดังกล่าวคือการวัดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencephalo-graphy, EEG)

สำหรับการศึกษาผลระยะยาวของการได้รับสารสกัดจากใบกระท่อม เพื่อดูอาการถอนหรืออาการลงแดงโดยเปรียบเทียบผลกับสารเสพติดมาตรฐาน ได้แก่ มอร์ฟีน และเอทานอล ผลการศึกษาพบว่าการได้รับมอร์ฟีนเพียง 3 วัน มีผลทำให้หนูทดลองติด และเมื่อชักนำให้เกิดอาการถอน ทำให้เกิดอาการถอนอย่างรุนแรง เช่น การกระโดดซ้ำ ๆ ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นในภาวะปกติ พร้อมทั้งมีการขับถ่ายเรี่ยราด เหมือนในกรณีของคนที่มีอาการลงแดงจากการเสพติดมอร์ฟีน ส่วนการทดสอบการเสพติดเอทานอล โดยให้หนูทดลองกินอาหารเหลวที่มีเอทานอลผสมอยู่ 7 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวหนูเองเป็นเวลานาน 21 วัน ส่วนวันที่ 22 งดให้อาหารเหลวที่มีเอทานอล พบว่าหนูทดลองเกิดอาการถอนเอทานอล

เห็นได้จากการเคลื่อนไหวที่พลุ่งพล่านมากขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของคลื่นไฟฟ้าสมองในช่วงความถี่แกมม่า (gamma wave) ในขณะที่หนูทดลองที่ได้รับสารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมเป็นเวลานาน 3 เดือน ในปริมาณ 20 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. นั้นเมื่อหยุดให้สารสกัดพบว่าไม่ทำให้เกิดอาการถอน หรือทุรนทุรายทางด้านร่างกายดังที่พบในการศึกษาการถอนมอร์ฟีนและเอทานอลเลย  สรุปคือไม่พบอาการถอนกระท่อมทางด้านร่างกาย อย่างไรก็ตามควรมีการทดสอบขั้นต่อไปด้วยการวัดคลื่นไฟฟ้าสมองซึ่งไวและมีความละเอียดสูงกว่าเพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมอง ซึ่งจะทำให้ได้คำตอบที่ชัดเจน

[attach=4]
ได้มีการทดลองนำพืชกระท่อมมาประยุกต์ใช้ลดอาการถอนจากการเสพติดมอร์ฟีนและเหล้า พบว่าสารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมช่วยลดอาการถอนมอร์ฟีนโดยวัดจากพฤติกรรมการกระโดดและการขับถ่ายเหลว ส่วนอาการถอนเหล้าหรือเอทานอลนั้น จากการประเมินผลด้านพฤติกรรม สังเกตได้จากระยะทางรวมทั้งหมดขณะที่หนูทดลองเคลื่อนไหว พบว่าหนูทดลองกลุ่มที่ถูกชักนำให้มีอาการถอนเหล้ามีระดับการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากซึ่งแสดงถึงอาการลงแดงจากภาวะถอนเหล้านั่นเอง และเมื่อให้สารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมในขนาด 60 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. แก่หนูทดลองก่อนการถอนเหล้า พบว่าอาการถอนเหล้าลดความรุนแรงลงได้ และยังมีการค้นพบที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมบรรเทาอาการถอนเหล้าได้ผลดีพอ ๆ กับยามาตรฐานที่ใช้คือ ฟลูอ็อกซีติน (fluoxetine) ในขนาด 10 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก.

นอกจากการประเมินทางด้านพฤติกรรมแล้ว ยังมีการยืนยันด้วยรูปแบบของคลื่นไฟฟ้าสมอง จากรูปซึ่งแสดงคลื่นไฟฟ้าสมองในช่วงความถี่แกมม่า จะเห็นได้ว่าหนูทดลองกลุ่มที่ไม่ถอนเหล้าเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ถอนเหล้า มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือคลื่นช่วงความถี่แกมม่ามีค่าเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่ถอนเหล้า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ถอนเหล้าแต่ได้รับให้สารสกัดจากใบกระท่อม คลื่นช่วงความถี่แกมม่าลดลงอย่างเห็นได้ชัด

[attach=6]
ผลจากการทดลองนี้ยืนยันได้ว่า สารสกัดจากใบกระท่อม สามารถลดอาการลงแดงได้ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้เป็นสิ่งที่สามารถทำซ้ำและได้ผลเหมือนเดิม ไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล หรือเวลา และสถานที่ สรุปแล้วพืชกระท่อมสามารถบรรเทาอาการถอนเหล้าได้ผลใกล้เคียงกับยามาตราฐานฟลูอ็อกซีติน ไม่ว่าจะศึกษาจากพฤติกรรมหรือจากคลื่นไฟฟ้าสมอง

และจากการศึกษาผลแบบเฉียบพลันของสารสกัดจากใบกระท่อมต่อภาวะหลับ-ตื่น โดยเปรียบเทียบกับหนูทดลองกลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ได้รับยามาตรฐานคือฟลูอ็อกซีติน 10 มก.  ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. พบว่าฟลูอ็อกซีตินทำให้รูปแบบการนอนหลับเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ คือ มีผลกดการนอนหลับช่วงที่มีการกลอกลูกตา (rapid eye movement sleep) ส่วนหนูทดลองที่ได้รับสารสกัดอัลคาลอยด์จากใบกระท่อมทั้งขนาด 10 และ 60 มก. นั้นไม่มีผลกดการนอนหลับช่วงที่มีการกลอกลูกตา แสดงให้เห็นว่าพืชกระท่อมไม่มีผลข้างเคียงดังกล่าว

การวิจัยที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการศึกษาในหนูทดลองที่มีการควบคุมปัจจัยต่างๆ ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อตัดปัจจัยบิดเบือนจากการตัดสินหรือความคาดหวังของมนุษย์ แม้ว่าผลการทดลองที่ผ่านมาจะยังไม่สามารถชี้ชัดถึงฤทธิ์เสพติดของพืชกระท่อมได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากพฤติกรรมการเคี้ยวใบกระท่อมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเกษตรกรก็น่าจะบ่งบอกถึงฤทธิ์เสพติดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคี้ยวใบกระท่อมเป็นเวลาสิบ ๆ ปี นั้น ถ้าไม่ได้เคี้ยวเมื่อถึงเวลาจะรู้สึกว่าไม่กระปรี้กระเปร่าหรือพร้อมที่จะทำงาน มีอาการอยากเคี้ยว หาวบ่อยๆ และหาวจนน้ำหูน้ำตาไหล คล้าย ๆ กับคนที่ติดการเคี้ยวหมาก เพียงแต่ผลที่มีต่อร่างกายนั้นไม่ชัดเจนเท่ากับการขาดเมทแอมเฟตามีน

[attach=5]
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจวัดผลของกระท่อมต่อการทำงานของสมองได้หลายวิธี การวัดผลทางพฤติกรรมอาจจะทำให้ได้เพียงข้อมูลเบื้องต้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการนำวิธีการตรวจวัดการทำงานของสมองที่ไวและละเอียดกว่ามาใช้ และถ้าพบว่าการหยุดเสพกระท่อมแล้วนำไปสู่ความผิดปกติของสมอง ก็จะสามารถชี้ชัดได้ว่ากระท่อมเป็นพืชที่มีฤทธิ์เสพติดหรือมีโทษ ปัจจุบันห้องปฏิบัติการทางระบบประสาทของเราได้พัฒนาวิธีการบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองทั้งในสัตว์ทดลองและในคนเพื่อรองรับงานวิจัยด้านสารเสพติด รวมทั้งสารใหม่ๆ ที่มีการนำมาเสพหรือใช้แบบผิดวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นและทันต่อเหตุการณ์

ส่วนแนวความคิดที่จะนำมาใช้เพื่อบำบัดการเสพติดก็มีความเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้สรรพคุณและหลีกเลี่ยงด้านที่เป็นโทษก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญไม่ควรให้มีการทดลองใช้พืชกระท่อมตามลำพัง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์บำบัดอย่างใกล้ชิด
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

Kungd4d



มะยม

แล้วพอแก้อาการลงแดงหาย ปุ๊บแล้วมันไม่ไปติด น้ำกระท่อมหรือใบกระท่อมแทนหรอค่ะ. . . ?

apache

อ้างจาก: มะยม เมื่อ 07:22 น.  23 ก.ย 56
แล้วพอแก้อาการลงแดงหาย ปุ๊บแล้วมันไม่ไปติด น้ำกระท่อมหรือใบกระท่อมแทนหรอค่ะ. . . ?
ส.อืม เป็นคำถามที่มีเหตุผล แต่คาดว่าคงต้องมาดูอีกทีว่าสารเสพติดในกระท่อม กับสารที่สกัดจากกระท่อมเพื่อลดอาการลงแดงจากสุราเป็นสารตัวเดียวกันหรือไม่ อย่างไร นะครั่บ

ekumarnsit@yahoo.com

การจะติดกระท่อมต้องใช้เวลานานมาก เมื่อหยุด คนเคี้ยวจะไม่ทรมานทุรนทุรายครับ ส่วนการนำมาประยุกต์ใช้ ก็เฉพาะช่วงสั้นๆ เพราะอาการลงแดงจะหนักเป็นช่วงที่หยุดยา ถ้าพ้นไปได้ก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง ไม่ต้องใชเนานครับ

ekumarnsit@yahoo.com

ยินดีครับ ผมไม่อยากให้ทางกฎหมายเขาด่วนตัดต้นทิ้ง ทรัพยากรป่าไม้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ขอให้ฟังนักวิจัยบ้างที่ทำตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เชียร์หรือคัดค้านเลยครับ ว่ากันตามที่มันเป็น

เอกสิทธิ์

apache

อ้างจาก: ekumarnsit@yahoo.com เมื่อ 12:07 น.  23 ก.ย 56
ยินดีครับ ผมไม่อยากให้ทางกฎหมายเขาด่วนตัดต้นทิ้ง ทรัพยากรป่าไม้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ขอให้ฟังนักวิจัยบ้างที่ทำตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เชียร์หรือคัดค้านเลยครับ ว่ากันตามที่มันเป็น

เอกสิทธิ์
ส.ยกน้ิวให้

ผีดำ1

ยาเสพติด ไม่อยากเสพก็ไม่ติด ถ้าอยากเสพ แก้ให้ตายก็ไม่หาย


sin.maejo

มองในแง่ดี หากเป็นการช่วยลดการใช้ยาเสพติดที่รุนแรงชนิดอื่นๆ มันก็OKนะ เพราะก็ไม่เคยได้ข้อมูลว่า สูบบุหรี่ กินหมากกินท่อม แล้วเกิดอาชญากรรม เอาความปลอดภัยของผู้อื่นมาก่อน มองจุดนี้ก่อนครับ เพราะตอนนี้ตัวแรงๆเข้ามาถึงโรงเรียนแล้ว ต้องเข้าใจ ส.แหยง ส.แหยง