กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

โดย สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย www.pastnews.org

[attach=1]

แม้จะไม่เป็น "ข่าวพาดหัว" ในหนังสือพิมพ์ฉบับไหนๆ แต่การที่ 5 เสือโรงพักหาดใหญ่ ถูกคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ "เด้ง" ออกจากตำแหน่งไปช่วย "ราชการ" ติดต่อกัน 2 ครั้ง ในเวลาเพียง 3 เดือน ก็ถือว่าเป็นเรื่อง "สยอง" ในวงการตำรวจเมืองไทย ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

การ "เด้ง" ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเพื่อนอีก 4 นาย ซึ่งประกอบด้วย รอง ผกก. และ สวป. มาจากการที่ พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ นายตำรวจจากกองปราบ บุกจับบ่อนการพนันในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หาดใหญ่ และผลการสอบสวนของคณะกรรมการสรุปว่า พ.ต.อ.อดิเรก และพวก มีความผิดที่บกพร่องในหน้าที่ โดยมีการภาคทัณฑ์ก่อนที่จะให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง และพวก กลับมานั่งในตำแหน่งเดิมชนิดที่ "ก้นไม่ทันอุ่น" พลันเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2556 ที่ผ่านมาหมาดๆ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงที่เรียกว่า "อาบ อบ นวด" จำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หาดใหญ่  โดยดีเอสไอสามารถ "ล่อซื้อ" บริการทางเพศที่ อาบ อบ นวด แห่งหนึ่งใน 3 แห่ง ดังกล่าว ในย่าน ถ.ฉัยยากุล ศูนย์การค้าซีกิมหยง และผลจากการเข้าตรวจค้นจับกุมพบว่า เป็นสถานที่ขายบริการทางเพศ โดยมีหญิงสาวชาว "ไทยใหญ่" 27 คน "สาวไทย" 1 คน และในบรรดา "ไทยใหญ่" 27 คน มีหญิงสาวที่อายุไม่ถึง 18 ปี อยู่ถึง 4 คน ด้วยกัน

คำสั่ง "เด้ง" เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน จึงติดตามมาในวันที่ 26 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา โดยให้ไปช่วยราชการที่ สนง.ตร.ภ.9 โดยไม่มีกำหนด พร้อมกับมีการตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งแน่นอนว่า ครั้งนี้ 5 เสือ สภ.หาดใหญ่ คงจะไม่มี "ปาฏิหาริย์" กลับมานั่งในตำแหน่งเดิมอีกอย่างแน่นอน เพราะ ยังติดการ "ภาคทัณฑ์" ในการ "เด้ง" ครั้งที่ 1 อยู่ ส่วนจะถูกส่งไปลงในตำแหน่งแห่งหนไหนนั้น ก็อยู่ที่ "บุญ" และ "กรรม" รวมทั้งเส้นสายของแต่ละคนด้วย

ที่หยิบยกเรื่องนี้มาเขียนไม่ได้มีเจตนาในการซ้ำเติมผู้ที่ถูก "เด้ง" จากเรื่องจับ "กะหรี่" เพราะ โดยข้อเท็จจริงเรื่องของ "กะหรี่" กับสังคมไทยเป็นเรื่องคู่กัน เพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงบางประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะประเด็นสถานที่ซึ่งเรียกว่า "อาบ อบ นวด" นั้น มันก็คือ "ซ่องโสเภณี" ที่เป็นสถานที่ให้ชายหนุ่ม ชายแก่ ทั้งหลาย พากันเข้าไปเพื่อระบายความใคร่ หรือ "กลัดมัน" เฉกเช่นเดียวกับสำนัก "โคมแดง โคมเขียว" ในสมัยเก่าก่อนนั่นเอง

