ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รถรางเบา ..ทางเลือกที่ดีกว่าของคนหาดใหญ่

เริ่มโดย Mr.No, 15:39 น. 06 ก.ค 57

Mr.No

[attach=1]

ฝากให้ คุณนิพนธ์ บุญญามณี กลับไปศึกษาเรื่องการนำระบบขนส่งมวลชนมาใช้ในหาดใหญ่อีกครั้ง...  โลกนับแต่วันนี้คือการทำให้โลกน่าอยู่....และเมืองต้องเป็นเมืองน่าอยู่ตามนิยามของ WHO

ขอนแก่น..กำลังตัดสินใจแล้วว่า จะเลือกใช้ระบบรถรางเบา หรือพวก street car แบบทีใ่ช้ในประเทศน่าอยู่ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา,ออสเตรีย,สวิซเซอร์แลนด์ ฯลฯ  เพราะมันสอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบเอเซียที่ชอบ "ติดดิน" ได้เหมือนกัน

ฝากลองพิจารณาครับ....  ส.ยกน้ิวให้




อ้อ..ที่อินเดียก็มีทั้ง metro,มีทั้งโมโนเรลนะ... แต่ข้างล่างมันก็ยังเป็นแบบนี้เหมือนเดิม...สนุกดี






..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

กิมหยง

เรื่องแบบนี้ ต้องผ่านทาง สนข.  หรือเปล่าครับ

เห็นก่อนหน้านี้ มีประชุมสัมนากันแล้ว

แล้วก็เงียบกันไปแล้วด้วย

ไม่รู้ยังไงต่อ
สร้าง & ฟื้นฟู

mix99

ดูของ กท. ครับ ไม่สามารถลดเวลาการเดินทางได้มากหรอกครับท่าน
1. เมืองนอกเขามีใช้ แต่ใต้ดินมีแน่นเปรียะ  รถรางคือส่วนเสริม เพราะรถยนต์น้อยครับ
2.ท่านห้ามรถ ณ.จุดตัดอย่างไร ถ้า รอเหมือน รถขบวนรถไฟ ไม่มีทาง พื้นถนนเดิมรถก็ติดเป็ยผังพืด ท่านจะเบียดเลนรึ
3.รางเวลาวิ่งก็ต้องระวังเหมือนรถยนต์เหมือนกันทำความเร็วก็ไม่ได้  กท.วิ่งกลางถนนก็ยังรอเวลา เดิมๆ
4.เอาง่ายๆวิ่งผ่านพลาซ่า ตรงไหน ติดแม่ค้าข้ามถนนก็ ตายแล้ว
5.ลอยฟ้า  ใต้ดิน ดีที่สุด แต่ลงทุนน้อยที่สุด ก็โมโนเรล นี่แหละ เบากว่านี้ก็กระเซ้า  แหละท่าน
6.ผมมองไม่ออกว่ารถรางเมืองไทยยกเลิกเพราะอะไร  แล้วท่านวางรถรางในคู คุ่ขนานนั้นน่ะวิ่งได้เลย ชาวบ้านข้ามถนน รถยูเทริน สี่แยก คนเดินรุกล้ำ ฯลฯ
  อยากเห็นการวิเคราะห์ชัดในกรณีต่างๆที่เขาวิเคราะห์กันง่ายๆว่า ปัญหามากมายถ้าท่านยังเบียดผิวถนนอยู่ครับ

Mr.No

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 15:55 น.  06 ก.ค 57
เรื่องแบบนี้ ต้องผ่านทาง สนข.  หรือเปล่าครับ

เห็นก่อนหน้านี้ มีประชุมสัมนากันแล้ว

แล้วก็เงียบกันไปแล้วด้วย

ไม่รู้ยังไงต่อ

อันนี้คงไม่เกี่ยวกับ สนข. ครับ ท่านกิมหยง  เพราะเป็น นโยบายของคุณนิพนธ์ เมื่อครั้งหาเสียง

ล่าสุด ก็มีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นที่ปรึกษา โดยมีสาระที่ว่า

"..เป็นที่ปรึกษาโครงการศึกษาออกแบบระบบขนส่งมวลชนโดยระบบรางในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง ภายใต้เจตนารมณ์ร่วมกันที่จะดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูลบริบท และปัจจัยสภาวะแวดล้อมต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่คาดว่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนผลกระทบต่างๆที่จะเป็นปัจจัยส่งผลต่อการตัดสินใจในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามโครงการ.."

