ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เค้าว่า "ณัฐวุฒิ" ทำโสมมกลางสภาเมื่อคืนนี้ ไม่รู้จริงไม๊ ?

เริ่มโดย ล ลิง, 09:59 น. 25 ส.ค 54

ล ลิง

"คนอย่างแม้ว ผิดไม่ได้แพ้ไม่เป็น ผิดไม่เป็นแพ้ไม่ได้" (บัญญัติ บรรทัดฐาน : รายการลงเอยอย่างไร?)

คิมยอง

มันก็เรื่องเดิม ๆ น่ะแหละ แดงว่าอภิสิทธิ์ สุเทพ อนุญาตให้ฆ่า (License to kill ใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้บ้าง สนุกมาก เป็นเรื่ององกรค์ลับของรัฐบาลญี่ปุ่นที่อนุญาตให้ฆ่าคนเลว ๆ ได้)

ส่วนมาร์ค เทพเทือก ก็พูดเรื่องแดงเผาบ้านเผาเมือง ก็เถียงกันไปจนกว่าจะหมดลมไปข้างนึ่ง

แต่ผมว่า อนุญาตให้ฆ่า ก็โอเคแล้วนี่ สมควร

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

License to Kill เป็นภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ อีกตอนหนึ่งด้วยนะครับ ทิโมธี ดาลตั้น แสดงนำ เมื่อปี 1989(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)

สำหรับเรื่องนายเต้น ที่เอ่ยวาจานี้ขึ้นมา  ก็เพื่อพยายามป้ายสีนายสุเทพ และรัฐบาลชุดที่แล้ว ก็เท่านั้นเอง ทำไมนายเต้นถึงเอ่ยวาจาแบบนี้ เพราะนายเต้น ซึ่งพยายามขับไล่รัฐบาลชุดที่แล้วอย่างถึงที่สุด คนเสื้อแดงตายไปก็เอาแต่ป้ายสี เอาแต่ใส่ไฟ ต้องถามนายเต้นด้วยสิว่า แดงเทียม กองกำลังชุดดำ หรือภาพคนที่เผาเมืองนั้น นายเต้นรับผิดชอบอย่างไรบ้าง  เอาแต่พูดปกป้องตัวเอง พยายามจะหาเกราะกันชน อีกทั้งนายตู่ นายเหวง ก็ล้วนแต่พยายามปกป้องตัวเองทั้งนั้น  ... แต่คนเสื้อแดงที่ตายไป ก็เป็นแค่ทางผ่านที่ทำให้นายเต้น นายตู่ นายเหวง ได้มานั่งในสภา ก็เท่านั้นเอง และพยายามหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นบ่อยๆ เพื่ออะไร ก็แค่อาชีพๆหนึ่ง ....
ส่วน ปชป ก็ย่อมมีเหตุผล มีหลักฐานของตัวเอง ไม่แปลกที่นายสุเทพเอง ก็พยายามปกป้องตัวเองเช่นกัน

ประเทศชาติบอบช้ำ สังคมแตกแยก คนพวกนี้เคยไหมที่จะเยียวยาอย่างจริงจัง ในเมื่อไม่ชอบหน้ากันขนาดนี้ จะไปปรองดองกันได้อย่างไร
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

คิมยอง

การปรองดองมันเป็นภาพลวงตามาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ มันเป็นคำพูดที่หยิบยกขึ้นมาเวลามีใครทะเลาะกันแล้วหาทางออกไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมถอย

ผมยกตัวอย่างสมัยก่อนที่รัฐบาลหนึ่ง พยายามแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยใช้นโยบาย "สมานฉันท์" ซึ่งคำว่าสมานฉันท์นี้สมัยนี้เราใช้ว่าปรองดอง(ดองไว้นาน ๆ จนเน่า) คนก็งงกันหมด ไม่ว่าฝ่ายไหน สับสนว่า จะไปสมานฉันท์กับใคร กับโจรหรือ มันจะเป็นไปได้ยังงัย หรือสมานฉันท์กันเอง ก็ไม่เห็นมันจะช่วยอะไรได้