และประเด็นต่อมา "อาบ อบ นวด" หรือ "คาราโอเกะ" หรือสถานบันเทิงภายใต้ชื่อฉายาอะไรก็แล้วแต่ ที่เปิดบริการไม่ว่าจะที่ไหนของประเทศไทย ต้องมีหญิงสาวที่อายุน้อยๆ ซึ่งไม่ถึง 18 ปี ขายบริการทางเพศรวมอยู่ด้วย ไม่มากก็น้อย เพราะ นี่คือ "แม่เหล็ก" คือ "ดารา" ประจำ "ซ่อง" ที่เป็นตัวทำเงินให้กับเจ้าของสถานบริการ

"ซ่อง" ก็เช่นเดียวกับ "บ่อน" ซึ่งเป็นของคู่กันในสังคมไทย และ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองเศรษฐกิจ ก็มีทั้ง "ซ่อง" ที่ซ่อนตัวอยู่ในรูปแบบ "อาบ อบ นวด" และ "คาราโอเกะ" รวมทั้งที่แฝงตัวอยู่ในชื่อต่างๆมากกมาย และสิ่งสำคัญ ทั้ง "ซ่อง" ทั้ง "บ่อน" คือ สถานที่ "ทำเงิน" ให้กับ "ตำรวจ" ในทุกพื้นที่ และเงินจาก 2 สถานที่ข้างต้น ก็ถูกแจกจ่ายไปยังตำรวจระดับ "ยอด" จนถึงระดับ "ฐานล่าง" อย่างทั่วถึงกัน

แต่ในขณะที่ "ตำรวจ" พร้อมที่จะรับ "ส่วย" ที่มาจาก "ซ่อง" และ "บ่อน" แต่ในขณะเดียวกันก็มีการออกกฎเหล็กว่า ถ้าพื้นที่ไหนปล่อยให้มี "บ่อน" มี "ซ่อง" ที่มีหญิงสาวอายุไม่ถึง 18 ปี ค้าประเวณี เจ้าของพื้นที่จะต้องมีความผิด จึงเป็นเรื่องที่ "ขำขัน" สำหรับสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นวิธีการที่จะ "เด้ง" 5 เสือประจำโรงพัก ออกจากพื้นที่ เพื่อที่จะให้คนอื่นเข้ามา "เสียบ" แทน จึงไม่ยากเย็นอะไร เพียงแค่ติดต่อเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่น เช่น ตำรวจกองปราบ ดีเอสไอ หรืออื่นๆ เข้ามาจับ "บ่อน" หรือ "ซ่อง" ในพื้นที่ ก็สามารถที่จะทำให้ 5 เสือโรงพักในพื้นที่นั้นๆ "เด้ง" ออกจากเก้าอี้ตาม "กฎเหล็ก" ที่ สนง.ตร. วางเอาไว้ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผกก.สภ.หาดใหญ่ และพวก ซึ่ง 3 เดือน โดน 2 เด้ง

คำถาม คือ "บ่อน" และ "ซ่อง" ในลักษณะที่เปิดที่ "หาดใหญ่" ในท้องที่อื่นๆของ จ.สงขลา ก็เปิดกันอย่าง "โจงครึ่ม" เช่น ที่ อ.สะเดา ที่ อ.เมือง โดยเฉพาะ อ.สะดา เมืองที่ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย มีมากกว่าที่ อ.หาดใหญ่ เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมทั้งกองปราบและดีเอสไอ จึงไม่ดำเนินการตรวจค้น จับกุม อย่างที่ตรวจค้น จับกุม ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เพราะ ถ้ามีการตรวจค้น จับกุม เชื่อว่า จะมีการ "เด้ง" 5 เสือโรงพักกันอย่างเป็นบัญชี "หางว่าว" เลยทีเดียว

