กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

โดย ไทยพีบีเอส http://news.thaipbs.or.th

อดีต กกต.เชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.ที่จะถึงนี้จะไม่เป็น "โมฆะ" เนื่องจากมีการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเดียวคือวันที่ 2 ก.พ. ขณะที่กรณีหลังการเลือกตั้งแล้วได้ ส.ส.ไม่ครบ 95 % จนไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯได้นั้น ก็เป็นคนละกรณีซึ่งไม่ส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และหากมีปัญหาต่าง ๆ อาทิ การไม่สามารถลงคะแนนได้ กกต.ลาออก หรือ การไม่มีผู้สมัคร กกต.ก็จะเริ่มกระบวนการจัดการเลือกตั้งจนกว่าจะแล้วเสร็จ

วันนี้ (31 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิทย์ อดีต คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่มีการมองว่าการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้อาจเป็นโมฆะได้ว่า การเลือกตั้งกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 ตาม พ.ร.ฎ.ยุบสภา ซึ่งเป็นการจัดการเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ย่อมไม่เป็นเหตุให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

รวมถึงหากมีการขัดขวางการเลือกตั้งในกรณีต่าง ๆ ทั้งการขัดขวางการเข้าลงคะแนน การขัดขวางการขนส่งอุปกรณ์เลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยไม่สามารถเข้าทำหน้าที่ได้ หรือ คณะกรรมการเลือกตั้งลาออก ก็ต้องดำเนินการจัดการลงคะแนนใหม่ ซึ่งก็จะสามารถทำได้ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ก็คือวันที่ 2 ก.พ.ซึ่งเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ และอายุของรัฐสภากำหนดตามวันเลือกตั้งคือนับจากวันที่ 2 ก.พ.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ดังนั้น แม้ว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าใหม่วันที่ 23 ก.พ.วันที่นับอายุสภาฯ 4 ปีคือนับจากวันที่ 2 ก.พ.

นอกจากนี้ หลังการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. และยังมีผู้แทนไม่ครบร้อยละ 95 ของสภาผู้แทนราษฎรทำให้ไม่สามารถเปิดสภาฯได้นั้นมิใช่เหตุที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ไม่สามารถเปิดการประชุมสภาฯได้เท่านั้น ซึ่งก็จะต้องกำหนดวันลงคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งที่มีปัญหาและนำคะแนนเหล่านั้นมารวมในการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและส.ส.เขต  ขณะที่ กรณีการไม่มีผู้สมัครใน 28 เขตก็เปิดรับสมัครใหม่ กำหนดการลงคะแนนใหม่ จนมีผู้แทนราษฎรร้อยละ 95 ก็จะสามารถเปิดประชุมสภาฯได้

นายประพันธ์ ยังกล่าวว่า เมื่อเทียบเคียงกับกรณีที่การเลือกตั้งเป็นโมฆะเมื่อวันที่ 2 เม.ย.49 ซึ่งครั้งนั้นเป็นสาเหตุที่เกิดจากบกพร่องในการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ที่หันคูหาเลือกตั้งออกมาทำให้เห็นการลงคะแนน จึงทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ แต่ในครั้งนี้ หากยังไม่มีผู้แทนฯครบนั้นมิได้เกิดจากการทำหน้าที่บกพร่องของกกต.หากแต่เกิดจากปัจจัยอื่นซึ่งอาจเป็นการก่อเหตุวุ่นวายหรือขัดขวางการลงคะแนน ฉะนั้นจึงไม่สามารถอ้างได้ว่า เป็นความบกพร่องของ กกต.

อย่างไรก็ตาม กรณีที่น่าเป็นห่วงในชณะนี้ ก็คือ การขัดขวางมิให้ประชาชนลงคะแนน เหมือนกับกับที่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้