ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

วงเสวนา ชี้ นายกฯควร'ลาออก-ยุบสภา'ขณะ'สภาปชช.'มีแต่เพิ่มขัดแย้ง

เริ่มโดย itplaza, 15:39 น. 04 ธ.ค 56

itplaza


เหล่าคณาจารย์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แนะ การเมืองขณะนี้ นายกฯควรยุบสภา-ลาออก จะเป็นแนวทางแก้ปัญหา ส่วนข้อเสนอตั้ง "สภาประชาชน-นายกฯ ม.7" จะนำไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้น

วันที่ 4 ธ.ค. ที่สมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ 13 ภาคีภาควิชารัฐศาสตร์ จากหลายมหาวิทยาลัย ร่วมจัดเสวนา ห้วข้อ "นักเรียนรัฐศาสตร์ ประกาศทางออกประเทศ" โดยมีนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายประภาศ ปิ่นตบแต่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมเสวนา

โดยนายนครินทร์ เห็นว่า ความพยายามของส.ส.ที่ผ่าน ร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม ด้วยการลักหลับ ของ ส.ส.แล้วถูกตีกลับจาก ส.ว.เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น และควรมีคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ควรประกาศยุบสภา ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย จนถึงทุกวันนี้

ขณะที่การประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภา เป็นสิ่งที่นานาอารยประเทศ ไม่ทำกันและไม่ยอมรับ ดังนั้น ตอนนี้ นายกรัฐมนตรีควรยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนยุบแล้ว จะรักษาการ หรือ ไม่ก็อยู่ที่ดุลพินิจ แต่เห็นว่า ขณะนี้ความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อตัวนายกรัฐมนตรีเหลือน้อยแล้ว

ขณะที่นายประภาส มองว่า ประเทศไทยไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยเต็มรูปแบบได้ เพราะประชาชนยังไม่พร้อม และยังมีการใช้อำนาจทางกฎหมายไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะผู้ถืออำนาจรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลใด สิ่งที่เห็นชัดเจน คือการถ่ายโอนอำนาจให้กับพวกพ้อง มากกว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นซึ่งเป็นกลไกสำคัญสำหรับการพัฒนา ส่วนข้อเสนอเรื่องสภาประชาชนขณะนี้ เป็นการโอนอำนาจขึ้นข้างบน ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่มีความสมบูรณ์ และอาจเลวร้ายมากขึ้น เพราะไม่ใช่การกระจายสู่ระดับล่าง

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ข้อเสนอดังกล่าว ที่ต้องการให้ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 เป็นเรื่องเดิม และบุคคลเดิมเหมือนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. เท่านั้นที่หน้าใหม่  ซึ่งข้อเสนอเช่นนี้เท่ากับผลักให้แบ่งฝ่าย สร้างความขัดแย้งมากขึ้น ทั้งนี้เรียกร้องว่า อย่านำไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ 14 ตุลา เพราะต่างกัน วันนั้นคือการต่อสู้ของประชาชนกับเผด็จการทหาร แต่วันนี้ที่สังคมพัฒนาไปมาก การดำเนินอะไรย่อมมีคนได้ คนเสีย ดังนั้นข้อเสนอแบบนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไม่สามารถครอบคลุมความต้องการของประชาชนทั้งหมด ซึ่งคนเสนอต้องรับมือ

ด้านนายโกวิท วงศ์สุรวัตน์ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง ราชบัณทิตยสถาน กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่คลุกคลีการเมืองมา รู้สึกว่า วันนี่ทุกสิ่งดีขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะประเด็นการนิรโทษกรรม ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือของนักการเมืองทุกยุคสมัย แต่ปรากฏการณ์วันนี้ ทำให้เห็นว่า การนิรโทษกรรมไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปในสังคมไทย ทั้งที่ความจริงแล้ว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยระหว่างนักการเมือง ด้วยการเดินสายของคนตัวเตี้ยๆ เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ นักการเมืองที่ก่อปัญหาได้ประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ปรากฏว่า ประเด็นดังกล่าวถูกจุดติด แทนที่จะเป็นกรณีปราสาทพระวิหารตามที่คาดการณ์ไว้ ทุกอย่างจึงเป็นแบบที่เห็น ซึ่งส่วนตัวถือว่าคุ้มค่ากับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

ขอบคุณเนื้อหา thairath.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=31626&page=1

ฅ ฅน

.
ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน

..ไม่ใช่ ลาออก หรือ ยุบสภา แต่ต้องไล่มันออกไป!!!!