และประเด็นสุดท้าย คือ จ.สงขลา ถูกขึ้นบัญชีว่า เป็นพื้นที่ค้ามนุษย์ 1 ใน 6 จังหวัดของประเทศไทย แต่โดยข้อเท็จจริง ทุกวันนี้ไม่มีหน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพในการรับผิดชอบ เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ใน จ.สงขลา ที่เห็นเป็น "รูปธรรม" เพียงแต่นานๆครั้งที่หน่วยงานของตำรวจที่รับผิดชอบเรื่องการค้ามนุษย์ หรือ ดีเอสไอ จะบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิง และในการตรวจค้นทุกครั้งต้องมีที่มา คือ การร้องเรียนจาก "เหยื่อ" หรือญาติๆของ "เหยื่อ" หรือผู้สูญเสียผลประโยชน์ แต่ไม่มีเลยที่จะมีการการตรวจค้น ติดตาม และ ตรวจสอบ ให้เป็นประจำ สม่ำเสมอ จากหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเป็นการ "ป้องปราม" และเป็นการ "ป้องกัน" มิให้เจ้าของสถานบริการบันเทิงทำผิดกฎหมายการค้ามนุษย์

หน่วยงานในพื้นที่เริ่มตั้งแต่ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง แรงงาน และอีกหลายๆหน่วยงาน ต่างมองเห็น "บ่อน" และ "ซ่อง" เป็น "น้ำซึมบ่อทราย" เป็น "ขนมหวาน" เป็นที่แสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบ "ส่วย" รายเดือน และในรูปแบบ "โฉบเฉี่ยว" เป็นครั้งคราว ซึ่งประมาณกันว่า ในแต่ละเดือนจะมีคนใน "เครื่องแบบ" สังกัดต่างๆ เข้ามา เพื่อรับ "รายการ" หรือ "ส่วย" ไม่ต่ำกว่า 20 ชุด จาก "ซ่อง" ที่มีอยู่เหมือน "ดอกเห็ด" ในรูปแบบอันหลายหลาย

เมื่อ "ต้นตอ" ของสภาพสังคมยังอยู่แบบเดิม หญิงสาวชาวไทยและต่างชาติก็ยังคงแสวงหาทางออกของการมี "ชีวิตที่ดีกว่า" ด้วยการ "ขายนาแปลงน้อย" และสภาพของเจ้าหน้าที่ที่ยังแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ทำผิดกฎหมาย เพื่อส่ง "ส่วย" ให้ "นาย" ระดับบน ในการรักษาตำแหน่ง รักษาเก้าอี้ การพูดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหา "การค้ามนุษย์" จึงเป็นเรื่อง "ขำขัน" อีกเรื่องหนึ่งของประเทศไทย เพราะ สุดท้ายแล้วหน่วยงานของรัฐ นอกจากไม่ได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว คนของรัฐเองก็ยังพยายามที่จะสร้างความเติบโตให้กับขบวนการค้ามนุษย์ให้มากยิ่งขึ้น เพราะ การเติบโตของการค้ามนุษย์ คือ "ผลประโยชน์" ที่เจ้าหน้าที่ในท้องที่นั้นๆ ได้รับ "ส่วนแบ่ง" ที่มากยิ่งขึ้น

สุดท้ายแล้ว "ซ่อง" ต่างๆในประเทศไทย นอกจากมีไว้เพื่อบริการ "ความใคร่" ของมนุษย์ผู้ชายแล้ว ยังเป็นแหล่ง "เงิน" ให้กับหน่วยงานของรัฐ และที่สำคัญที่สุด คือ เป็นสถานที่ให้รัฐมนตรี "ปวีณา หงสกุล" ได้ปฏิบัติหน้าที่ออก "สื่อ" เพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่า ประเทศไทยคือแหล่งการค้ามนุษย์ และมีการป้องกันปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจริง โดยมีรัฐมนตรีว่ากระทรวงพัฒนาสังคมฯ เป็นผู้ลงมาตรวจค้น จับกุม ด้วยตนเอง

ไชยยงค์ มณีพิลึก

 

อนิจา วงการตำรวจ จริงๆ.