ถ้าอ่านที่ขีดเส้นใต้ ก็คงเป็นการศึกษาในระบบรางภาพรวม ว่า ดี..แย่ตรงไหน เหมาะหรือไม่เหมาะกับ บริบทของสังคมไทย

แต่ในภาพประกอบการเซ็นสัญญา กลับโชว์ monorail หรา...ว่ามีแนวโน้มไปในทางนี้

[attach=2]


ก็ต้องคอยติดตามดูว่า....เรื่องเหล่านี้ ซึ่งอย่างน้อยควรได้ทำประชาพิจารณ์กันให้กว้างขวาง เชิญผู้รู้ที่หลากหลาย..มีมุมมองให้ครบทุกด้าน  ไม่เอาแต่ "หรอย" หรือ "หรู" เป็นตัวตั้ง  น่าจะดีที่สุด


อย่างนักพัฒนาผังเมืองที่เชียวชาญระดับชาติอย่างคุณ ฐาปนา (คนในภาพบนซ้าย) ซึ่งเป็นคนสงขลา(จบ มหาวชิราวุธ) แท้ ๆ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับซือแป ...เรากลับมองข้าม ไม่ยกหูถามความเห็นมั่ง  ส.อืม ส.อืม



[attach=1]

ฝากการบ้านให้คิดเรื่องการสร้างเมืองให้น่าอยู่ ด้วยภาพนี้ ครับ (เครดิต https://www.facebook.com/rattana.kosin.7)

ฝรั่งคิดเรื่องแก้ไขปัญหาจราจรและขนส่งมวลชนบ้านเมืองเค้าคิดเรื่อง คนเป็นอันดับแรก...แต่บ้านเราหรือแถบบ้านเราคิดกลับกัน  (ถ้ากลับหัวภาพนี้..ก็เมืองไทยละ)  ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ


..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

mix99

เราโพสกันใกล้ๆนะครับ
บอกตรงๆนะรถรางถ้าดีแล้ว ทำไม กท ต้องมีรถใต้ดิน BRT และกท.ต้องสร้างเชื่อมต่ออ่อนนุช ฝั่งธน.ทำไม แล้วรถไปฟ้า หลายๆสีเขาลงทุนกันทำไม ไม่ใช้รถรางล่ะ เจอแยกจอด รถเข้ามาเบียดในราง ตามภาพน่ะ ขนาด กท. วิ่งกลาง ยังเป็นรถติดดิน อืดๆอยู่ เลย  ลงทุนทำทั้งทีหนีปัญหาที่แก้ไม่ได้เพราะต้องไปต่อสู้กับคนพันๆที่เห็นแก่ตัว คนบ้านเรามักง่ายไงครับขวางได้เป็นขวาง แล้วไปสร้างปัญหาต่อยอดทำไม ขึ้นฟ้าแบบถูกๆ ดีๆ เช่นโมโนเรล สิงค์โปร์เซนโตซ่า โบกี็เกือบ80คน มันยังวิ่งเฉย คันละ  3 โบกี้ก็สบายๆเวลาแน่นๆก็วิ่งตามหางกัน ก็ได้
   ถ้าระบบรถรางดีจึงมันคงเต็มทุกๆเมืองที่การจราจรตอดขัด นี่มันมีในประเทศที่เขามีตัวขนส่งหลัก รถนี่เสริมครับ และการจราจรผิวพื้นน้อยมาก และเขาต้องการลดมลภาวะจากควัน  ผมไปอยู่ฝรั่งเศส แคนาดาก็ยั่งที่ว่าไงครับ ผมฟันธงว่าไปไม่รอดเสียเปล่า ไม่ลดเวลาจริง เสียเงินเพิ่มอีกหน่อยๆค่อยๆทำเหมือน กท.รถ BRTค่อยต่อขยายไป ขอนแก่นก็คอยดูเถอะครับ สองแถวมันแซงหน้าแล้วหันมายิ้มจะว่าไง...