อย่าเรียกว่า อีโง่ แต่ต้องเรียก อีเดียต ผมหมายถึง อีลำยองนะขอรับ ส.หลก



ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.สั่งสอน

หอยโข่งแมน

ผมคิดว่าทางออกของประเทศ เราต้องพิจารณาแยกกันเป็น 3 ระยะ
ระยะสั้น ระยะกลาง  ระยะยาว
เวลามีข้อเสนอต่างๆต้องแยกให้ชัดว่าคุณกำลังเสนอทางออกในระยะไหน ถ้าเอามาพูดปนกันมันคุยกันไม่รู้เรื่องหรอกครับ

ระยะสั้น ต้องมาคิดว่าทำยังไงบ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย คนไทยไม่ฆ่ากัน ภาพลักษณ์ประเทศไม่แย่ไปกว่านี้ มีหลายทางออก เช่นเจรจากันนายกถอย ผู้ชุมนุมถอย หรือมีคนกลางมาไกล่เกลี่ย หรือองค์กรอิสระลงดาบมาเลย

ระยะยาว ปฏิรูปประเทศ ที่สะท้อนมาจากประชาชนคนธรรมดาอย่างเราๆ อย่าไปผ่านพวกนักการเมือง มาร่วมกันคิดว่า ทำยังไงจะสร้าง กรอบกติกาของระบบประชาธิปไตยของประชาชนที่แท้จริง  ที่ผ่านมามันไม่ใช่  ไม่เอาไหนทั้งสองพรรค ไม่ต้องมาเถียงว่าใครดีกว่าหรือเลวน้อยกว่า ในเบื้องต้นประชาชนสองฝ่ายอาจจะยังไม่เห็นพ้องกันในหลักการบางอย่าง ฝ่ายนึงอยากให้เลือกตั้งเยอะๆ อีกฝ่ายอย่างให้มีองค์กรตรวจสอบคานอำนาจเยอะๆ แต่ผมว่าค่อยๆคุยกันไปในที่สุดจะหาจุดร่วมที่ลงตัวได้ ที่สำคัญขั้นตอนนี้พยายามอย่าให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือชี้นำมาก

ระยะกลางจะสร้างองค์กรที่ทำให้เปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปประเทศได้อย่างไร โดยรูปแบบองค์กรต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย สภาประชาชนก็เป็นรูปแบบหนึ่ง แต่ต้องนำเสนออย่างไรให้คนเสื้อแดงมีส่วนร่วมด้วย เมื่อได้องค์กรนี้แล้วก็ค่อยๆคุยกันไป จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วประเทศ เอาแนวคิดมารวมกัน สื่อทุกช่องนำเสนอ ช่วงนี้อาจให้มีรัฐบาลรักษาการ ที่เป็นคนที่ทั้งสองฝ่ายพอรับได้มาทำหน้าที่ มีหน้าที่แค่อำนวยการให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปโดยเรียบร้อยมากที่สุด เช่นเวลาไปเปิดเวทีเสวนาที่ไหนอย่าให้มีการป่วนกัน เอาคนมาคุยกันแบบมีเหตุมีผล กันพวกนักการเมืองออกไปให้มากที่สุด

ฟังดูอาจจะอุดมคติไปหน่อยแต่ผมว่าทำได้  มวลชนทั้วสองฝ่ายเราผ่านการชุมนุม สลับกันไปมามากว่า 10 ปีแล้ว ผมว่าลึกๆทุกคนเห็นธาตุแท้ของพวกชนชั้นนำทั้งที่เป็นนักการเมืองและไม่ได้ลงเล่นการเมืองโดยตรง และผมว่าแนวคิดรัฐที่ดีงามในใจคนแต่ละคนไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก แต่พอมีผลประโยชน์ของชนชั้นนำเข้ามาแทรกมันทำให้ทุกอย่างบิดเบี้ยวไปหมด

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

ยุบไม่ยุบ ผมไม่เอาตระกูลชินวัตร
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป