กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

คริสเตียโน โรนัลโด ยังคงเป็นฮีโร่ของ "ราชันชุดขาว" หลังจัดการเหมาสองประตูพา เรอัล มาดริด เอาชนะ "เจ้าม้าลาย" ยูเวนตุส ที่เหลือเพียง 10 คน ไป 2-1 ด้าน "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ เรอัล โซเซียดาด ไป 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ อินญิโก มาร์ติเนซ ขณะที่ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค โชว์ฟอร์มดุเอาชนะคู่แข่งขาดลอย 5-0 ...

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่ง กลุ่ม นัดที่ 3 เมื่อวันพุธที่ 23 ต.ค.เวลา 01.45 น. เป็นโปรแกรมลงสนามในกลุ่ม เอ,บี,ซี,ดี เกมไฮไลท์อยู่ที่คู่ในกลุ่ม บี "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ลีกลาลีกา สเปน อันดับ 1 ของกลุ่ม เปิดรัง ซานติอาโก เบร์นาเบว รับการมาเยือนของ "เจ้าม้าลาย" ยูเวนเตุส

เกมนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่ มาดริด ขนกำลังที่มีลงสนามส่ง คาริม เบนเซมา ลงล่าตาข่ายร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด ส่วนแกเร็ธ เบล ปีกราคาแพงเป็นตัวสำรอง ด้าน อันโดตนิโอ คอนเต นายใหญ่ยูเว่ ส่ง คาร์ลอส เตเบซ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ เฟอร์นันโด ยอเรนเต แดนกลางมี ปันเดรีย ปีร์โล คุมเกม

เปิดฉากมาก็เป็นทีมเยือนที่ได้ทักทายก่อนตั้งแต่ 2 นาทีแรกจากลูกยิงไกลของ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ แต่ อีเกร์ กาซียาส พุ่งปัดทิ้งไปได้ และหลังจากนั้นเพียง 2 นาที แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮลั่นสนาม หลัง อังเกล ดิ มาเรีย ซบโอกาสจ่ายทะลุช่องให้ คริสเตียโน โรนัลโด หลุดกัปดักล้ำหน้าเข้าไปล่อเป้ายิงผ่าน จานลุยจิ บุฟฟอน ตุงตาข่าย พา มาดริด ขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว 1-0


รูปเกมยังคงสูสีและก็เป็น "เจ้าม้าลาย" ที่มาได้ประตูตีเสมอสมใจใน น.22 จากจังหวะครอสบอลจากฝั่งขวามาที่เสาสอง ปอล ป็อกบา เทกตัวโขกยัดโคนเสา กาซียาส ล้มตัวปัดทิ้งไปเข้าทาง เฟร์นันโด ยอเรนเต ตวัดซ้ำดาบสองไม่เหลือซากช่วย ยูเวนตุส ตีเสมอเป็น 1-1


จากนั้น น.27 มาดริด ก็มาได้จุดโทษหลัง จอร์โจ คิเอลลินี ไปเหนี่ยวคอ เซร์คิโอ รามอส ล้มในกรอบเขตโทษผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษในทันที่ และก็เป็น โรนัลโด ที่สังหารพา"ราชันชุดขาว"ขึ้นนำเป็น 2-1 และก็เป็นประตูสุดท้ายที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก


กลับมาต่อในครึ่งหลังเพียง 2 นาที สถานการณ์ของ "เจ้าม้าลาย" เลวร้ายไปกว่าเดิมเมื่อต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน หลัง จอร์โจ คิเอลลินี ไปฟาล์วจากจังหวะเบียดแย่งบอลจาก คริสเตียโน โรนัลโด  กรรมการตัดสินใจควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที


น.60 "ราชันชุดขาว"ทำโอกาสทองหลุดมือจากจังหวะที่ อังเกล ดิ มาเรีย วางบอลให้ อัลบาโร อาร์เบลัว ผ่านไปหน้าประตูให้ คาริม เบนเซมา ซัดจ่อๆแต่ออกข้างไปอย่างไม่น่าเชื่อ และหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ทำประตูเพิ่มเติมกันไม่ได้ จบเกม เรอัล มาดริด เอาชนะ ยูเวนตุส ไป 2-1 เก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 นัดมี 9 คะแนนเต็มนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม


11 ตัวจริงทั้งสองทีม

มาดริด : อีเกร์ กาซียาส,อัลบาโร อาร์เบลัว,เซร์คิโอ รามอส,เปเป้,มาร์เชโล,ซามี เคดิรา,อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี,อังเกล ดิ มาเรีย,ลูกา โมดริช,คริสเตียโน โรนัลโด,คาริม เบนเซมา

