กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

แล้วก็เป็นไปตามคาด คล้อยหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงอย่างเป็นทางการผ่านสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 และช่อง 11 กรณี ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ที่ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างวาระ 2 และวาระ 3 ที่กลายมาเป็นชนวนสำคัญทำให้ม็อบต่อต้านนิรโทษฯจุดติด และลุกลามออกไปเป็นเหมือน "ไฟลามทุ่ง" แบบยากหยุดยั้งได้


โดยนายกรัฐมนตรี แถลงยอมรับว่า รัฐบาล พร้อมยอมรับที่ประชุม "วุฒิสภา" โหวต พ.ร.บ.ร่างนิรโทษฯได้เต็มที่ ไม่ว่า ผลสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมน้อมรับ ยืนยัน ไม่มีการใช้เสียงข้างมาก ฝืนความรู้สึกประชาชนเด็ดขาด



จากนั้น เพียงไม่กี่ชั่วโมง ความอึมครึมโดยเฉพาะประเด็น ที่ม็อบฝ่ายต้านอย่าง ปชป.พยายามจุดอยู่หลายวัน ทั้งกดดัน ทั้งอ้อนวอน กรณีขอให้สมาชิกวุฒิสภา  ร่วมกันโหวตฯคว่ำ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับยกเข่ง ก็เป็นผลขึ้นมาทันตา เมื่อ นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา ประธานวุฒิสภา นำ ส.ว.สายเลือกตั้ง ทั้งนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร นายปัญญา เบ็ญจศิริวรรณ ส.ว.สรรหา ว่ากันว่า มากกว่า 30 คน ออกมาแถลง ยืนยันว่า ส.ว.สายเลือกตั้ง คงไม่อาจปล่อยให้ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษ ฉบับเจ้าปัญหาผ่านไปได้ ดังนั้น ก็จะร่วมกันโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวในวันที่ 11 พ.ย.นี้ อย่างแน่นอน

"2-3 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเกิดปรากฏการณ์มีประชาชน หน่วยงาน องค์กร และมหาวิทยาลัยต่างๆ ออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ผ่านความเห็นชองจากสภาผู้แทนราษฎร ส่งต่อมาให้วุฒิสภาพิจารณา ขอชี้แจงว่าอำนาจหน้าที่วุฒิสภาเมื่อรับร่างพ.ร.บ. มาจากสภาผู้แทนฯแล้ว จำเป็นต้องพิจารณา ไม่สามารถปัดตกหรือไม่หยิบมาพิจารณาได้ แต่ยืนยันว่าวุฒิสภาจะไม่มีการพิจารณา 3 วาระรวด โดยจะพิจารณากันอย่างรอบคอบ โดยหวังว่า ส.ว.จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะเราคำนึงถึงเสียงสะท้อนของประชาชนที่มีความเห็นหลากหลาย และเพื่อทำให้บรรยากาศทางการเมืองเดินหน้าไปอย่างเรียบร้อย ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศชาติ เราจะยับยั้งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว แล้วตีกลับไปยังสภาผู้แทนฯ จากนั้นต้องรออีกอย่างน้อย 180 วัน ถึงจะนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งได้" นายนิคม กล่าว ...


ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปกับบทสัมภาษณ์ของ คนคนเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ก็ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน นายนิคม ยังออกมาให้สัมภาษณ์ สื่อฯว่า มีความเป็นไปได้ หากวุฒิฯอภิปรายเสร็จเร็ว ก็สามารถโหวตผ่าน 3 วาระได้ทันที ขณะกระแสต่อต้านร่างฯดังกล่าว จะทำให้ที่ประชุมวุฒิสภา ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯออกได้หรือไม่นั้น ยังไม่ขอประเมิน คงต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายก่อน จากนั้น จึงจะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในหลักการ



อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นด้วยกับการปรองดอง และขอให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ให้อภัยกัน พร้อม ยอมรับนักการเมืองเป็นส่วนหนึ่ง ของเหตุความขัดแย้ง จึงมองว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยลดความขัดแย้ง ให้คลี่คลายปัญหาของบ้านเมืองลง

แน่นอน หลายคนอาจสงสัย เวลาห่างกันเพียงไม่กี่วัน เหตุใด เนื้อหาคำให้สัมภาษณ์มันถึงช่างแตกต่างกันชนิด "หน้ามือเปลี่ยนเป็นหลังมืิอ" เช่นนี้  ความจริงหากเข้ากันไปดูลึกๆ ก็จะพบว่า มันก็ไม่น่าแปลกใจ เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะมีอำนาจหนึ่ง ซึ่งเป็นอำนาจที่นักการเมือง ไม่อาจปฏิเสธได้ เกิดตื่นขึ้นมา ที่ประชาชนอย่างเรามักได้ยินกันบ่อยๆ ในช่วงเลือกตั้งว่า "เสียงประชาชน คือ เสียงสวรรค์ที่ทำให้ชนะเลือกตั้ง และถือเป็นฉันทานุมัติจากมหาชน" คือ กระแสอำนาจของพี่น้องประชาชนที่พุ่งเข้ามากดดัน เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของพลังมวลชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ซึ่งต่างออกมา ต่อต้านและคัดค้านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวพร้อมกัน โดยไม่ได้นัดหมาย


กลายเป็นพลังที่ไม่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธ หรือ เบือนหน้าหนี ไม่ว่าคนนั้น หรือ องค์กรเหล่านั้น จะมีอำนาจ มีบารมีทางการเมือง มากมายขนาดไหนก็ตาม

ขณะที่ อีกฟากฝั่ง ที่เรียกได้ว่าขณะนี้มีความรู้สึก แตกต่างกันแบบ"ราวฟ้ากับเหว"อย่างเห็นได้ชัด ก็คือ ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล อย่าง พรรคปชป.หรือ กลุ่ม 40 ส.ว. ไม่ว่า จะเป็นนายสมชาย แสวงการ นายคำนูณ สิทธิสมาน นางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ หรือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ออกมาต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ มาตั้งแต่ต้น โดยยังยืนยัน อยู่เหมือนเดิมว่า อย่างไรก็ไม่เห็นด้วยร่างฯดังกล่าว เพราะขัด หลักนิติรัฐ นิติธรรม และสุ่มเสี่ยงที่จะขัด รธน. หลายมาตรา

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาลเอง หากไม่เป็นการหลอกตัวเองจนเกินไป ก็ต้องยอมรับว่า กรณีที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นตรงกันและรู้สึกว่า ต้องออกมาแสดงพลัง  ก็เพราะ คนส่วนใหญ่ เห็นว่า ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยนี้  มีเป้าหมายต้องการไปนิรโทษฯ ให้กับคนที่มีความผิดใน คดีทุจริตคอร์รัปชัน ในที่นี้ก็หมายรวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย ไม่นับรวมคดีความผิดทางอาญา หรือการก่อการร้าย ซึ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเป็นกลางทางการเมือง องค์กรธุรกิจ สถาบันการศึกษา ยอมไม่ได้ ต้องออกมาแสดงพลังคัดค้านกันเต็มที่ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ไปในที่สุด




อานิสงส์ ตกสู่ใคร? ในพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

"คดีเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน ตั้งแต่ก่อนและหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรมโดยเด็ดขาด นักการเมืองโกงกินคอร์รัปชันแล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้ตัวเอง เท่ากับว่าเราสนับสนุนให้คนชั่วโกงกิน ล้างผิดตัวเองได้ ต่อไปนักการเมือง ก็ทำด้วยวิธีการเหล่านี้ ถือว่า การกระทำแบบนี้บัดสีและอัปยศที่สุด" นายวันชัย สอนศิริ กล่าวไว้เมื่อช่วงต้นปี 2556



จากนี้ไป หากข้ามขั้นตอน ส.ว.ที่ประกาศ จะคว่ำ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าว จะกลับลงไปที่สภาผู้แทนราษฎร อีกครั้ง กฎหมายให้ระยะเวลา 180 วัน ถึงจะนำกลับมาพิจารณาได้ ถึงตอนนั้นเชื่อว่า สังคมจะยิ่งจับตามองแบบไม่กะพริบว่า ส.ส.โดยเฉพาะ ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะมีความจริงใจ ดำเนินการให้เป็นไปตามคำพูด มากน้อยเพียงใด

โดยจะให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ตกไปเลย หรือ ยังจะค้างไว้รอการพิจารณาไว้ หรือ อาจเป็นอย่างที่มีคน เริ่มออกมาดักทางว่า สภาฯอาจจะพิจารณา ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เตรียมเสนอกลับเข้าไปใหม่

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง รัฐบาลพรรคเพื่อไทย อาจ"จอดไม่ต้องแจว" เพราะคราวนี้ประชาชน คงจะไม่ให้โอกาสแก้ตัวอีกแล้ว ก็เป็นได้ และนั่น คือ สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ต้องพึงระวังและเตือนสติตัวเองด้วยว่า อย่าได้คิดสับขาหลอกประชาชน เพราะ สุดท้าย อาจได้ไม่คุ้มเสีย...



ขอบคุณเนื้อหา  : ไทยรัฐ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=30925&page=1

ประชาชนต้องพึ่งประชาชนด้วยกันเองเท่านั้นที่จะรักษาประเทศชาติร่วมกันได้

ดูสิสมัยหน้าจะเป็นอย่างไร อะไรๆก็เห็นชัดเจนแล้วนะ...

.


..Sun rises, why not arise !!


..อาทิตย์ยังคงฉายแสง เราจะสิ้นเรี่ยวแรงได้ไฉน???


...เป็นกำลังใจให้ผู้กล้าหาญทุกท่านนะขอรับ...