ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

นปช.กร้าว-เปิดเกมสู้ ให้แก้ทั้งฉบับ

เริ่มโดย itplaza, 12:33 น. 21 พ.ย 56

itplaza

มติตุลาการ6/3 ร่างส.ว.ขัดรธน. ระบุสภาผัวเมีย 'ถอยลงคลอง' ปชป.ได้ทีขย่ม จี้'ปู'รับผิดชอบ

ตุลาการศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากชี้ขาดกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญชัดเจน ย้ำหลักฐานชัดมีการเสียบบัตร-ลงคะแนนแทนกันของสมาชิกรัฐสภา ก่อนจะเปิดช่องหายใจให้พรรค การเมือง ไม่ถึงขั้นยุบพรรคการเมือง-เพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค เหตุเพราะไม่เข้า เงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ "นายกฯปู" โล่งลุ้นระทึก ฟังศาล รธน.วินิจฉัยก่อนปิดปากไม่ขอแสดงความเห็น "จารุพงศ์" ฉุนรับไม่ได้ ส.ว. ลากตั้ง ระบุผลคำวินิจฉัย ของศาลทำให้สังคมแตกร้าวเพราะบางฝ่ายเห็นด้วยกับอำนาจที่มาจากคนเพียงไม่กี่คน ฝ่ายค้านได้ทีไล่บี้ "นายกฯ" แสดงสปิริตต้องรับผิดชอบ อย่าลอยตัวเหนือปัญหา "สุเทพ" ขย่มซ้ำ "นายกฯ" ดื้อไม่ฟังเสียงทักท้วง ก่อนนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมหอบรายชื่อถอดถอน ส.ส. 312 ยื่นวุฒิสภา "เสื้อแดง" น้ำตาไหลพรากก่อน เฮลั่นไม่ยุบพรรค

อุณหภูมิทางการเมืองคลายความตึงเครียดลง ทันที ภายหลังกลุ่มพลังมวลชนเฝ้าจับตาการตัดสินวินิจฉัยของศาล รธน. ตามคำร้องคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มา ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญ กระทั่งในที่สุดตุลาการ ศาล รธน. นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ถึงที่มาของ ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 พร้อมกับยกคำร้องยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคโดยถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขของ รธน.

ตุลาการประชุมเครียดก่อนวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เวลา 08.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ได้มีกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยปฏิบัติการควบคุมฝูงชนรวม 4 กองร้อยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจ ภูธรภาค 1 ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในอาคาร ศูนย์ราชการฯ ทั้งนี้ ได้ติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดและ จอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ตามจุดต่างๆให้กลุ่มมวลชนได้ติดตามการอ่านคำวินิจฉัย

ต่อมา เวลา 09.30 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว. ตามที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กับคณะ นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กับคณะ นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กับคณะ และ นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอให้วินิจฉัยกรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รอง ประธานรัฐสภา กับพวก รวม 312 คน เข้าชื่อเสนอ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ไม่ชอบทั้งในเชิงรูปแบบกระบวนการและเนื้อหาอัน เป็นสาระสำคัญว่า ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่งหรือไม่

ศาลชี้แก้ไขที่มา ส.ว.ขัดต่อ รธน.

กระทั่งเวลา 13.25 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. เข้าข่ายเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 68 วรรค หนึ่ง หรือไม่ โดยศาลได้มอบหมายให้นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย เบื้องต้นเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการวินิจฉัยเกี่ยวกับ กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดประเด็นการพิจารณาไว้ 2 ประเด็น คือ 1. กระบวนการพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... มีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ และ 2. การแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ....มีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญนี้หรือไม่