ยูเวนตุส :จานลุยจิ บุฟฟอน,มาร์ติน กาเซเรส,อันเดรีย บาร์ซายี,จอร์โจ คิเอลลินี,อังเจโล อ็อกบอนนา,อาร์ตูโร วิดาล,อันเดรีย ปีร์โล,ปอล ป็อกบา,คาร์ลอส เตเบซ,เฟร์นันโด ยอเรนเต,เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ

ด้านเกมที่น่าสนใจในกลุ่ม เอ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดรัง โอลด์แทร็ฟเฟิร์ด รับการมาเยือนของ เรอัล โซเซียดาด ทีมจากลาลีกา สเปน ซึ่งในนัดนี้ เดวิด มอยส์ เทรนเนอร์เจ้าถิ่นส่ง เวย์น รูนีย์ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ แดนกลางมี ชินจิ คากาวะ ลงเป็นตัวจริง

ผลปรากฏว่าเปิดฉากครึ่งแรกได้เพียงนาทีเศษ แมนฯยู ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เวย์น รูนีย์ เลี้ยงบอลจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วตวัดยิงเต็มข้อบอลพุ่งไปชนเสาไกลเด้งมาหน้าประตูก่อนโดนหน้าแข้ง อินญิโก มาร์ติเนซ แนวรับทีมเยือน บอลเปลี่ยนทางกลายเป็นทำเข้าประตูตัวเอง


จากนั้นก็เป็นเจ้าถิ่นที่ทำเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยมจนเกือบได้ประตูที่สองใน น.20 ในจังหวะที่ ไรอัน กิกส์ เปิดบอลให้ ชิชาริโต โขกตุงตาข่ายแต่น่าเสียดายที่โดนจับล้ำหน้าทำให้จบครึ่งแรกผลสกอร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง


กลับมาต่อในครึ่งหลัง "ปิศาจแดง" ยังคงเหนือกว่าและเกือบจะมีประตูใน น.64 รูนีย์ แทงทะลุช่องให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย หลุดเข้าไปยิงชนเสาบอลกระเด้งมาเข้าทาง ชินจิ คากาวะ ซ้ำแต่ติดบล็อก และในช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯยู ก็ยังมีโอกาสได้ลุ้นทำประตูหลายจังหวะแต่ก็ไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะ เรอัล โซเซ๊ยดาด ไป 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนนรั้งตำแหน่งผู้นำกลุ่ม

สำหรับเกมไฮไลท์ในกลุ่ม ดี "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เปิดรังเอาชนะ วิคตอเรีย พิลเซน ไปอย่างขาดลอย 5-0 โดยมาได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจุดโทษ น.25 และก็เป็น ฟรองค์ ริเบรี ที่สังหารไม่พลาด จากนั้น น.37 บาเยิร์น ก็มาได้ประตูที่สองจากลูกยิงนอกกรอบเขตโทษของ ดาบิด อลาบา ทำให้้ในครึ่งแรก บาเยิร์น มิวนิค นำไปก่อน 2-0


ในครึ่งหลัง น.61 ฟรองค์ ริเบรี จัดการทำประตูที่สามให้กับทีมและยังเป็นประตูที่สองของเขาในเกมนี้ จากจังหวะที่หักหนีตัวประกบแล้วซัดผ่านผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างงดงาม และหลังจากนั้น 3 นาที บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ก็จัดการทำประตูที่สี่ให้กับทีม ยังไม่พอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ "เสือใต้"ก็มาได้ประตูปิดท้ายจาก มาริโอ เกิทเซ ทำให้ทีมเอาชนะไปอย่างขาดลอย 5-0 คว้าชัย 3 นัดติดมี 9 คะแนนเต็มนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ดี

สรุปผลการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

กลุ่ม เอ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ชนะ เรอัล โซเซียดาด (สเปน) 1-0
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (เยอรมัน) ชนะ ชัคเตอร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน) 4-0

กลุ่ม บี
เรอัล มาดริด (สเปน) ชนะ ยูเวนตุส (อิตาลี) 2-1 
กาลาตาซาราย (ตุรกี) ชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) 3-1

กลุ่ม ซี
อันเดอร์เลช (เบลเยียม) แพ้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) 0-5
เบนฟิกา (โปรตุเกส) เสมอ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 1-1

กลุ่ม ดี
ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย) แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) 1-2
บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) ชนะ วิคตอเรีย พิลเซน (เช็ก) 5-0

ขอบคุณเนื้อหา thairath.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=3&news_id=30633&page=1