สรุปคือ รัฐบาลหมดมุก คิดไรไม่ออก ก็บอกว่า "ปรองดอง" กันเด้อพี่น้อง

บ้านเมืองเรามีกฏหมาย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด การปรองดองจะทำได้ก็ต่อเมื่อ สองฝ่ายยอมฟังอีกฝ่ายหนึ่ง นำมาพิจารณา อะไรยอมได้ ยอม อะไรยอมไม่ได้จริง ๆ ก้ว่ากันไป และต้องไม่มีฝ่ายไหนจ้องเอาเปรียบ ใส่ร้ายป้ายสี กดขี่ ฉ้อโกงอีกฝ่าย การปรองดองจึงจะเกิดขึ้นได้จริง

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

นักการเมือง เมื่อหมดมุข ก็มักสรรหาคำต่างๆมาหากิน

ถามว่า นักการเมืองเอง ก็มีเงินทองมากมาย ทำไมไม่เอามาช่วยเหลือคนยากจน หรือทำกิจกรรมการกุศลบ้างล่ะครับ
อะไรๆก็เอาเงินจากกองคลังบ้าง ภาษีประชาชนบ้าง

นี่แหล่ะ การเมืองก็อาชีพๆหนึ่งเท่านั้น  หมดแล้วกับคำว่า"อุดมการณ์" เพราะนักการเมืองทุกวันนี้มีแต่เข้ามากอบโกย
กอบโกยแม้กระทั่งบนความสูญเสีย บนความบอบช้ำของสังคมและประเทศไทย ส.โกรธอย่างแรง
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

@โคกเหม็ดชุน..จัง


คิมยอง

ถูก....... เวลามีภัยพิบัติ ความเดือดร้อนเกิดขึ้นกับประชาชน ก็ไม่เห็นมีนักการเมืองคนใหนเอาเงินมาบริจาค ทั้งที่บางคนรวยเป็นร้อยล้านพันล้าน เห็นมีแต่พวกประชาชนทั่วไปนี่แหละที่ช่วยกันบริจาค

ดูง่าย ๆ แล้วกัน บางคนมีธุรกิจเป็นพันล้าน ถ้าคิดรายได้เป็นเดือนคงจะได้มากกว่าล้านบาท หรือมากกว่านั้น แต่เข้ามาเป็น สส เงินเดือนแค่แสน ต้องมารบราฆ่าฟันกับฝ่ายตรงข้ามในสภา โดนด่า โดนประจาน โดนลากใส้ คิดแล้วมันคุ้มเหรอ ถ้าเป็นท่าน ท่านเอารึเปล่า

แต่บางคนบอกว่าต้องการอาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง ก็ขอให้จริงนะ สาธุเลย ถ้าจริง

เจ้าหน้าที่รัฐก็เหมือนกัน เวลาทำงานผิดพลาด สร้างความเสียหายให้ประชาชน ถูกฟ้อง ถ้าแพ้แล้วต้องจ่ายค่าเสียหาย ถามว่า เงินที่จ่ายค่าเสียหายหลังแพ้คดี เป็นเงินใคร ก็เงินประชาชนนั่นเอง เช่น ตำรวจ จับแพะ ไปขัง 10 ปี พอเรื่องมันกระจ่าง ต้องชดให้ค่าเสียหาย คนละ 10 ล้าน 10 คนก็ ร้อยล้าน ก็เงินใครล่ะ เงินภาษีประชาชนนันแหละ

ปชปหัวก้าวหน้า

สมราคาหัวหอกคู่ตู่-เต้นจัดเต็มพิทักษ์แดงในสภา เปิดเอกสาร'ใบอนุญาตฆ่า'ศอฉ.


เสียงข้างมากกระหนาบเสียงข้างน้อย-เมื่อ เย็นวานนี้ ที่โถงชั้นล่างอาคารรัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทย กับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ประชาธิปัตย์ ลงมาใช้บริการนวดเท้าผ่อนคลายระหว่างอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิและนายจตุพร นั่งนวดขนาบข้างนายสาธิตซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง

ทั้ง 3 มีสีหน้าผ่อนคลายใช้เวลานวดกว่า 1 ชั่วโมง แต่นายสาทิตย์ได้ลุกขึ้นออกจากการนวดเท้าก่อน นายจตุพรได้พูดแซวว่า จะรีบไปไหน และว่านี่แหล่ะนะประชาธิปไตย บ่งบอกให้เห็นว่าเสียงข้างน้อยเป็นอย่างไร ซึ่งนายสาทิตย์หัวเราะ และลุกมานั่งที่เก้าอี้อยู่ต่อสักระยะหนึ่ง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตบรรยากาศและถ่ายภาพที่มักไม่ได้เห็นบ่อยนัก ที่ ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลที่นั่งอยู่ข้างๆ กันและพูดคุยอยอกล้อกันอย่างเป็นกันเอง(ภาพข่าว:มติชนนออนไลน์)

เวทีใหม่ของ2สหาย-หลัง จากกรำศึกเสื้อแดงติดคุกติดตะรางมาด้วยกัน วันนี้ 2 สหายจตุพร กับณัฐวุฒิพากันเข้าไปทำหน้าที่ในสภา และทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์แดงได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ดูจากคลิปต่อไปนี้

ณัฐวุฒิ จตุพร ปะทะเดือด เทพเทือก เรื่องสถาบัน 24 08 54
http://www.youtube.com/watch?v=mZ3Xn9ztoFw&feature=player_embedded

ณัฐวุฒิใช้สิทธิ์พาดพิง
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=yrK_e04BKbY

คดีหมิ่นทำลายคนดีๆและเป็นใบอนุญาตฆ่า-ส.ส.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ใช้สิทธิพาดพิงกรณีสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวหาส.ส.เสื้อแดงถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยระบุว่าทักษิณก็โดนข้อหานี้ คนเสื้อแดงโดนออกใบอนุญาตฆ่า92ศพก็ข้อหานี้ ในอดีตดร.ปรีดี พนมยงค์ ต้องไปตายในต่างประเทศก็ข้อกล่าวหานี้

สุนัย-ณัฐวุฒิ ประท้วง ชวน
http://www.youtube.com/watch?v=h0oeTJzmA6o&feature=player_embedded

ลบเหลี่ยมมีดโกนจนเข้าตัว-ส.ส.ดร.สุนัย จุลพงศธร กับส.ส.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประท้วงลบเหลี่ยมมีดโกนของชวน หลีกภัย ที่ฉวยโอกาสปรักปรำทักษิณว่าสั่งฆ่า 3จังหวักดชายแดนภาคใต่ ซึ่งตอนท้าย(ไม่มีในคลิป)นายชวนต้องออกมาตอบณัฐวุฒิที่อภิปรายพาดพิงว่านาย อภิสิทธิ์สั่งฆ่าคนเสื้อแดง 92 ศพแต่ไม่ยอมรับ โดยบอกว่า"หากนายอภิสิทธิ์เป็นคนเกี่ยวข้องจริง ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่มีใครอยู่เหนิอกฎหมาย"

จตุพร ประท้วง สาทิตย์ 24-8-2554
http://www.youtube.com/watch?v=H-KoZJZhUSk


พาดพิงลิงอุรังอุตังเสียหาย-ส.ส.จตุพร พรหมพันธุ์ อภิปรายกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ปชป.พาดพิงด้วยการเสี้ยมว่า พรรคเพื่อไทยหลอกลวงคนเสื้อแดง ในที่สุดไปจบด้วยเรื่อง"ลิงอุรังอุตัง"

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อภิปรายตอนหนึ่งว่า วันนี้พูดให้ตาสว่างว่า รัฐบาลที่บอกว่าประชาชนถูกกดขี่ แล้วมาแก้ปัญหาให้ประชาชนนั้น ก็คิดไม่ต่างจากรัฐบาลที่ถูกบอกว่าเป็นอำมาตย์เลย แถมยังคิดล้าหลังกว่าด้วย ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้น เพื่อยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงเป็นเนื้อเดียวกันตามที่ รองนายกฯพูดไว้เมื่อวานนี้ แท้จริงแล้วเป็นการสร้างวาทกรรม ซึ่งเป็นเทคนิคทางการเมือง หลอกลวงเรื่องอำมาตย์-ไพร่ และเรื่องของชนชั้น เพื่อเอาคนเหล่านั้นมาปูฐานรองรับการขึ้นสู่อำนาจของกลุ่มทุนในพรรค สุดท้ายกลุ่มเหล่านี้ก็สุขสบาย เสวยสุข และปล่อยให้พี่น้องไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาความยากจนต่อไป