Mr.No

อ้างจาก: mix99 เมื่อ 19:17 น.  06 ก.ค 57
ดูของ กท. ครับ ไม่สามารถลดเวลาการเดินทางได้มากหรอกครับท่าน
1. เมืองนอกเขามีใช้ แต่ใต้ดินมีแน่นเปรียะ  รถรางคือส่วนเสริม เพราะรถยนต์น้อยครับ
2.ท่านห้ามรถ ณ.จุดตัดอย่างไร ถ้า รอเหมือน รถขบวนรถไฟ ไม่มีทาง พื้นถนนเดิมรถก็ติดเป็ยผังพืด ท่านจะเบียดเลนรึ
3.รางเวลาวิ่งก็ต้องระวังเหมือนรถยนต์เหมือนกันทำความเร็วก็ไม่ได้  กท.วิ่งกลางถนนก็ยังรอเวลา เดิมๆ
4.เอาง่ายๆวิ่งผ่านพลาซ่า ตรงไหน ติดแม่ค้าข้ามถนนก็ ตายแล้ว
5.ลอยฟ้า  ใต้ดิน ดีที่สุด แต่ลงทุนน้อยที่สุด ก็โมโนเรล นี่แหละ เบากว่านี้ก็กระเซ้า  แหละท่าน
6.ผมมองไม่ออกว่ารถรางเมืองไทยยกเลิกเพราะอะไร  แล้วท่านวางรถรางในคู คุ่ขนานนั้นน่ะวิ่งได้เลย ชาวบ้านข้ามถนน รถยูเทริน สี่แยก คนเดินรุกล้ำ ฯลฯ
  อยากเห็นการวิเคราะห์ชัดในกรณีต่างๆที่เขาวิเคราะห์กันง่ายๆว่า ปัญหามากมายถ้าท่านยังเบียดผิวถนนอยู่ครับ

สวัสดีครับคุณ mix 99

ผมไม่อยากให้โฟกัสไปที่ประเด็นว่า การนำเอาระบบใดมาใช้จะเป็นการช่วยการแก้ปัญหาจราจรได้ตรงจุดหรือไม่ ..เพราะถ้าเรามองเพียงมุมเดียว เราก็อาจผิดพลาดตั้งแต่การวางกรอบคิดแก้ปัญหาจราจรแบบเก่ามาจนเคยชิน

เราเคยแก้ปัญหาระบบจราจรด้วยการ ขยายถนน..เพิ่มปริมาณถนน และสุดท้ายเราก็ต้องสร้างทางด่วน,ทางคร่อมกัน 1,2 และอีกหลายชั้นกันวุ่นวายแบบที่เกิดในกรุงเทพฯ  เพราะเราลืมคำสำคัญที่นักผังเมืองเคยบอกว่า "ไม่มีถนนใดกว้างพอสำหรับรถยนต์"

แนวคิดนี้...ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์เติบโต..เบิกบาน อย่างค่ายรถญี่ปุ่นนี่ไม่ต้องบอกว่า โกยเงินกับการผลิตรถยนต์ขายให้ประเทศในโลกที่สามรวมทั้งไทยมากมายเพียงใด

แต่สิ่งที่เราไม่เคยฉุกคิดก็คือ..เหตุใด  คนญี่ปุ่น ประเทศที่ผลิตรถยนต์,มอเตอร์ไซด์เอง ประเทศเหล่านั้นคนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะใช้ระบบขนส่งมวลชนแทนแทบทั้งสิ้น