อืม เรียกว่าย้ายไปประจำการที่อื่น น่าจะเหมาะสมกว่านะครับ 

ชื่นชมในการเขียนข่าวได้ดีมาก

     
              เขียนได้ตรงจุดตรงเผ่ง  ขอชื่นชมคุณไชยยงค์
แต่น้ำกาม และน้ำมันเถื่อน  หากเจ้าหน้าที่เอาจริงก็น่าจะหมด
ที่ไม่หมดเพราะ...ตามที่เป็นข่าวนั่นแหละครับ

หางานใหม่ทำเหอะ อย่าไปรับผิดชอบพวก อาบอบนวดเลย  งานจับใบขับขี่คงง่ายกว่า

แปลกจัง เด้งบ่อยเหลือเกิน อิทธิพลบ้านเรามันเยอะจนตำรวจไม่กล้าเลยหรือไร

             
                                 "  แม้ขั้วการเมืองจะเปลี่ยนไปแล้ว....   แต่อย่าหมายว่าจะมายึดครองส่วยกาม  น้ำมัน  ซ่อง   ของหนีภาษี  กันได้ง่าย ๆ   5555555555   "      ถ้าผิดสี ผิดแซ่ ผิดพรรค   อยู่ไม่ได้หรอกเมืองนี้   ต่อให้มือสะอาดแค่ไหน  ........... 555555555 

ปัญหาโลกแตกแก้ไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่สังคมไทยยังบูชาวัตถุนิยมยิ่งกว่าพระธรรม มันก็เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง ยิ่งแก้เหมือนลิงพันแห อย่าแต่หาดใหญ่เลย กทม.ของท่าน ผบ.ตร.อย่าบอกนะว่าไม่มีการค้าประเวณีแถวรัชดาย่านเดียวก็พอ รับรองสัปดาห์เดียวเที่ยวได้ไม่ซ้ำสถานที่ ผมว่าจะแก้ปัญหามันต้องแก้ทั้งระบบเพราะสังคมปัจจุบันช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมันยิ่งถ่างมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบวยไม่ว่าพรรคไหนก็เป็นแต่พวกบ้าประชานิยม สนับสนุนให้คนไทยเสพติดสันดานขี้เกียจ ไม่พัฒนาและช่วยเหลือตัวเองให้อยู่ดีกินดีขึ้น เอะอะอะไรก็ประท้วงสร้างความวุ่นวายให้รัฐฯเข้ามาช่วยเหลือที่ปลายเหตุทุกที อย่างโสเภณีก็อย่าปฎิเสธว่าไม่มีในเมื่อบางคนเขาอยากได้รายได้มากๆ แต่ไม่ต้องการทำงานหนัก ก็จัดระบบระเบียบอาชีพพิเศษไปเลยอย่าให้แพร่เอดส์ก็แล้วกัน ทำให้สามารถควบคุมได้ทุกอย่างก็เรียบร้อยไปเอง อย่างบ่อนมองให้ลึก เอาสรรพากรเข้าลงทะเบียนลูกค้าที่เขาไปเล่นเลย ใครแลกชิพเยอะก็ประเมินฐานภาษีเก่าดูว่าเสียภาษีน้อยไปหรือเปล่า บุคคลที่เข้าบ่อนมาเล่นได้แสดงว่ามีเงินเหลือกินเหลือใช้ เก็บภาษีเพิ่มไปเลยได้สองเด้ง ทำบ่อนให้ถูกกม.เอาภาษีบาปมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ในเมื่อภาครัฐฯยังทำตัวเป็นพวกปากอมสาก มือถือครก ไม่ให้มีบ่อนการพนันแต่เสือกขายล็อตเตอรี่ มันต่างกันตรงไหน หรือไม่สนับสนุนเหล้า เบียร์และบุหรี่ แต่รัฐฯเสือกมีทั้งโรงเหล้าและโรงงานยาสูบซะเอง
ทำไมไม่ยกเลิกทำให้เป็นตัวอย่างนำร่องกับภาคเอกชนก่อนจะได้มั้ย ของสีเทาๆถ้ารู้จักที่จะจัดการและควบคุมให้มาอยู่ในระบบมันจะมีมุมมองที่สร้างรายได้ให้กับรัฐฯปีละหลายพันล้าน ดีกว่าปล่อยให้เข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพล นักกินเมืองเลวๆ และเจ้าหน้าที่หน้าไหว้หลังหลอกซะอีก และพวกต่อต้านประเภทมือไม่พายเอาตรีนราน้ำ ดีแต่ต่อต้านแต่ไม่มีวิธีและปัญญาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ดีแต่เห่าออกสื่อทีวี นสพ.

อ้างจาก: หน่องแหน้ง เมื่อ 20:20 น.  07 ต.ค 56
ปัญหาโลกแตกแก้ไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่สังคมไทยยังบูชาวัตถุนิยมยิ่งกว่าพระธรรม มันก็เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง ยิ่งแก้เหมือนลิงพันแห อย่าแต่หาดใหญ่เลย กทม.ของท่าน ผบ.ตร.อย่าบอกนะว่าไม่มีการค้าประเวณีแถวรัชดาย่านเดียวก็พอ รับรองสัปดาห์เดียวเที่ยวได้ไม่ซ้ำสถานที่ ผมว่าจะแก้ปัญหามันต้องแก้ทั้งระบบเพราะสังคมปัจจุบันช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมันยิ่งถ่างมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบวยไม่ว่าพรรคไหนก็เป็นแต่พวกบ้าประชานิยม สนับสนุนให้คนไทยเสพติดสันดานขี้เกียจ ไม่พัฒนาและช่วยเหลือตัวเองให้อยู่ดีกินดีขึ้น เอะอะอะไรก็ประท้วงสร้างความวุ่นวายให้รัฐฯเข้ามาช่วยเหลือที่ปลายเหตุทุกที อย่างโสเภณีก็อย่าปฎิเสธว่าไม่มีในเมื่อบางคนเขาอยากได้รายได้มากๆ แต่ไม่ต้องการทำงานหนัก ก็จัดระบบระเบียบอาชีพพิเศษไปเลยอย่าให้แพร่เอดส์ก็แล้วกัน ทำให้สามารถควบคุมได้ทุกอย่างก็เรียบร้อยไปเอง อย่างบ่อนมองให้ลึก เอาสรรพากรเข้าลงทะเบียนลูกค้าที่เขาไปเล่นเลย ใครแลกชิพเยอะก็ประเมินฐานภาษีเก่าดูว่าเสียภาษีน้อยไปหรือเปล่า บุคคลที่เข้าบ่อนมาเล่นได้แสดงว่ามีเงินเหลือกินเหลือใช้ เก็บภาษีเพิ่มไปเลยได้สองเด้ง ทำบ่อนให้ถูกกม.เอาภาษีบาปมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ในเมื่อภาครัฐฯยังทำตัวเป็นพวกปากอมสาก มือถือครก ไม่ให้มีบ่อนการพนันแต่เสือกขายล็อตเตอรี่ มันต่างกันตรงไหน หรือไม่สนับสนุนเหล้า เบียร์และบุหรี่ แต่รัฐฯเสือกมีทั้งโรงเหล้าและโรงงานยาสูบซะเอง
ทำไมไม่ยกเลิกทำให้เป็นตัวอย่างนำร่องกับภาคเอกชนก่อนจะได้มั้ย ของสีเทาๆถ้ารู้จักที่จะจัดการและควบคุมให้มาอยู่ในระบบมันจะมีมุมมองที่สร้างรายได้ให้กับรัฐฯปีละหลายพันล้าน ดีกว่าปล่อยให้เข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพล นักกินเมืองเลวๆ และเจ้าหน้าที่หน้าไหว้หลังหลอกซะอีก และพวกต่อต้านประเภทมือไม่พายเอาตรีนราน้ำ ดีแต่ต่อต้านแต่ไม่มีวิธีและปัญญาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ดีแต่เห่าออกสื่อทีวี นสพ.

