กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

เกมใหญ่...เกมยื้อ...เกมชิงความชอบธรรม : สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ สำนักข่าวเนชั่นรายงาน

              ผ่านมา 3 เดือนกว่า "กำนันสุเทพ" ยังไม่สามารถ "ปิดเกม" ล้มรัฐบาล "ระบอบทักษิณ" ได้ คำถามเดิมยังเวียนวน...เกมนี้จะจบอย่างไร?
              "เกมนี้เป็นเกมใหญ่ กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) ไม่สามารถปิดเกมได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยตัวช่วย" แกนนำ กปปส.วิเคราะห์เกมการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับ กปปส.

              ถามว่า "ตัวช่วย" คือใคร? ตอบแบบเร็วๆ คือ "ทหาร" และ "องค์กรอิสระ"

              หากมองในภาพใหญ่จะเห็นชัดเจนว่า "เกมชิงอำนาจ" ครั้งนี้ เป็นการต่อสู้กันระหว่าง "รัฐบาล" กับ "กปปส." ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังเล่นเกมยื้อ "ชิงความชอบธรรม" กันอยู่ ต่างฝ่ายต่างพยายามแสดงให้เห็นว่าไม่ใช้ความรุนแรง ใช้ความอดทนอดกลั้น

              ในส่วนของรัฐบาลนั้น ใช้ยุทธศาสตร์ยึดข้อกฎหมายเป็นหลังพิง นับตั้งแต่วันที่ยอม "ยุบสภา" เพื่อแก้เกม หลังจากถูก "มวลมหาประชาชน" ของ กปปส.รุกหนัก นั่นก็เพื่อปิดทาง "นายกฯ ลาออก" ตามข้อเรียกร้องของฝ่ายต่อต้าน หลังจากนั้น แม้มวลชนจะมามากเพียงใด จะกดดันขนาดไหน นายกฯ ก็ยืนยันว่าไม่สามารถ "ลาออก" ได้ โดยอ้างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้รัฐบาลที่พ้นจากตำแหน่งหลังยุบสภาต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่

              จากนั้นรัฐบาลก็ "ประคองตัว" เพื่อเดินไปให้ถึงวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ โดยไม่ยอมเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แม้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพยายามใช้ทั้งไม้นวมไม้แข็งอยู่หลายรอบ เริ่มจากเสนอแนะแสดงความห่วงใย มีมติชัดเจนว่า ควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไป และสุดท้ายยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญก็อยู่ในภาวะที่ต้องระมัดระวังตัว คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจึงเป็นเพียงการบอกว่าการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่สามารถทำได้ แต่ไม่ได้บอกว่า "ต้องทำ"

              รัฐบาลจึงเลือกที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะหวังว่า "การเลือกตั้ง" จะเป็นตัวช่วยสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐบาล แต่ชัดเจนว่าสิ่งที่ปรากฏออกมาหลังการเลือกตั้งไม่เป็นอย่างนั้น!!

              ตัวเลขผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเบื้องต้นที่ออกมาจากพื้นที่ที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ คือ 45.8% ลดลงจากการเลือกตั้งปี 2554 ที่สูงถึง 75%

              แม้จะบอกได้ว่า คนมาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อยเพราะถูกขัดขวางการเลือกตั้ง แต่เมื่อดูในรายละเอียดก็จะพบว่า ในพื้นที่ที่ไม่ถูกขัดขวาง โดยเฉพาะในภาคอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ก็มีคนออกมาใช้สิทธิ์ลดลง โดยตัวเลขผู้ใช้สิทธิ์ภาคเหนืออยู่ที่ 51% ภาคอีสาน 55% จากครั้งที่แล้ว 77 และ 72% ตามลำดับ

              จากสภาพปัญหาที่เผชิญอยู่ สามารถฟันธงได้เลยว่า หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จะไม่สามารถมี ส.ส.ถึง 95% (475 คน) ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ นั่นคือจะไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องอยู่ในสภาพรัฐบาล "รักษาการ" ที่ไม่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ จะทำอะไรก็ต้องขออนุมัติจาก กกต.ก่อน เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลไม่สามารถกู้เงินมาจ่ายชาวนาได้ จนทำให้โครงการประชานิยมที่ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หันกลับมา "ทำพิษ" รัฐบาลเอง