เหตุผลที่นักผังเมืองให้ความสำคัญกับ พวกรถรางเบา ก็เพราะนี่จะเป็นต้นทางของการค่อย ๆ นำไปสู่การคืนพื้นที่ให้ "คน" มากกว่า "รถยนต์"

เรื่องนี้ถ้าจะคุยต้องว่ากันยาว ๆ ...ซึ่งจริง ๆ ผมก็ไม่ใช่นักผังเมืองหรือผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่ชอบศึกษาและติดตาม ก็พบว่า

แนวทางการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่นั้น นิยามของมันมุ่งที่ "คนอยู่อาศัย" ที่จะต้องมีหลักประกันในเรื่องของ "สุขภาพและสุขอนามัย" ที่ดีเป็นอันดับหนึ่ง

ถ้าผมบอกว่า...ผมจะแก้ปัญหารถติดในสายหนึ่ง,สองและสาม หรือสายในแถบเมืองเก่า ซึ่งผมอาจจะเปรียบได้กับพวกนี้ถือเป็นกลุ่ม "เมืองเก่า" ที่ต้องออกเทศบัญญัติหรือกฎหมายพิเศษไว้ให้เป็นหลักประกันของคนดั้งเดิมให้อยุ่ได้อย่าง ปลอดภัย..หายใจคล่องปอด  ผมต้องทำไง

ผมอาจเลือก..ยุบถนนให้เหลือเพียงเลนเดียว และเป็นเพียงเฉพาะแค่รถเดินได้เท่านั้น แต่จอดไม่ได้!!!!
แนวคิดนี้ใครอ่านก็ว่า บ้า..แล้วรถไม่ติดกันเป็นบ้าเป็นหลังไปหรือ เพราะขนาดเดิมวิ่งได้สองเลน.วันเวย์ก็แทบจะวุ่นอยู่แล้ว

ตัวอย่างข้างต้นเป็นหลักคิดที่ควรต่อยอดและเสวนาเพื่อให้เห็นภาพ..และนำไปสู่การตกผลึกว่า   ตกลงเราจะแก้ปัญหา "เมือง" หรือจะแก้ปัญหา "รถติด"

เพราะถ้าแก้ปัญหารถติด...เมื่อมี โมโนเรล...ข้างล่างก็ยังเส็งเคร็งและ "สลัม" กันต่อไปไม่หยุด
พร้อม ๆ ไปกับ บริษัทขายรถยนต์...หรือขายมอเตอร์ไซด์ที่ยังไม่หยุด โปรโมชั่น เหล่านี้ ไม่ได้แก้ปัญหาให้ "หาดใหญ่" แม้แต่น้อย

เราพลาดเพราะมอบเมืองให้  "นักการเมือง" มานาน  (อันนี้ของบอกตรงๆ)
และที่พลาดมากก็คือ  นักการเมือง ไม่สามารถทำอะไรที่จะไปหักหาญน้ำใจของ "คะแนนเสียง" พวกเค้า ซึ่งกระจายอยู่ตามบริษัทห้างร้านนายทุน...และกลุ่มก้อนผลประโยชน์ฯ

กี่ปีที่เราไม่เคยแก้ปัญหา ตลาดสด บนถนนรัถการได้....เพราะจับเข้าไปมีแต่  "หัวคะแนน"   
กี่เดือนที่เราไม่เคยไขเรื่องรถสองแถว..สารพัดรถที่วิ่งเป็น "เจ้าที่" แถวหน้าหอฯ ได้  เพราะพวกนี้ มีทั้งจ่าย..มีทั้งให้ ทั้งราชการ,การเมืองกันจนชิน

เกริ่นเรื่องนี้...น่าจะเป็น   "มหากาพย์" ได้อีกเรื่อง ....ยังไงฝากภาพข้างล่างนี้พิจารณาครับ

[attach=1]
กรุงโบโกต้า..แนวคิดการเพิ่มพื้นที่ทางเท้าให้คน แต่บีบรถยนต์ให้ถูกจอดที่บ้านและใช้ ขนส่งมวลชนแทน

[attach=2]
นึกภาพว่าดีเพียงใดหาก สาย 1 สาย 2 สาย 3 มีสภาพแบบนี้





..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

อ้างจาก: mix99 เมื่อ 19:38 น.  06 ก.ค 57
เราโพสกันใกล้ๆนะครับ
บอกตรงๆนะรถรางถ้าดีแล้ว ทำไม กท ต้องมีรถใต้ดิน BRT และกท.ต้องสร้างเชื่อมต่ออ่อนนุช ฝั่งธน.ทำไม แล้วรถไปฟ้า หลายๆสีเขาลงทุนกันทำไม ไม่ใช้รถรางล่ะ เจอแยกจอด รถเข้ามาเบียดในราง ตามภาพน่ะ ขนาด กท. วิ่งกลาง ยังเป็นรถติดดิน อืดๆอยู่ เลย  ลงทุนทำทั้งทีหนีปัญหาที่แก้ไม่ได้เพราะต้องไปต่อสู้กับคนพันๆที่เห็นแก่ตัว คนบ้านเรามักง่ายไงครับขวางได้เป็นขวาง แล้วไปสร้างปัญหาต่อยอดทำไม ขึ้นฟ้าแบบถูกๆ ดีๆ เช่นโมโนเรล สิงค์โปร์เซนโตซ่า โบกี็เกือบ80คน มันยังวิ่งเฉย คันละ  3 โบกี้ก็สบายๆเวลาแน่นๆก็วิ่งตามหางกัน ก็ได้
   ถ้าระบบรถรางดีจึงมันคงเต็มทุกๆเมืองที่การจราจรตอดขัด นี่มันมีในประเทศที่เขามีตัวขนส่งหลัก รถนี่เสริมครับ และการจราจรผิวพื้นน้อยมาก และเขาต้องการลดมลภาวะจากควัน  ผมไปอยู่ฝรั่งเศส แคนาดาก็ยั่งที่ว่าไงครับ ผมฟันธงว่าไปไม่รอดเสียเปล่า ไม่ลดเวลาจริง เสียเงินเพิ่มอีกหน่อยๆค่อยๆทำเหมือน กท.รถ BRTค่อยต่อขยายไป ขอนแก่นก็คอยดูเถอะครับ สองแถวมันแซงหน้าแล้วหันมายิ้มจะว่าไง...

ครับ...เพราะกรุงเทพฯ เป็นตัวอย่างของความผิดพลาดในการ วางผังเมืองและแนวคิดในการพัฒนาเมืองไงครับ...

ในหลายจังหวัดที่กำลังจะเป็น "มหานคร" ต้องซึมซับบทเรียนของกรุงเทพฯ กับวิธีคิดแบบ เกิดแล้วค่อยแก้ ไปตลอด

สงขลา,หาดใหญ่  ถ้าไม่มีคนที่มาสะกิดต่อมแรง ๆ สุดท้ายเราก็จะเจริญแบบกรุงเทพฯ  คือ เจริญแบบ พวก "หญ้า่" ที่แผ่ไปเรื่อยแบบไร้ทิศทาง

วันที่กรุงเทพฯ มีคนมากขึ้น...และรถยนต์มากขึ้นเราแก้ด้วยการเพิ่มถนน...ยิ่งเพิ่ม รถก็ยิ่งมาก.... 
ต่อมาเรามี รถแท็กซี่..มีรถเมล์นายเลิศ..ต่อมาไม่เพียงพอเราก็มีสองแถว(แบบหาดใหญ่ตอนนี้) วิ่งกระเต็ง ๆ ขนคนจากชานเมืองเข้าตัวเมือง

กรุงเทพตามซอกซอยมีรถกระป้อหรือตุ๊กตุ๊กแบบบ้านเรา....และสุดท้ายกรุงเทพฯ ก็มี รถเมล์เล็กเอกชนหลากสีวิ่งกันให้ควั่ก   

..สุดท้ายรถบริการทั้งของรัฐทั้งร่วมเอกชนเหล่านี้...ก็ไม่พอเพียงจนต้องมีป้ายดำ..มีรถตู้เถื่อน ฯลฯ

คำถามคือ.....เราจะเดินตามกรุงเทพฯ แบบสูตรนี้งั้นหรือ?

เพราะลองหันไปดุรอบตัวซิครับ....วันนี้ เราคือ กรุงเทพฯ เมื่อสามสิบปีที่แล้วชัด ๆ


ผมว่า..นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ร่วมกันถก..คิด..และหาแนวทางเพื่อสร้างเมืองหาดใหญ่ให้เป็นเมืองในแบบของเราเองที่ไม่ต้องใช้บทเรียนราคาแพงของกรุงเทพฯมาซ้ำประวัติศาสตร์อีกก็ได้

เรื่องลึกของ  street car มันมีนัยยะนำไปสุ่แนวคิดการแก้ไขปัญหาเมืองในรูปแบบอื่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์จำเพาะ และน่าอยู่แบบยั่งยืนก็ได้มิใช่หรือครับ..



..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

knumnoy


กิมหยง

แลทรงแล้ว น่าจะจบอยู่ที่

"ล่าสุด ก็มีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นที่ปรึกษา โดยมีสาระที่ว่า

"..เป็นที่ปรึกษาโครงการศึกษาออกแบบระบบขนส่งมวลชนโดยระบบรางในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง"

นักการเมือง วาระหนึ่ง 4 ปี

ศึกษาออกแบบ ครั้งหนึ่งทำกันกี่ปี





ส่วนตัวคิดว่า เรื่องระบบสาธาระณะมหาชนแบบนี้
ควรมีเจ้าภาพที่เป็นทางการ ทำกันเป็นระบบดีกว่ามั๊ยครับ



สร้าง & ฟื้นฟู

หิวข้าว

ผมกลับมองต่างจาก Mr. No การสร้าง Public Mass Transportation หรือการขนส่งมวลชนนั้น Priority แรกคือการให้ประชาชนเค้าถึงการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และลดจำนวนของรถยนต์ส่วนตัวลง ไม่ว่าจะ tram หรือ monorail แต่การวางโครงข่ายหรือเส้นทางเดินรถต้องศึกษาโดยมองภาพรวมและการขยายในอนาคต เส้นทางที่ผ่าน จุดจอด และความถี่ของแต่ละขบวนจะต้องสัมพันธ์กับ Demand จริงๆแล้วในต่างประเทศเช่นออสเตรเลีย ที่คุณ Mr. No เอาไอภาพที่เขียนว่า street car หรือ tram นั้นเพื่อที่จะขนส่งคนในระยะทางไม่ไกล แต่ครอบคลุมในพื้นที่ย่านการค้า และอยู่อาศัยในเส้นหลักๆ เพื่อลดจำนวนปริมาณรถยนต์ส่วนตัว ที่จะต้องมากระจุกตัวกันในเมือง

Monorail ก็มีจุดประสงค์คล้ายๆกันแต่จะสะดวกกว่าคือ ไม่ต้องใช้ทางเดินรถบนถนนทับซ้อนกับรถยนต์ เพียงแต่มันอาจจะดูไม่สวยงาม เพราะมีเสาคอนกรีตขึ้นเป็นแนวยาวเยียด แต่ในอีกมุมนึงคือ ประเทศไทยมีจำนวนรถจักรยานยนต์บนท้องถนนเยอะมาก และขับกันแบบเรียกได้ว่าซื้อใบขับขี่มารึเปล่า? ซึ่ง tram นั้นจะต้องมาค่อยระวังตรงจุดนี้ และเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก ถามว่า Monorail หรือ tram ดีกว่ากัน อันนี้ต้องดูถึงสภาพแวดล้อมของสิ่งก่อสร้าง เช่นถนน ความกว้างของเกาะกลาง พฤติกรรมของประชากรในพื้นที่ ซึ่งแต่ละที่แต่ละประเทศก็แตกต่่างกันไป อย่าเพิ่งเพียงแต่เห็นว่า อีกจังหวัดจะเลือกใช้ขนส่งมวลชนอีกแบบ แล้วมันจะเหมาะกับสภาพชุมชนหรือเมืองของตัวเอง

