ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

CNN วิเคราะห์ภาพรวมเหตุประท้วงในไทย ต้นตอสู่การ “ปิดกรุงเทพ“

เริ่มโดย itplaza, 10:59 น. 14 ม.ค 57

itplaza

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้สรุปภาพรวมของการประท้วงในไทยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่สาเหตุที่นำมาสู่การ "ปิดกรุงเทพ" จนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะที่สำนักข่าวต่างชาติเกาะติดสถานการณ์ในไทยตลอดทั้งวัน

สำนักข่าวรอยเตอร์ เก็บภาพบรรยากาศของข้าราชการที่ทยอยเดินทางออกจากกระทรวงพลังงาน หลังผู้ชุมนุมปิดล้อมกระทรวง และใช้โซ่คล้องประตูไม่ให้คนเข้าออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ "ปิดกรุงเทพ" ในขณะที่รัฐบาลวางกำลังทหาร และตำรวจหลายหมื่นนายคอยเฝ้าระวังเหตุรุนแรงตามสถานที่สำคัญหลายแห่งในกรุงเทพ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลจะใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง

ทางด้าน สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีเชิญกลุ่มต่างๆมาร่วมเจรจา เพื่อหารือถึงข้อเสนอของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปก่อน

ส่วน สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้สรุปภาพรวมของการ "ปิดกรุงเทพ" โดยอธิบายเหตุผลที่นำมาสู่การ "ปิดกรุงเทพ" ที่มีจุดเริ่มต้นจากการที่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการณ์พยายามจะผ่านร่างกฏหมายนิรโทษกรรมเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งกฏหมายดังกล่าวจะช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้โดยไม่ต้องรับโทษ แม้ว่าต่อมาร่างกฏหมายดังกล่าวจะตกไปแล้ว แต่ผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องใหม่คือให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกทั้งคณะ ซึ่งผู้ประท้วงมองว่ายิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ข้อ 2 เป็นการอธิบายสาเหตุว่า ทำไมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไม่ยอมเข้าร่วมการเลือกตั้ง เพราะมองว่า การจัดการเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบันทำให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบ และจะชนะการเลือกตั้งอีก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งในช่วงที่ไม่มีรัฐบาล ฝ่ายต่อต้านเสนอให้ตั้ง "สภาประชาชน" โดยให้ตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมโดยมีนายกรัฐมนตรีพระราชทานเป็นผู้บริหารประเทศชั่วคราว จนกว่าการปฏิรูปจะแล้วเสร็จ

ข้อ 3 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้เปรียบเทียบการ "ปิดกรุงเทพ" ในวันแรกกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นได้ใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 90 คน แต่สำหรับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ยังไม่มีมาตราการใช้ความรุนแรงขั้นเด็ดขาด ในขณะที่กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลประกาศจะเคลื่อนไหว แต่จะไม่เข้าใกล้กลุ่ม กปปส. เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

ข้อ 4 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสัมภาษณ์นักวิเคราะห์การเมืองของไทยคนหนึ่งที่มองว่า จำนวนผู้สนับสนุนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส.ลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากหลายคนมองว่า เป้าหมายของนายสุเทพไร้ทิศทาง และการกระทำในลักษณะข่มขู่คุกคามมีการใช้ความรุนแรง อาจจะทำให้ทหารออกมาจัดการหรืออาจจะเกิดการรัฐประหาร แต่อย่างไรก็ดี นายสุเทพยังคงมีฐานเสียงทางการเมืองที่เข้มแข็งอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง และกลุ่มฐานอำนาจเก่าที่ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมามีอำนาจอีก

ข้อ 5 เป็นการถามถึงจุดยืนของกองทัพว่าจะทำรัฐประหารอีกหรือไม่ หลังการปฏิวัติครั้งล่าสุดเมื่อปี 2549 ที่โค่นอำนาจพันตำรวจโททักษิณซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และกองทัพไทยก็มีประวัติเคยทำปฏิวัติและรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งจนถึงตอนนี้กองทัพยังยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าจะไม่ทำรัฐประหาร

ข้อ 6 เป็นการย้ำว่าความพยายามในการผ่านร่างกฏหมายนิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย เป็นสาเหตุสำคัญของการประท้วงในรอบนี้

ข้อ 7 ข้อสุดท้ายเป็นการแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตทางการเมืองเมื่อปี 2549 และ 2553 แต่การประท้วงในรอบนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนักตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และหากปล่อยให้ยืดเยื้อนานเท่าไหร่เศรษฐกิจก็ยิ่งแย่เท่านั้น

ขอบคุณเนื้อหา  sanook.com
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=7&news_id=32470&page=1