              ฝ่าย กปปส.เองตอนนี้ก็หันมาเล่น "เกมยื้อ" ลดความชอบธรรมของรัฐบาลไปเรื่อยๆ และรอเวลาให้ "ตัวช่วย" คือ "องค์กรอิสระ" เข้ามาจัดการ หลังจากพยายามกดดันให้ "ทหาร" เลือกข้างมานาน แต่ยังไม่ได้ผล จึงต้องหวังพึ่ง "องค์กรอิสระ" แทน

              องค์กรอิสระที่จะมีบทบาทมากที่สุด ซึ่งคงจะมา "ลดความชอบธรรม" ของรัฐบาลลงไปได้อีก คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ

              ในส่วนของ ป.ป.ช.นั้น มีเรื่องหลักที่กระทบรัฐบาลอยู่ 2 เรื่อง การทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และ การถอดถอนและดำเนินคดีอาญากับ ส.ส. และ ส.ว. ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. ทั้ง 2 คดี หาก ป.ป.ช.ชี้ว่าความผิด "มีมูล" ผู้ที่ถูกร้องจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แน่นอนว่าที่ร้ายแรงสุด คือ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในโครงการรับจำนำข้าว ที่ ป.ป.ช.สั่งให้มีการสอบสวนอยู่ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทราบเรื่องแล้วเพิกเฉย

              ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญ คดีหนักสุดที่รัฐบาลเผชิญอยู่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ร้องให้ยุบพรรค สืบเนื่องมาจากการเลือกตั้งและการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

              หากเป็นเมื่อก่อน พรรคเพื่อไทยคงกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่วันนี้คนพรรคเพื่อไทยบอกว่า "ไม่กังวล เพราะเตรียมแก้เกมไว้หมดแล้ว" โดยคนเพื่อไทยบอกว่า หาก ป.ป.ช.ชี้มูลนายกฯ ยิ่งลักษณ์จริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะสามารถให้รองนายกฯ คนอื่นขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนได้ ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญ หากถูกยุบพรรคและกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ก็ไม่เป็นไร เพราะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และแกนนำคนสำคัญๆ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค

              แน่นอนคนพรรคเพื่อไทยไม่พูดถึงเรื่อง "ความชอบธรรม" หากรัฐบาลเจอคำตัดสินเหล่านั้น พูดแต่เพียงว่า ถึงอย่างไร รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ยังอยู่ในอำนาจต่อไป

              สำหรับ "ทหาร" ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน เนื่องจากประเมินแล้วว่า จากบทเรียนที่ผ่านมา ทหารคงไม่กล้าทำรัฐประหารอีกแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ "วางใจ" ทหาร และหันไปใช้บริการของ "ตำรวจ" เป็นหลัก หรือ แม้ว่าทหารจะปฏิวัติ พรรคเพื่อไทยก็เตรียมการไว้แล้ว

              "ถ้าปฏิวัติก็ต้องจับตัวนายกฯ ให้ได้ ถ้าจับตัวไม่ได้ก็ถือว่าทำไม่สำเร็จ จะมีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นที่ภาคเหนือหรือภาคอีสานสู้ และจะมีการตั้งกองกำลังเพื่อต่อสู้กับทหารอย่างแน่นอน" แกนนำเสื้อแดงซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทยกล่าว

              ในเกมนี้ ไม่ว่ามวลชนจะกดดัน ไม่ว่าองค์กรอิสระจะจัดการ รัฐบาลก็จะยังท่องคาถาเดิม คือ "ยึดหลักกฎหมาย" ต้องทำหน้าที่ต่อไป เพื่อรักษาอำนาจรัฐไว้ในมือ

              ต้องรอดูว่าจะมี "ดาบสุดท้าย" มาปิดเกมนี้หรือไม่?


----------------------------------
(หมายเหตุ : เกมใหญ่...เกมยื้อ...เกมชิงความชอบธรรม : สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ สำนักข่าวเนชั่นรายงาน)
ขอบคุณเนื้อหา  komchadluek.net
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=7&news_id=33087&page=1