ชี้หลักฐานชัดสมาชิกเสียบบัตรแทน

ทั้งนี้ศาลพิจารณาแล้วมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียงวินิจฉัยว่า กระบวนการพิจารณา และการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้อง เป็นการกระทำที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 มาตรา 125 วรรค 1 วรรค 2 มาตรา 126 วรรค 3 มาตรา 291 และมาตรา 3 วรรค 2 โดยการพิจารณาศาลได้ระบุว่า เอกสารร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการแก้ไขข้อความในบันทึกหลักการและเหตุผลของร่าง จากการตรวจสอบ มีการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงหลายประการ ทำให้เชื่อได้ว่า ไม่ใช่ร่างของนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้เสนอร่างต่อสภา อีกทั้งมีการย่นระยะเวลาการแปรญัตติและรวบรัดไม่ให้สมาชิกที่สงวนการแปรญัตติ 57 คน ได้อภิปราย และมีหลักฐานชัดเจนว่า มีการเสียบบัตรแสดงตน และลงคะแนนแทนกันของสมาชิกรัฐสภา จึงเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

มติ 5 ต่อ 4 ฝ่าฝืนมาตรา 68 วรรคหนึ่ง

ตุลาการศาล รธน.ยังมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว. มีเนื้อความที่เป็นสาระสำคัญ ขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นการกระทำเพื่อให้ผู้ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้ เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง เพราะเมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาของการแก้ไขคุณสมบัติผู้ที่จะลงสมัคร ส.ว. ให้สามารถเป็นคู่สมรสหรือบุตร ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้ ส.ว.ที่จะหมดวาระไม่ต้องเว้นวรรค สามารถรับสมัครเลือกตั้งได้ทันที ถือว่าเป็นการทำให้องค์กรวุฒิสภาที่รัฐธรรมนูญให้เป็นองค์กรถ่วงดุลสูญเสียไป และเป็นการเปิดช่องให้ผู้ที่สามารถควบคุมเสียงข้างมากในองค์กรวุฒิสภา ใช้อำนาจกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ยกคำร้องยุบพรรคไม่เข้าเงื่อนไข

นอกจากนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ยังเป็นการกลับไปยังจุดบกพร่องในอดีต และเป็นการพยายามนำประเทศถอยหลังลงคลอง ทำให้สภากลับไปเป็นญาติพี่น้อง สภาครอบครัว และสภาผัวเมีย สูญเสียศักยภาพ สติปัญญาให้แก่สภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเปิดช่องให้ผู้ร่วมการกระทำครั้งนี้กลับได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่มิได้ไปในวิถีทางที่รัฐธรรมนูญนี้บัญญัติไว้ ส่วนกรณีผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมือง ศาลเห็นว่ายังไม่เข้าเงื่อนไข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 (3) และ (4) จึงให้ยกคำร้อง ทั้งนี้ศาลได้ใช้เวลานานกว่า 40 นาที ในการอ่านคำวินิจฉัย บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

เผยชื่อตุลาการลงมติแก้ที่มา ส.ว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติ 6 ต่อ 3 เสียง ที่เห็นว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มา ส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญ โดยเสียงข้างมาก ประกอบด้วย นายจรูญ อินทจาร นายจรัญ ภักดีธนากุล นายนุรักษ์ มาประณีต นายบุญส่ง กุลบุปผา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ส่วนเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ส่วนมติ 5 ต่อ 4 เสียง ที่เห็นว่าฝ่าฝืนมาตรา 68 วรรคหนึ่ง โดยเสียงข้างมาก ประกอบด้วย นายจรูญ อินทจาร นายจรัญ ภักดีธนากุล นายนุรักษ์ มาประณีต และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ส่วนเสียงข้างน้อย ประกอบด้วยนายเฉลิมพล เอกอุรุ นายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี นายบุญส่ง กุลบุปผา

"จารุพงศ์" ลั่นรับไม่ได้ศาลอิง รธน.50

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า เห็นได้ชัดว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 50 ดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 40 และเห็นว่าการสรรหา ส.ว.จะช่วยถ่วงดุลได้ดีกว่า ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้ตนอยากตั้งคำถามกลับว่าการสรรหา ส.ว.ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยตรงไหน เมื่อการสรรหามาจากคนเพียง 7 คน จะดีกว่าการให้สิทธิคนทั้งประเทศเลือก ส.ว.ได้อย่างไร โดยส่วนตัวจึงรับไม่ได้กับคำวินิจฉัยดังกล่าว โดยเฉพาะการเอาประเด็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การกดบัตรแทนกัน ซึ่งเป็นการกระทำเพียงไม่กี่เสียง แต่การลงมติทั้งหมดมีคะแนนเสียงชนะมากกว่าที่เกิดขึ้น

ชี้สังคมแตกร้าวเพราะคนไม่กี่คน

นายจารุพงศ์กล่าวว่า ผลคำวินิจฉัยของศาลจะทำให้สังคมแตกร้าวและแบ่งแยกชัดเจนเพราะฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับอำนาจที่มาจากประชาชน แต่ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับอำนาจที่มาจากคนเพียงไม่กี่คน ตนจึงรับไม่ได้เชื่อว่าความแตกแยกทางความคิดที่มีอยู่จะรุนแรงกว่าเดิม  เพราะประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิในการเลือก ส.ว.จะรับไม่ได้กับคำวินิจฉัย เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบต่อคำวินิจฉัยอย่างไร นายจารุพงศ์ตอบว่า ยังไม่ได้คุยกันว่าจะมีผลที่ตามมาอย่างไร แต่เชื่อว่าคำวินิจฉัยที่ออกมาตุลาการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ขณะที่รัฐบาลจะรับผิดชอบต่อคนที่เป็นเสียงข้างมากจำนวน 63 ล้านคน ซึ่งสำคัญกว่าความเห็นของคนเพียงไม่กี่คน

"จารุพงศ์" รับไม่ได้ ส.ว.ลากตั้ง

ที่พรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งก่อนประชุมพรรคเพื่อไทยว่า พรรคได้สัญญากับประชาชนว่าเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ  แต่พอเราทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน ขยับทีไรเป็นเรื่องทุกที จนที่สุดต้องระงับไว้ 2 ปี ตอนนี้ครึ่งทางแล้วหากไม่เดินหน้าต่อไปคงไม่ได้ และก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญก็บอกให้เราแก้รายมาตรา จึงแก้มาตราสำคัญคือ ที่มา ส.ว. ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แต่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเลือกตั้งทั้งหมดแบบรัฐธรรมนูญปี 40 สู้แบบรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ต้องเดินหน้าต่อ แต่จะเดินหน้าอย่างไร ทางพรรคก็ต้องคุยกันก่อน

"มันจะต้องก้าวไปสู่ระบอบประชาธิปไตย มันรับไม่ได้ที่บอกว่า  ส.ว.สรรหา ดีกว่า ส.ว.ที่ประ– ชาชนเลือกตั้งมา  แล้วบอกว่าเป็นสภาผัวเมียนั้นรับไม่ได้ ก็ต้องสู้กันต่อไป แต่ต้องสู้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง" นายจารุพงศ์กล่าว

"โภคิน" งงคำวินิจฉัยศาลไม่ถูกหลัก

นายโภคิน พลกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยในเรื่องนี้และการแก้ไขดังกล่าวผิดทางเทคนิค ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่ไม่ตัดสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค หรือยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้อธิบายเหตุผลไว้  จึงดูแปลกๆ การที่รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคล แต่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ ดังนั้น การรับ คำร้อง และวินิจฉัยเรื่องนี้ ถือว่าจงใจกระทำขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง  อย่างไรก็ตาม การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องและวินิจฉัยจะถูกต้องหรือไม่  และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเหมาะสมหรือไม่  เป็นปัญหาทางการเมืองที่ประชาชนจะตัดสิน ว่าอยากมีรัฐ– ธรรมนูญแบบไหน หากแก้แล้วไม่ถูกใจ เมื่อมีการเลือกตั้งคราวหน้าประชาชนก็ไม่เลือกเอง  หากเป็นอย่างนี้บ้านเมืองจะวุ่นวาย

พท.บอกไม่เสียหาย แค่เหนื่อยฟรี

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  แต่ก็ไม่ตัดสินถึงขั้นยุบพรรค คำตัดสินศาลในเรื่องกระบวนการแปรญัตติ การเสียบบัตรแทน เป็นประเด็นเล็กน้อยที่เข้าใจได้ แต่ยอมรับว่ารู้สึกติดใจที่ระบุว่ามีการรวบรัด  รวบอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  แสดงว่ารัฐสภาไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนได้เลย ส่วนประเด็นสภาผัว-เมีย นั้น เห็นว่าหากประชาชนเป็นผู้เลือกคนเข้ามาทำหน้าที่ก็ต้องเคารพเสียงประชาชน เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ก็เป็นเครือญาติ สามี ภรรยา และบุตรเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมืองกันทั้งนั้น

"การที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อเจตนารมณ์การถ่วงดุลอำนาจนั้น แสดงว่าเราไม่สามารถแตะต้องรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ได้เลย อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเราทำอะไรไม่ได้เลย แต่เชื่อว่ากฎหมายเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็แก้ไขได้เอง ก็ถือซะว่าที่ผ่านมาเราทำงานเหนื่อยฟรีไปแล้วกัน" นายสมคิดกล่าว

"นิคม" มึนยังไม่รู้เอาไง–ย้ำเป็นโมฆะแล้ว

นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาล รธน.ว่า กฎหมายฉบับนี้ถือว่าเป็นโมฆะและสูญเปล่า ส่วนกระบวนการนำร่างฯขึ้นทูลเกล้าฯเป็นหน้าที่ของนายกฯตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ยืนยันว่าจะไม่มีการนำร่างฯนี้มาพิจารณาใหม่ แต่จากคำวินิจฉัยที่ออกมาก็ยังงงอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และที่ศาลเห็นว่ากระบวนการผิดคงต้องไปตรวจสอบว่าผิดตรงไหนแล้วคงปรับแก้ให้มีความชัดเจนขึ้น ยืนยันว่าทำหน้าที่ตามข้อบังคับการประชุม เมื่อมีผู้เสนอปิดอภิปรายก็ต้องปฏิบัติ หากคิดว่าตนทำผิดก็คงต้องไปแก้ไขข้อบังคับการประชุมเพื่อให้เกิดความชัดเจน หากจะมีคนยื่นถอดถอนก็พร้อม เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้สมาชิกรัฐสภาและกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล นายนิคมตอบว่า ยืนยันว่าการออกกฎหมายเป็นหน้าที่ของ ส.ส.และ ส.ว. ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ก็ต้องมานั่งคุยกัน

"นายกฯ" นั่งหน้าจอลุ้นผลวินิจฉัยที่มา ส.ว.

เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เดินทางเข้าที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติแต่ปรับเปลี่ยนการรักษาความปลอดภัยเล็กน้อย ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงใช้รถโฟล์คตู้ ทะเบียน ฮภ 2924 กรุงเทพมหานคร คันเดิม โดยมีการนำรถเรนจ์โรเวอร์กันกระสุนสีดำ ทะเบียน ฌร 7771 กรุงเทพมหานคร มาใช้เป็นรถติดตามในขบวนเนื่องจากรถฟอร์จูนเนอร์คันเดิมนำเข้าตรวจเช็กสภาพ

ต่อมาเวลา 09.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานการประชุมคณะทำงานกำกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจครั้งที่ 21/2556 โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิษฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่ไปนั่งติดตามการถ่ายทดสดผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกับนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทยและทีมงานในตึกไทยคู่ฟ้า

นายกฯนำตุลาการศาลทหารเข้าเฝ้าฯ

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางไปที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) เพื่อนำคณะตุลาการศาลทหารเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับหน้าที่ ณ ท้องพระโรงศาลาเริง วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี ผบ.เหล่าทัพร่วมเดินทางอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ ก่อนเดินเข้าไปในห้องรับรองพิเศษท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญในส่วนรัฐบาลจะดำเนินการต่อไปอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แต่หันมายิ้มให้ผู้สื่อข่าว ก่อนตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆว่า "เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องก่อนนะคะ" จากนั้นก็เดินเข้าห้องรับรองพิเศษไปทันที

"พงศ์เทพ" ตั้งแง่ศาล รธน.ไม่มีอำนาจ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า ศาลพยายามวินิจฉัยออกมาไม่ให้คนรู้สึกว่าถูกกดดันจนเกินไป จุดหลักตอนนี้คือศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคดีนี้ไว้หรือไม่ ส่วนเหตุผลรายละเอียดค่อยมาว่ากัน บางประเทศที่สุดๆ ไม่รับอำนาจองค์กรต่างๆมีเยอะแยะ วินิจฉัยในเรื่องที่ไม่มีอำนาจ องค์กรอื่นก็บอกว่าไม่รับอำนาจคุณเหมือนกัน แต่ตรงนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงรู้ดีว่าหากไปไกลกว่านี้อาจเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศที่เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญได้ เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีนำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า นายกฯ มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ทำอะไรผิดอยู่แล้ว

ปชป.ขอทุกฝ่ายรับคำวินิจฉัยศาล รธน.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และคณะทำงานด้านกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ศาล รธน.วินิจฉัยกรณี 312 ส.ส.และ สว.ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.ตามมาตรา 68 ว่า ขอให้ทุกฝ่ายน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลที่ระบุชัดเจน และสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการของการใช้เสียงข้างมากปิดปาก ปิดการตรวจสอบแสดงออกของเสียงข้างน้อย ดังนั้น การมีเสียงข้างมากในสภาแล้วจะทำอะไรก็ได้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะทุกขั้นตอนของเสียงข้างมากที่ร่วมกันผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญล้วนแต่ทำผิดขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลได้อธิบายให้ความเข้าใจถึงคำว่า นิติธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง รัฐบาลและเสียงข้างมากในรัฐสภาควรเอาคำวินิจฉัยนี้มาคิดและนำไปปฏิบัติ เพราะศาลอธิบายถึงอันตรายของเสียงข้างมากที่อาจมีผลกระทบสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ฉะนั้น อย่าใช้เสียงข้างมากทำตามอำเภอใจและขอขอบพระคุณศาลที่ช่วยปกป้องความถูกต้องของประเทศที่ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไม่ให้ถูกทำร้ายจากเสียงข้างมาก

"นิพิฏฐ์" บี้ "นายกฯยิ่งลักษณ์" รับผิดชอบ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเร่งรีบนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯ ว่า ตนเคยเตือนแล้วว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เร่งรีบดึงดันทำไปนั้นเป็นสิ่งมิบังควร และอาจเป็นที่ระคายเบื้องพระยุคลบาท บัดนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นอันตกไปทันที นายกรัฐมนตรีก็ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยไม่สามารถปัดความรับผิดชอบใดๆได้ ทั้งนี้นายกฯ ทำผิดมาหลายครั้งแต่ไม่เคยปรับปรุงแต่กลับลอยตัวเหนือปัญหา น่าเศร้าแทนประชาชนที่เลือกผู้นำผิดคนเข้ามาบริหารประเทศ ทำลายระบอบประชาธิปไตยและระบบตรวจสอบ ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เลิกทำร้ายประเทศไทยได้แล้วเพราะสิ่งที่ท่านและพี่ชายช่วยกันทำร้ายประเทศชาติถึงวันนี้ บอบช้ำมากเกินไปแล้ว ขอให้แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองด้วย

"วิรัตน์" ขู่นายกฯไม่ทำจ่อยื่น ป.ป.ช.แน่

แหล่งที่มา :

Puiey2521

รู้ว่ามันไม่ได้เป็นผลดีต่อประชาชนทั้งประเทศ กลับยิ่งทำให้นักการเมืองรวบอำนาจง่ายขึ้น เลี่ยงกฎหมายให้ตนเองไร้ความผิด ก็ยังสนับสนุนกันอยู่ได้นะพวกนี้
ทำดีแล้วโดน "ด่า" ดีกว่าพวกไม่ทำ "ห่า" แล้วด่า "คนอื่น"

นายไข่นุ้ย

ทั้งทีมหน้าบ้าเพ ช่างมาอยู่กันนะ ส.โขกกำแพง
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ผีดำ1