เราไม่อยากให้วาทกรรมของนักการเมืองนั้น ถูกอธิบายในสภาว่าไม่มีสัญญา และเป็นแค่เทคนิคการหาเสียง เพราะนั่นคือการหลอกคนจน และเป็นบาปที่สุดในความเห็นของตน เพราะคนเหล่านั้นก้าวขึ้นมาสนับสนุนท่าน ไปกับวาทกรรมของท่านทั้งหลาย ซึ่งต้องไม่ทำให้วาทกรรมเหล่านั้นว่างเปล่า

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ตามที่นายสาทิตย์ บอกว่า พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงได้หลอกลวงพี่น้องประชาชนด้วยวาทกรรมคำว่า "ไพร่" และ "อำมาตย์" ตนมีสองสถานะทั้งเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทย การที่มาบอกว่านโยบายรัฐบาลไม่เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ ไม่ได้ทำทันทีนั้น ข้อเท็จจริงคือการที่รัฐบาลจะทำงานได้ต้องผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปก่อน แต่กกลับมีการสร้างเรื่องสร้างราวมาเล่นงานกัน ไม่ว่าจะเป็น รมว.ต่างประเทศ ทั้งที่วันนี้รัฐบาลยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นวาทกรรมคำว่าไพร่-อำมาตย์ เป็นการอธิบายให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำจากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลชุดที่ แล้ว

อย่างไรก็ตามพล.อ.ธีรเดช ประธานในที่ประชุมได้ขอให้นายจตุพรได้เข้าประเด็นเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิด การประท้วงเยอะกว่านี้ แต่นายจตุพร ยืนยันว่า เป็นการใช้สิทธิ์พาดพิงและใช้เวลาของพรรคร่วมรัฐบาล ตนอดทนฟังนายสาทิตย์อภิปรายได้แล้ว ทำไมตนจะตอบโต้บ้างไม่ได้ ทำไมต้องทำเหมือนถูกน้ำร้อนลวกกันหมด

ทำให้นายเจ๊อามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ปัตตานี ต้องลุกขึ้นประท้วงประธานว่า เป็นการประท้วงไม่ใช่การอภิปราย

ซึ่งนายจตุพร ก็ได้ประท้วงว่า "ผู้ประท้วงคงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง" เพราะในฐานะสมาชิกรัฐสภาตนมีสิทธิ์ประท้วงเมื่อถูกพาดพิง

ทั้งนี้ นายเจ๊ะอามิงได้ใช้สิทธิ์ประท้วงขอให้นายจตุพรได้ถอนคำพูด เพราะตนไม่ใช่อุรังอุตังถึงฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งในที่สุดนายจตุพรได้ยอมถอนคำพูดว่า นายเจ๊ะอามิงไม่ใช่อุรังอุตัง ก่อนประธานในที่ประชุม จะให้สมาชิกรัฐสภาท่านอื่นได้อภิปราย

ปชปหัวก้าวหน้า

ประชาธิปัตย์กับ "ประเด็นสถาบัน" และ "คำรำพึงประจำพรรค"

Fri, 2011-08-26 21:57

นักปรัชญาชายขอบ

    "...การใส่ร้ายเอาสถาบันเบื้องสูงมาใช้ไม่เป็นส่วนดีต่อใครเลย แม้แต่สถาบันเอง เป็นเรื่องที่ทำลายทุกคนทุกฝ่าย นายกฯที่ได้รับเสียงเลือกตั้งสูงสุดในประเทศก็ล้มเพราะข้อกล่าวหานี้ และที่ตนเจ็บปวดที่สุด คือข้อกล่าวหานี้ใช้ออกใบอนุญาตฆ่าประชาชน ไม่อยากให้คนตายเพิ่มเติมอีก"

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314200777&grpid=03&catid=&



นี่คือข้อความบางส่วนที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายเชื่อพรรคเพื่อไทยอภิปรายตอบโต้สุเทพ เทือกสุบรรณ อันเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงทั้งจากสุเทพ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนเป็นเหตุให้ต้องพักการประชุมชั่วคราว และหลังจากนั้นก็มีอันต้องปิดประชุมสภาไปเมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา

ผู้อ่านที่ติดตามการอภิปราย จะทราบว่า ณัฐวุฒิพูดย้อนไปถึง (สรุปได้) ว่า ข้ออ้างเรื่องสถาบันได้ทำลายผู้นำที่ดีหรือคนดีของประเทศมามากพอแล้ว ตั้งแต่ปรีดี พนมยงค์ จนต้องระหกระเหินไปสิ้นชีวิตที่ต่างประเทศ กลับคืนประเทศได้เมื่อเหลือเพียงเถ้าอัฐิแล้ว แม้จะได้รับยกย่องว่าเป็นถึงรัฐบุรุษก็ตาม เหตุการณ์ 6 ตุลา เรื่อยมาถึงพฤษภา 53 ก็ยังใช้ข้ออ้างเดิมๆ ทั้งในการทำรัฐประหารทักษิณและเป็นข้อกล่าวหาล้อมปราบประชาชน

ฉะนั้น ณัฐวุฒิจึงเสนอว่า เราควรเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมาอดีต และถึงเวลาแล้วที่ต้องเลิกอ้างเรื่องสถาบันในการต่อสู้ทางการเมืองเสียที เพราะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ประเด็นคือ ข้อกล่าวหาเรื่องล้มล้างสถาบันได้ถูกใช้ "ออกใบอนุญาตฆ่าประชาชน" หรือไม่? แน่นอนว่า อภิสิทธิ์และสุเทพปฏิเสธประเด็นนี้ และนายอภิสิทธิ์ยังกล่าวย้ำว่า "การบอกว่าใช้สถาบันออกใบอนุญาตฆ่าประชาชน นอกจากจะทำให้พวกผมเสียหายแล้ว ที่สำคัญยังเป็นการเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย"

อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครปฏิเสธข้อเท็จจริงได้ว่า มีการอ้างสถาบันเพื่อทำรัฐประหารรัฐบาลทักษิณจริง มีการแสดง "ผังล้มเจ้า" และกล่าวหาว่ามี "ขบวนการล้มเจ้า" ในกลุ่มคนเสื้อแดงจริง โดยเฉพาะมีการประโคมข่าวนี้ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลในการตอบโต้ทักษิณกับฝ่ายเสื้อแดง ทั้งในช่วงก่อนการสลายการชุมและในระหว่างการสลายการชุมนุมเมื่อ เมษา-พฤษภา 53

นอกจากนี้ในการชุมนุมของพันธมิตร การเสนอข่าวทาง ASTV ก็มีการยกประเด็นสถาบันมาโจมตีทักษิณและคนเสื้อแดงตลอดมา ถามว่าประชาธิปัตย์รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่? เราอาจต้องย้อนไปดูคำปราศรัยของประพันธ์ คูณมี สมาชิกคนสำคัญของพันธมิตรที่ว่า

"ก่อนการชุมนุมพันธมิตรฯ ปี 49 คนที่เรียกผมไปพบ คือ พี่ชวน หลีกภัย ให้ไปพบในห้องทำงาน ถ้าพูดเท็จเอาตีนมาเหยียบหน้าได้เลย นายชวนเอาเทปมาเปิดให้ดู ปรากฏว่าในเทปด่าป๋า ด่าสถาบัน ของพวกกลุ่มเสื้อแดง นายชวนเปรยด้วยความเศร้าใจว่า ทำไมบ้านเมืองเป็นแบบนี้ และบอกให้ตนออกไปช่วยพูดเพราะรู้ทันคนพวกนี้ พูดแล้วมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ให้ออกไปสู้หน่อย ตนก็บอกไปว่าสู้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว กับคนที่ไม่จงรักภักดี" [1]

ประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า "เพราะพันธมิตรฯ ออกมาสู้รัฐบาลถึงได้พลิกขั้ว อภิสิทธิ์ถึงได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ ถ้าไม่มีพันธมิตรทหารจะไปบังคับพวกพรรคร่วม ให้พลิกขั้วหรือไม่" ขณะที่ก่อนหน้านั้น สนธิ ลิ้มทองกุล ก็เคยพูดระหว่างการต่อสู้เพื่อล้มรัฐบาลทักษิณว่า

