กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

"การยกระดับการชุมนุม โดย ยุบเวทีที่ "สามเสน" มาเป็นเวทีที่ถนนราชดำเนินกลางแทน เพราะจำนวนมวลชนที่เข้าร่วมเรียกร้อง หรือ คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีจำนวนมากขึ้น ทำให้สถานที่คับแคบ จึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ จำนวนของพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วม "ผมคิดถึงถนนราชดำเนินอยู่แล้ว เราจะสู้อะไรทั้งปี ทั้งชาติ จะต้องดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนจะได้กลับไปทำมาหากิน งานนี้รับรองว่า ประชาชนต้องชนะ

ส่วนที่มีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมถึงกับ "ร้องไห้" ก็เห็นว่า สมควร ร้องไห้ เพราะทำในสิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร ไม่ถูกต้อง ส่วนจะมีการขยายพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาลนี้ หรือไม่นั้น ก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน  แต่ทั้งหมดยังต้องขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่วันนี้ ยืนยัน เราทำไปทั้งหมด เพื่อต่อต้าน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมล้างผิด ให้คนโกงเท่านั้น" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป. ในฐานะแกนนำม็อบ กล่าว...


จากนี้เป็นต้นไปม็อบปชป. กลายเป็นม็อบไม่อาจดูแคลนได้ หลังจากถูกเยาะเย้ย จากรัฐบาลเพื่อไทยมาหลายครั้ง ว่า เป็นเหมือน "ฟืนเปียกที่ไม่อาจจุดติด" ยิ่งเมื่อมาได้เสียงแนวร่วมอย่างชัดเจน จาก ทั้งองค์กรการเมือง ธุรกิจต่างๆ สถาบัันการศึกษา หรือแม้แต่องค์กรสื่อมวลชน จำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย   

ซึ่งแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนเป็นจำนวนไม่น้อย ก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วย เช่นกันกับพ.ร.บ.สุดซอย ของคณะกรรมธิการ ส.ส. เสียงข้างมากของรัฐบาล ถึงขนาดออกมาต่อต้าน

ก็อย่างที่ นายปริญญา เทวานฤมิตร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาให้ความคิดเห็นกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า ที่หนักที่สุดสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามอย่าง พวกขาประจำหน้าเดิม อย่าง ปชป. คปท. หรือ พธม. แต่ที่น่าหนักใจที่สุดก็คือพวกกากี่นั้น คนกันเอง อย่างกลุ่มคนเสื้อแดง


ซึ่งก็มีปรากฎการณ์ชัดแล้วว่า ทำให้รัฐบาลเพื่อไทย ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ถึงกับ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" ถ้าเป็นภาษาชาวบ้าน เรียกว่า ถึงกับเริ่ม"เมาหมัด เต้นไม่ออก มีอาการหน้ามืด เซถลา" ทำให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคปชป.และแนวร่วมฯจับทางได้ หลังจากคลำเป้าไม่เจอมานาน  รีบประเคนหมัดเด็ดกะน็อกด้วยการประกาศยกระดับการชุมนุมเป็นทิวแถว เร่งเคลื่อนไหวเพิ่มแรงกดดันใส่รัฐบาลแบบไม่ยั้ง เมื่อมีโอกาสทองทันที

ด้านหนึ่ง ก็ต้องยอมรับว่า น่าจะเกิดจาก ความชะล่าจนได้ใจของฝ่ายรัฐบาลเอง ที่นึกว่าฝ่ายต้านอ่อนแรงมากแล้ว ควรเร่งเผด็จศึก ทะเล่อทะล่า เข็น พ.ร.บ.นิรโทษฉบับสุดซอยออกมา หวังผ่านก.ม.ช่วย"นายใหญ่"เต็มที่ เหลิงว่าตัวเองมีอำนาจ และมือในสภาฯมากกว่า ก็นึกว่าจะทำอะไรก็ได้ ประกอบกับเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา ก็ทำสำเร็จมาตลอด ทั้งพ.ร.บ.เงินกู้2 ล้านล้าน แก้รธน.ที่มาส.ว. แก้ม.190 ก็เลย ย่ามใจ คิดว่า "หมู" ไปเสียทุกเรื่อง


ขณะที่อีกด้าน ก็ต้องยอมรับว่า ร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯฉบับสุดซอยนี้ มีปัญหามาก ทั้งด้าน ความชอบธรรม ความถูกต้องในหลักนิติรัฐ นิติธรรม รวมไปถึงหลักการของกฎหมาย ที่ปกติไม่มีประเทศไหนในโลกที่เจริญแล้ว จะนิรโทษความผิดยกเข่งรวมไปถึงคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ศาลตัดสินแล้ว แถมส่อว่าจะขัดต่อรธน.ด้วย  มันก็เลยสะท้อนกลับกลายเป็นมูมเมอแรง พุ่งเข้าใส่รัฐบาลอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หรือจะบอกว่า ความหวังล้างผิดยกแข่งต้องพังครืนลงในพริบตา

ประเด็น พ.ร.บ.นิรโทษฯนี้ ร้อนหรือไม่ ไม่ต้องดูอื่นไกล ขอให้ดูที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี แค่คนเดียวก็รู้แล้ว เมื่อวานปรากฎหมายงานพิเศษ ขึ้นมาทันที มีกำหนดการ ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม จังหวัดแถบชายทะเล ภาคตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 5-7 พ.ย.ทันที ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตว่า ตอนแรกไม่เห็นปรากฎว่ามีหมายงานนี้มาก่อนล่วงหน้าเลย เพิ่งมามี ก็ตอนที่ม็อบต่อต้านได้หัวเชื้อ และกลับมีพลังขึ้นมานี่ละ

ที่น่าจับตาจากนี้ไป คือ รัฐบาลจะแก้ และหาทางออกจากปัญหาร้อนที่ตัวเอง เป็นผู้ผูกเอาไว้ได้อย่างไร โดยเฉพาะ โฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหว ของคนสำคัญอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ "นายใหญ่" รัฐบาลชุดนี้ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะส่งสัญญาณ อะไรออกมา จะเดินหน้าลุยต่อ หรือ เป็นไอ้เสือถอย


ขณะที่ฝ่ายต่อต้าน และแนวร่วมฯเอง ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอง ก็ต้องกลับไปคิดเหมือนกันว่า จะเดินแกมไปในทิศทางไหนต่อ หลังจากฝ่ายต้านเพิ่งจะเริ่มกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบรัฐบาล  คงต้องคิดให้ดี เพราะต้องไม่ลืมว่า การขับเคลื่อนม็อบ มันต้องใช้ศิลปะ และจังหวะขั้นสูง ต้องมีความพอดี

หากเร่งรีบ หวังจะเผด็จศึกมากจนเกินไป ก็ขอให้ดูการ ดัน พ.ร.บ.นิรโทษฯฉบับสุดซอยของรัฐบาล ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเป็นตัวอย่าง ที่ตอนนี้ มีเค้าลางชัดว่าอาจจะพังไม่เป็นท่า เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกคว่ำ ตั้งแต่ชั้นประชุมวุฒิสภา อาจไม่ต้องรอไปถึงศาล รธน. อย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ตอนแรกแล้ว เพราะท่าทีที่เร่งรีบมากผิดปกติจนเกินไปของรัฐบาล ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ รับกับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้ ขนาดแม้แต่พวกเดียวกันเอง ก็ไม่เว้น


สถานการณ์การเมือง ถึงตอนนี้ ก็ได้แต่หวังว่า ไม่ว่าจุดจบกรณีนี้ จะออกมา เป็นอย่างไร  ก็ขอให้ทุกฝ่าย ยึดแนวทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม และถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้ทุกอย่าง จบลงด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีความรุนแรงใดเกิดขึ้นกับประเทศ อย่าให้ถึงขั้น"เลือดตกยางออก" ตามกลับมาหลอกหลอนอีกเลย...บอกจริงๆว่า ถึงนาทีนี้ กลัว !!


ขอบคุณเนื้อหา : ไทยรัฐ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=30887&page=1

บางคนที่มา อาจไม่ใช่ ขาของ ปชป แต่มาเพราะเห็นว่าเสียงข้างมากลุอำนาจเกินไปเลยอยากสั่งสอน  แม้แต่ ปชป ก็ระวังไว้เถิด อย่าได้ลุแก่อำนาจให้ฟังๆประชาชนบ้าง    ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย   เป็นประชาธิปไตยของไทยทุกส่วน อยู่ยืนยงดำรงไว้ได้ทั้งมวล   ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด   เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี   เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย        ( เพลงชาติแบบเก่าก็เขียนไว้เรื่อง ประชาธิปไตย)