เขาอิเอาเบี้ยนิ ทำพรื่อกะได้ให้ได้เบี้ย เมียน้อยมั้ง ลูกเมียน้อยมั้ง บ้านมั้ง ต้องเขรถหลายๆคัน ผ่อนบ้านรถที่ดิน ไหนกะจ้าง รปภ ส่วนตัวหล่าว 

ผมว่าไม่ใช่เด้งอะไรหรอกแค่เปลี่ยนๆกันมากินนิ ถ้าลงโทษคือไล่ออกโด ตกงานจบไหมแบบนั้น

 

อ้างจาก: หน่องแหน้ง เมื่อ 20:20 น.  07 ต.ค 56
ปัญหาโลกแตกแก้ไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่สังคมไทยยังบูชาวัตถุนิยมยิ่งกว่าพระธรรม มันก็เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง ยิ่งแก้เหมือนลิงพันแห อย่าแต่หาดใหญ่เลย กทม.ของท่าน ผบ.ตร.อย่าบอกนะว่าไม่มีการค้าประเวณีแถวรัชดาย่านเดียวก็พอ รับรองสัปดาห์เดียวเที่ยวได้ไม่ซ้ำสถานที่ ผมว่าจะแก้ปัญหามันต้องแก้ทั้งระบบเพราะสังคมปัจจุบันช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมันยิ่งถ่างมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบวยไม่ว่าพรรคไหนก็เป็นแต่พวกบ้าประชานิยม สนับสนุนให้คนไทยเสพติดสันดานขี้เกียจ ไม่พัฒนาและช่วยเหลือตัวเองให้อยู่ดีกินดีขึ้น เอะอะอะไรก็ประท้วงสร้างความวุ่นวายให้รัฐฯเข้ามาช่วยเหลือที่ปลายเหตุทุกที อย่างโสเภณีก็อย่าปฎิเสธว่าไม่มีในเมื่อบางคนเขาอยากได้รายได้มากๆ แต่ไม่ต้องการทำงานหนัก ก็จัดระบบระเบียบอาชีพพิเศษไปเลยอย่าให้แพร่เอดส์ก็แล้วกัน ทำให้สามารถควบคุมได้ทุกอย่างก็เรียบร้อยไปเอง อย่างบ่อนมองให้ลึก เอาสรรพากรเข้าลงทะเบียนลูกค้าที่เขาไปเล่นเลย ใครแลกชิพเยอะก็ประเมินฐานภาษีเก่าดูว่าเสียภาษีน้อยไปหรือเปล่า บุคคลที่เข้าบ่อนมาเล่นได้แสดงว่ามีเงินเหลือกินเหลือใช้ เก็บภาษีเพิ่มไปเลยได้สองเด้ง ทำบ่อนให้ถูกกม.เอาภาษีบาปมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ในเมื่อภาครัฐฯยังทำตัวเป็นพวกปากอมสาก มือถือครก ไม่ให้มีบ่อนการพนันแต่เสือกขายล็อตเตอรี่ มันต่างกันตรงไหน หรือไม่สนับสนุนเหล้า เบียร์และบุหรี่ แต่รัฐฯเสือกมีทั้งโรงเหล้าและโรงงานยาสูบซะเอง
ทำไมไม่ยกเลิกทำให้เป็นตัวอย่างนำร่องกับภาคเอกชนก่อนจะได้มั้ย ของสีเทาๆถ้ารู้จักที่จะจัดการและควบคุมให้มาอยู่ในระบบมันจะมีมุมมองที่สร้างรายได้ให้กับรัฐฯปีละหลายพันล้าน ดีกว่าปล่อยให้เข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพล นักกินเมืองเลวๆ และเจ้าหน้าที่หน้าไหว้หลังหลอกซะอีก และพวกต่อต้านประเภทมือไม่พายเอาตรีนราน้ำ ดีแต่ต่อต้านแต่ไม่มีวิธีและปัญญาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ดีแต่เห่าออกสื่อทีวี นสพ.

สุดยอด เลยคุณหน่องแหน่ง
ประเทศไทย เราไม่ยอมรับความจริง มีวัฒนธรรมดีนะ แต่ทำไม่ได้ ไม่ได้เลยจริงๆ สถิติตรงข้ามวัฒนธรรมเราทุกอย่าง ได้แก่ ตั้งท้องอายุน้อย อันดับ 2 (ตอนนี้ที่ 1 แล้วมั้ง) ของเอเชีย คอรัปชั่น ก็อันดับต้นๆ ของเอเชีย ยาเสพติด ค้ามนุษย์
ของหนีภาษี ฯลฯ มากมายเหลือเกิน จะทำยังงัยหละ คิดแล้วเศร้านะ ทุกวันนี้มีตำรวจไว้เพื่อ??
ไม่เคยไว้ใจตำรวจเลย จริงๆ ตอนเด็กๆ เคยชอบ โตขึ้นรับรู้ได้ถึงความเสื่อม มีทุกที่
อย่างไรก็ดี ตอนนี้ยังชื่นชมตำรวจจราจรอยู่นะ สู้ๆ

เงินได้ เขามาจากหลายทางเหลือเกินนะพวกนี้ คำสัตย์ที่ปฏิญาณ จรรยาบรรณ มันไปใหนหมด ...

 ขนาดซอยตัวยู ชูวิทย์ยังประโคมข่าวออกสื่ออยู่พักนึงคนดูทั้งประเทศแต่ไม่ได้ผลอ่ะ ทำอะไรไม่ได้เลย สุดยอดอำนาจ ส.ยกน้ิวให้ตำรวจไทย

ไม่ได้มีแต่ที่อื่นหรอก มีกันทั่วไม่ว่าจังหวัดไหนๆ ที่นี้คงมีคนอยากย้ายมาแทนมั้งเลยทำให้เด้งถึงสองรอบ คนเก่าจะได้ไม่มาอีก คนใหม่มาแทนงัย ไม่ไปจับจังหวัดอื่นบ้างล่ะมีไปทั่ว บ่อน อาบอบนวด ยาเสพติดมีไปทั่วแหละอยู่ที่ว่าที่ไหนรายได้ดี คนอื่นก็อยากมาอยู่บ้างงัย

เท่านั้นแหละ ขนาดเด้งแรกยังย้ายไปซะไกลเรย ตั้งสงขลาแนะห่างกับหาดใหญ่  30 โลเลยน่ะ  ไกลมาก แต่เท่าที่รู้มาตลอดมีตำรวจในสภ.หาดใหญ่ รายนึงบอกว่านักข่าวประจำสภ.ก็ได้ค่าปิดปากด้วยนี่น่า  ไม่งั้นเป็นข่าวนานแร้ว  ชาวบ้านก็รู้ไงแต่เบื่อและเอือมระอาแล้วเพราะมันคงไม่มีอะไรดีกว่านี้  เคยมีข่าวโพสต์ในเว็บดัง ๆ หลายเว็บว่าคนในพื้นที่หาดใหญ่ร้องแร่แห่กระเชอหาตำรวจนอกพื้นที่เข้ามาช่วยแต่ยากจะสำเร็จ     ทำใจอย่างเดียว  เอือมตำรวจ  สภ.คอหงส์ก็ใช้ย่อยหลอกแดกเงินชาวบ้านไปเรื่อย  วันก่อนโทรแจ้งคนตายหน้าสภ.คอหงส์ ผ่านไป 3 ชั่วโมงชาวบ้านยืนรอมันยังไม่มาเลย  โทรตามกันไม่ต่ำกว่า 5-6  รอบ เวรๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ตำรวจนรก .........