ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

“กษัตริย์จิกมี” ทรงย้ำ นักการเมืองต้องไม่ลุ่มหลง

เริ่มโดย ฟ้าเปลี่ยนสี, 12:23 น. 27 พ.ค 57

ฟ้าเปลี่ยนสี

"กษัตริย์จิกมี" ทรงย้ำ นักการเมืองต้องไม่ลุ่มหลงแต่ "ชัยชนะในการเลือกตั้ง" ชี้ประชาธิปไตยที่ดีต้องไม่ทำชาติ "แตกแยก"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
27 พฤษภาคม 2557 06:47 น.   

[attach=1]

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก องค์พระประมุขรัชกาลที่ 5 แห่งภูฏาน พระราชทานพระบรมราโชวาทระหว่างการเปิดประชุมรัฐสภาของประเทศ โดยพระองค์ระบุว่านักการเมืองที่ดีต้อง "ไม่ลุ่มหลงแต่ชัยชนะในการเลือกตั้ง" และผลประโยชน์ส่วนตัวโดยอ้าง "ระบอบประชาธิปไตย" และทรงเน้นย้ำว่าการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ดีนั้น ต้องไม่สร้าง "ความแตกแยกในชาติ"
       
       สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี วัย 34 พรรษา พระราชทานพระบรมราโชวาทต่อที่ประชุมรัฐสภาภูฏานในกรุงทิมพู เมืองหลวงของประเทศ โดยทรงเตือนสติบรรดานักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมทรงย้ำ นักการเมืองที่ดีจะต้องไม่ "ลุ่มหลงมัวเมากับชัยชนะในการเลือกตั้ง" และใช้ระบอบประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
       
       สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานซึ่งขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาของพระองค์เมื่อ 9 ธันวาคม ปี 2006 ยังทรงตรัสว่า แม้การเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็งจะถือเป็น "เป้าหมายหลัก" ของราชอาณาจักรของพระองค์ แต่การใช้ระบอบประชาธิปไตยจะต้องไม่นำมาซึ่ง "ความแตกแยก" ของคนในชาติ
       
       "ความแข็งแกร่งของประชาธิปไตยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนคือเป้าหมายหลักของภูฏาน แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า ถ้าระบอบประชาธิปไตยนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนในสังคมของเรา ขอให้พวกท่านทั้งหลายที่เป็นนักการเมืองในรัฐสภาแห่งนี้ จงอย่าลุ่มหลงแต่ชัยชนะในการเลือกตั้ง จนหลงลืมประชาชนและคำสัญญาที่พวกท่านเคยให้ไว้กับพวกเขา" กษัตริย์จิกมี ตรัสต่อที่ประชุมรัฐสภาภูฏาน
       
       ในตอนท้ายของการพระราชทานพระบรมราโชวาทครั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกยังทรงเน้นย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้วระบอบประชาธิปไตยถือเป็นระบอบการปกครองที่ดี แต่ที่ผ่านมากลับมีประชาชนในหลายประเทศทั่วโลกสูญเสียความเชื่อมั่นในการปกครองรูปแบบนี้ ซึ่ง "การสูญเสียศรัทธาในประชาธิปไตย" นี้มีที่มาจากพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของบรรดานักการเมือง และผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งนั่นเอง
       
       ทั้งนี้ ภูฏาน ซึ่งเป็นบ้านของประชากรมากกว่า 742,000 คน ได้เปลี่ยนการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อปี 2008 ภายใต้การผลักดันของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี โดยในปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรของราชอาณาจักรบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้มีจำนวนผู้แทนเพียง 47 ที่นั่งและมีพรรคการเมืองหลักเพียง 2 พรรค
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด