ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อุ้มจำนำข้าว: จุดจบรัฐบาลยิ่งลักษณ์?

เริ่มโดย itplaza, 10:46 น. 20 ก.พ 57

itplaza

สิ้นเสียงคำแถลงชี้แจงปัญหาการไม่สามารถจ่ายเงินตามโครงการจำนำข้าวให้กับเกษตรกรชาวนายาว 9.59 นาทีของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเที่ยงวันของวันอังคารที่ 18 ก.พ. 2557 การเปิดฉากปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนินก็เริ่มขึ้นและจบลงด้วยการเสียชีวิตของของประชาชนผู้ชุมนุม 4 คนและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 นาย

มองดูเผินๆ 2 เหตุการณ์นี้ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน หากเนื้อหาในแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีจะไม่มีเนื้อมุ่งทำลายความชอบธรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลว่าเล่นเกมการเมืองจนทำให้รัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินค้างชำระค่าจำนำข้าวให้กับเกษตรกรชาวนาได้


ทำให้มีการตีความไปได้ว่า ในเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมีการกระทำที่ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลสามารถนำเงินมาจ่ายให้กับชาวนา อีกทั้งยังเป็นการชุมนุมที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนแล้ว รัฐบาลย่อมมีความชอบธรรมในการขอคืนพื้นที่หรือที่เข้าใจกันอีกความหมายหนึ่งคือ "การสลายการชุมนุม"

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ในถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ยังคงไม่ยอมรับว่า โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ มีปัญหาที่ส่อไปในทางทุจริตคอรัปชั่นในเกือบทุกขั้นตอนของโครงการ แต่ในทางกลับกัน ยังคงยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ ดังข้อความในคำแถลงตอนหนึ่งว่า...

"...2 ปีที่ผ่านมาโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ชาวนามีรายได้เพิ่ม ทั้งยังเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจรากหญ้า และการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม...



"...มีกระบวนการ กล่าวหาและตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการบริหารโครงการรับจำนำข้าว ทั้งโจมตีทางการเมืองและกฎหมายว่า โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตคอรัปชั่นที่เป็นระบบระดับนโยบาย  ซึ่งดิฉันขอยืนยันว่าในระดับนโยบายไม่มีการสร้างวิธีที่จะโกงเงินดังที่ ถูกกล่าวหา และในระดับปฏิบัติหากมีการรั่วไหล ดิฉันก็ต้องการเห็นการตรวจสอบที่เข้มงวด และยินดีในกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) โดยไม่เลือกปฏิบัติและมีความเสมอภาคภายใต้หลักนิติธรรมโดยไม่มีความลำเอียง หรือวาระทางการเมืองที่ซ้อนเร้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว นอกจากโครงการดีๆจะถูกทำลาย ความน่าเชื่อถือของระบบและกระบวนการตรวจสอบก็จะสูญศรัทธาไปด้วย"



ในท่ามกลางความภูมิใจและความเชื่อมั่นว่า โครงการประชานิยม โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ยังคงสามารถใช้ซื้อใจเกษตรกรชาวนาได้ในทุกสนามเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยลงแข่งขัน ความล้มเหลวของโครงการจำนำข้าวได้ถูกเปิดโปงออกมาเป็นระยะ ในช่วงที่เกิดปัญหาว่า รัฐบาลไม่มีเงินหมุนเวียนเพียงที่จะนำมาจ่ายให้กับเกษตรกรชาวนาเป็นจำนวนถึง 1.3 แสนล้านบาท จนเกิดความคลางแคลงใจว่า เหตุใดรัฐบาลจึงไม่เร่งระบายข้าวที่ค้างสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมากออกไปเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนมาขำระให้แก่ชาวนาก่อนที่จะมีการยุบสภา เพราะรัฐบาลก็เป็นผู้กำหนดวันยุบสภาได้เอง  ไม่ได้มีอำนาจอื่นใดไปบังคับให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาวันนั้นวันนี้ได้

เมื่อรัฐบาลเป็นผู้กำหนดวันยุบสภาได้เอง ดังนั้น ณ วันที่ประกาศยุบสภา หรือวันที่ 9 ธ.ค.2556 รัฐบาลย่อมรู้อยู่แล้วว่า สถานะการเงินของรัฐบาลเป็นอย่างไร และจะมีเงินหมุนเวียนเพียงพอหรือไม่ การมาอ้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเป็นผู้ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลหาเงินมาชำระให้แก่ชาวนา จึงเป็นการโกหกอย่างชัดแจ้ง

เกษตรชาวนาจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่รัฐบาลสร้างขึ้น เริ่มมีความเข้าใจถึงปัญหาของโครงการจำนำข้าวที่มีผลกระทบต่อชาวนาในระยะตามหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการบิดเบือนกลไกตลาดข้าวและความเสี่ยงที่ชาวนาจะไม่ได้เงินตามสัญญา เพราะการระบายข้าวเพื่อนำเงินทุนหมุนเวียนขาดความโปร่งใส ฯลฯ จึงไม่ได้หลงเชื่อในคำโกหกของรัฐบาลและเดินหน้าชุมนุมกดดันให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบมากกว่าแค่การออกมาขอโทษ โดยไม่ยอมรับว่าโครงการมีความผิดพลาดในทุกกระบวนการ



ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เหตุผลที่คณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) นำมาใช้ในการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายกรัฐมนตรีที่ว่า...

"ตามที่ประธานวุฒิสภาให้ส่งคําร้องขอให้วุฒิสภา ถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่า จงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย และกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุควรสงสัยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจํานําข้าว และการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอํานาจหน้าที่นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าว โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งได้ดําเนินการไต่สวนมาระยะหนึ่งแล้ว ปรากฏว่าจากการ ไต่สวน มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารยืนยันชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ทักท้วงว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาทุจริตอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการทุจริตทุกขั้นตอน และทุกกระบวนการในการดําเนินการ..."



ข้อน่าสังเกตจากนี้ไปก็คือ ปัญหาของการที่รัฐไม่ยอมรับว่า โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการที่ล้มเหลวเพราะส่อว่ามีการทุจริตคอรัปชั่น ตั้งแต่ระดับนโยบายไปถึงขั้นตอนการปฏิบัตินี้ จะซ้ำรอยกับการที่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมรับว่าการปล่อยให้อดีต ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรวมหัวกันผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ (ฉบับสุดซอย) เป็นความผิดพลาด ทั้งๆที่ในเนื้อหากฎหมายมีความชัดเจนว่า มุ่งที่จะให้ครอบคลุมถึงกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นด้วย

เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ผลจากความดื้อรั้นและการไม่ยอมรับความผิดพลาดในกรณีร่าง พรบ.นิรโทษกรรมฯ ได้ทำให้ขบวนการคัดค้านร่าง พรบ.นิรโทษกรรมฯ ได้กลายเป็นขบนวนการขับไล่รัฐบาล จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศยุบสภาในที่สุด



ดังนั้น ความดื้อรั้นไม่ยอมรับความผิดพลาดในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้สถานะของรัฐบาลต้องถดถอยลงอีกครั้งจนถึงขั้นไม่สามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป...

แม้แต่จะอยู่ในสถานะของรัฐบาลรักษาการก็ตาม...



ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี www.twitter.com/chavarong chavarong@thairath.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=33467&page=1