"...พลเอกสุรยุทธ์ โทรมา พลเอกสนธิ ให้คนใกล้ชิดโทรมา ในวังมีเยอะ เส้นสายในวัง ทุกคนสนิทหมด ผมถึงเลย คุณไม่ต้องพูดว่าถึงไม่ถึงคุณมีอะไรก็พูดมา รับรองถึงหูพระกรรณ...จนกระทั่งมีสัญญาณบางสัญญาณมาถึงผม จู่ๆ ผมสู้อยู่ก็มีของขวัญมาจากราชสำนักผ่านมาทางท่านผู้หญิงบุษบาซึ่งเป็นน้องสาวพระราชินี ปรากฏว่าผมได้รับแค่วันเดียว ผมเข้าไปรับด้วยตัวเองกับท่านผู้หญิงบุษบา โทรศัพท์มาหาผมเต็มเลย ป๋าเปรมให้คนสนิทโทรมา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ์ ทุกคนโทรมาหมดถามว่าจริงหรือเปล่า..." [2]

ฉะนั้น เรื่องประเด็นสถาบันกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในระยะกว่า 5 ปีที่ผ่านมา การเปิดประเด็น "มือที่มองไม่เห็น" ของทักษิณจะไม่มีน้ำหนักใดๆ เลย หากสังคมไม่รับรู้ "เรื่องราว"อย่างที่สนธิพูด หรือย่างที่ประพันธ์พูด มันจึงไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆ ทักษิณและคนเสื้อแดงจะ "กุขึ้นมาลอยๆ" แล้วทำให้สังคมคล้อยตามได้

แต่กระนั้นก็ตาม หน้าฉากประชาธิปัตย์ก็ยังพยายามเบี่ยงเบน ดังที่นิพิษฏ์ อินทรสมบัติ เขียนจดหมายตอบโต้บรรดานักเขียนที่ออกแถลงการณ์ให้แก้ไข ม.112 ว่า "ตน (นิพิษฏ์)ไม่เห็นมีการใช้สถาบัน หรือใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทำลายศัตรูทางการเมือง" ดังที่เราทราบกัน

การที่ประชาธิปัตย์พยายามบอกประชาชนว่า ข้ออ้างเรื่องสถาบันไม่เกี่ยวกับการทำลายศัตรูทางการเมือง ไม่เกี่ยวใดๆ กับการปราบปรามประชาชนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย มันไม่ต่างจากที่อภิสิทธิ์เคยยืนยันในเฟซบุ๊คผ่าน "จดหมายถึงคนไทยทั้งประเทศ" ว่า "ในความขัดแย้งที่เป็นมา ประชาธิปัตย์ไม่ใช่เงื่อนไขของความขัดแย้ง เป็นเพียงฝ่ายที่เข้ามาแก้ปัญหาความแตกแยกของบ้านเมืองให้คืนสู่ความสมานฉันท์ปรองดอง"

"วิธีอธิบาย" ของอภิสิทธิ์เป็นวิธีอธิบายแบบเดียวกับวิธีอธิบายของ นางผุสดี ตามไท ส.ส.ประชาธิปัตย์ในรายการตอบโจทย์ ทีวีไทยตอนหนึ่ง เมื่อ ส.ส.เพื่อไทยกล่าวว่า "นายสุเทพเคยให้สัมภาษณ์ว่า ประชาธิปัตย์จับมือกับพันธมิตรในการขนคนมาชุมนุมล้มรัฐบาลสมัครและรัฐบาลสมชาย" แล้วนางผุสดีก็โต้ทันทีว่า "ไม่ได้จับมือ ไม่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรใดๆ ทั้งสิ้น แต่มันเป็นธรรมดา เมื่อชาวบ้านเขาจะออกมาชุมนุม มาเคลื่อนไหวทางการเมือง เขาก็ไปขอความช่วยเหลือจาก ส.ส.ในพื้นที่เรื่องค่าเดินทางบ้าง ค่าอาหารบ้าง เมื่อชาวบ้านเขามาขอความช่วยเหลือ ส.ส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่ก็ต้องให้ความช่วยเหลือไป"

ถามว่าตามวิธีอธิบายของนายอภิสิทธิ์ที่ว่า "ประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่เข้ามาแก้ความขัดแย้ง" แล้ววิธีแก้ความขัดแย้งด้วยการบอยคอตการเลือกตั้ง เสนอนายกฯมาตรา 7 ยอมรับการนิรโทษกรรมตัวเองของคณะรัฐประหาร แต่อ้างว่าการนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองที่ถูกทำรัฐประหารขัดต่อหลักนิติธรรม นิติรัฐ สนับสนุนประชาชนมาชุมนุมกับพันธมิตร บอกว่าไม่เคยเห็นการอ้างสถาบัน การใช้ ม.112 ทำลายศัตรูทางการเมือง แต่กลับใช้ผังล้มเจ้า ใช้ข้อกล่าวหาเรื่องขบวนการล้มเจ้าทำลายความน่าเชื่อถือในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง ฯลฯ

การกระทำดังกล่าวนี้เป็นต้น ไม่ใช่เงื่อนไขของความขัดแย้งอย่างไรไม่ทราบ และวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวนี้นำไปสู่ความสมานฉันท์ปรองดองภายในชาติอย่างไรไม่ทราบ!

ยังไม่ต้องพูดถึงว่า "รัฐบาลปู" ยังไม่ทันแถลงนโยบายเลย ยังไม่ได้ทำอะไรตามนโยบายเลย แต่ประชาธิปัตย์จะถอดถอนนายกฯ และยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยแล้ว นี่คือ "อีกความหมาย" ของคำอธิบายที่ว่า "ไม่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง" หรือครับ!

และยิ่งเป็นเรื่องตลกร้ายมากเมื่อประชาธิปัตย์ประเมินตนเองหลังเลือกตั้งว่า นโยบายเราก็ดีแต่ทำไมไม่ได้ใจประชาชน เป็นเพราะเราเป็นสุภาพบุรุษเกินไปหรือไม่ พูดแต่หลักการเหตุผล พูดเป็นวิชาการเกินไปจนชาวบ้านฟังไม่เข้าใจหรือไม่ ต่อไปต้องให้ ส.ส.ของเรามีลีลาการพูดดึงดูดความสนใจ ต้อง Acting ให้มากขึ้น ฯลฯ

ผมฟังแล้วก็ได้แต่ปลงๆ ถามว่ามีใครเข้าใจ "วิธีอธิบาย" ตามตัวอย่างที่ผมยกมาข้างต้นบ้าง ในเมื่อการพูดและการกระทำของคุณขัดแย้งกันเองอยู่แทบจะทุกเรื่อง ฉะนั้น ชาวบ้านเขาจึงเข้าใจกันเกือบทั้งประเทศว่า "ความหมายที่แท้จริง" ของวิธีอธิบายแบบประชาธิปัตย์นั้นคือ "ดีแต่พูด"

เช่นเดียวกันกรณีตอบโต้ณัฐวุฒิจนเป็นเหตุให้ต้องปิดการประชุมสภา ในเรื่องเกี่ยวกับประเด็นการอ้างสถาบัน และในวันก่อนนั้นอภิสิทธิ์ก็เรียกร้องให้รัฐบาลรับปากว่า "จะไม่แก้ไข ม.112" นี่คือการสะท้อนวิธีอธิบายว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่เงื่อนไขความขัดแย้ง และสะท้อนหลักคิดในการปกป้องสถาบันด้วยการปกป้อง ม.112 ซึ่งสะท้อนลงลึกถึง "ก้นบึ้ง" แห่งจิตวิญญาณและอุดมการณ์ประชาธิปไตยในทัศนะของประชาธิปัตย์ได้อย่างชัดแจ้งยิ่ง

เป็นความชัดแจ้งในยุคสมัยที่นักวิชาการ นักคิดนักเขียน และประชาชนฝ่ายก้าวหน้าจำนวนมากเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยที่ยืนยันหลักเสรีภาพและความเสมอภาค และเรียกร้องให้แก้ปัญหาการอ้างสถาบันและการใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทำลายกันในทางการเมือง ซึ่งหมายถึงการเรียกร้องการสร้างมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหาร และการนองเลือดเพราะความขัดแย้งจากการอ้างสถาบันขึ้นในประเทศนี้อีก

เมื่อประชาธิปัตย์ยังคงตอบสนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวของนักวิชาการ นักคิดนักเขียนและประชาชนฝ่ายก้าวหน้าในท่วงทำนองดังกล่าวมานี้ คำรำพึงที่ว่า "นโยบายเราก็ดี แต่ทำไมไม่ได้ใจประชาชน" จะยังคงเป็น "คำรำพึงประจำพรรคประชาธิปัตย์" ไปอีกนาน!

ตต

ฆ่าคนตายแล้วยังๆไม่ยอมรับอีก  ......ดีแต่พูดอย่างเดียว,,,หล่อไร้ประโยชน์
ชอบกันจริงอ้างสถาบันแล้วตัวเองได้ประโยชน์
มีอยู่พรรคเดียวนั่นแหลที่อ้างสถาบันแล้วตัวเองได้ประโยชน์
รักสถาบันจริงป่าว.....หรือว่าดีแต่พูด....
อย่าเอาสถาบันมาเกี่ยวกับการเมืองเลย....ขอร้องเถอะ   พรรคแมลงสาบ ส.หลกจริง

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

"มัน"ก็แค่ใช้เสื้อแดงเป็นทางผ่าน 
"มัน"จะรักเสื้อแดงมากกว่าเอกสิทธิ์ ส.ส. หรือครับ  ไม่มีทาง

ก็แค่"กุ๊ย"ใส่สูทเข้าสภา แค่นั้นจริงๆ
สันดานเลวยังเอามาใช้ได้อีก ...

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

DIDE

กำลัง อยู่ระหว่างประกันตัว มาทำแบบนี้ ได้หรือ

รู้สึกตอนเลือก ส.ส อยู่ในกรง สมัคร ส.ส ได้ไง

แล้ว ไม่ผิด กฏ กกต หรือไง

ส.ปิดปาก

อบ

ถูกต้องที่สุดไม่น่าเข้าสภาได้ ต้องพิจารณาคดีฆ่าคนตาย 91 ศพก่อน
ทำไทยด้วยกันตาย แต่ไม่เคยขอโทษประชาชนเลย ไหนบอกใช้กระสุนยางไง
สมควรขึ้นศาลโลก หล่อแต่ใช้การไม่ได้

เอก27

อ้างกันจัง 91 ศพ ส.ชิชิ
ความจริงเป็นยังไงอย่าบอกนะว่ารู้่น่ะครับ  ผมก็ไม่รู้ ใครจะไปรู้  นอกจากคนที่รู้มันจะเป็นไอชุดดำที่ยิงพี่เปา หรือพวกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มันถึงจะรู้

off 11

ฮะฮ่าที พธม.ชุมนุมไม่รู้อ้ายหรืออีตัวไหน ยิง M79เขาตาย คนนาทวีกำลังเรียนต่อ ดร.ตายติด ดอนเมือง ไม่มีสัตว์หน้าไหนมาร้องขอ หาตัวยิงไม่ได้ ยิงยอดปราสาทเทพบิดร นั่นมันผลงานนรกขุมไหนทำกับบ้านเมือง ฆ่าทหารที่อยู่ในรถพยาบาล ฆ่าประชาชนที่ยืนกับกลุ่มทหาร เมษา พวกมรึงหรือเปล่าที่เที่ยวแหกปากว่าชาวบ้านโดนพวกไหนทำ  บ้านเมืองเขาดีๆเอายางไปเผาขนมาเป็นรถๆคนหรือควายดูไม่ออกเหรอว่าขนมาเผาพวกเดียวกันไช่ไหม  แหกปากอยู่ได้ 91ศพ ก็ฝีมือเห็นๆ มีพลาดบ้างก็คนเป้นฯหมื่น  แล้ว มรึงมาทำอาไรกัน  โดนจูงจมูกมา หรือรับเงินมาเท่าไร หัวเกรียนมันซัดไปเท่าไร  ใครโง่กันแน่  จะขอศพละ 10ล้าน นรกเกิด เจ้ากรมค่ายฯจะเข้าไปเอาศพน้องๆมาทำพิธีศาสนาเครื่องบินตก  อ้ายพวกนรกนี่เคยขอเงินไห้ไหม  สาดจริงๆ  ที่ตากใบมรึงช่วยพูดบ้างซี่ น่าจะตามเส ไปด้วยกันเลยตอนนั้น  พลาดมาตอนปฎิวัติ นี่ก็อีกครั้ง......

จับฉ่าย