Sydney ก็มี Monorail, KL ก็มี Monorail ถามว่าทำไม KL ไม่ทำ tram หรือ street car เพราะพฤติกรรมของคนคล้ายๆกับเมืองไทย จำนวนรถจักรยานยนต์นั้นเยอะ จะให้ tram เลือกจอดฝั่งติดเกาะกลาง หรือฝั่งบาทวิธีที่จะไปขว้างเลนวิ่งของรถจักรยานยนต์ เห็นมั๊ยครับว่ามันกลุ้มขมับกันคิดไม่ตกแน่ๆ

แต่ถ้าหากเมื่อสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสามารถรองรับความต้องการได้ในราคาที่เหมาะสม พฤติกรรมคนใช้รถ จะเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติครับ คนจะเห็นมาเลือกใช้อะไรที่มันสะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า ราคาเหมาะสม ตามสัญชาติญานมนุษย์อยู่แล้วครับ คงไม่มีใครอยากนั่งท้ายกระบะสองแถวร้อนๆ หากมีทางเลือกที่ดีกว่า

Mr.No

อ้างจาก: หิวข้าว เมื่อ 14:27 น.  07 ก.ค 57
ผมกลับมองต่างจาก Mr. No การสร้าง Public Mass Transportation หรือการขนส่งมวลชนนั้น Priority แรกคือการให้ประชาชนเค้าถึงการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และลดจำนวนของรถยนต์ส่วนตัวลง ไม่ว่าจะ tram หรือ monorail แต่การวางโครงข่ายหรือเส้นทางเดินรถต้องศึกษาโดยมองภาพรวมและการขยายในอนาคต เส้นทางที่ผ่าน จุดจอด และความถี่ของแต่ละขบวนจะต้องสัมพันธ์กับ Demand จริงๆแล้วในต่างประเทศเช่นออสเตรเลีย ที่คุณ Mr. No เอาไอภาพที่เขียนว่า street car หรือ tram นั้นเพื่อที่จะขนส่งคนในระยะทางไม่ไกล แต่ครอบคลุมในพื้นที่ย่านการค้า และอยู่อาศัยในเส้นหลักๆ เพื่อลดจำนวนปริมาณรถยนต์ส่วนตัว ที่จะต้องมากระจุกตัวกันในเมือง

Monorail ก็มีจุดประสงค์คล้ายๆกันแต่จะสะดวกกว่าคือ ไม่ต้องใช้ทางเดินรถบนถนนทับซ้อนกับรถยนต์ เพียงแต่มันอาจจะดูไม่สวยงาม เพราะมีเสาคอนกรีตขึ้นเป็นแนวยาวเยียด แต่ในอีกมุมนึงคือ ประเทศไทยมีจำนวนรถจักรยานยนต์บนท้องถนนเยอะมาก และขับกันแบบเรียกได้ว่าซื้อใบขับขี่มารึเปล่า? ซึ่ง tram นั้นจะต้องมาค่อยระวังตรงจุดนี้ และเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก ถามว่า Monorail หรือ tram ดีกว่ากัน อันนี้ต้องดูถึงสภาพแวดล้อมของสิ่งก่อสร้าง เช่นถนน ความกว้างของเกาะกลาง พฤติกรรมของประชากรในพื้นที่ ซึ่งแต่ละที่แต่ละประเทศก็แตกต่่างกันไป อย่าเพิ่งเพียงแต่เห็นว่า อีกจังหวัดจะเลือกใช้ขนส่งมวลชนอีกแบบ แล้วมันจะเหมาะกับสภาพชุมชนหรือเมืองของตัวเอง

Sydney ก็มี Monorail, KL ก็มี Monorail ถามว่าทำไม KL ไม่ทำ tram หรือ street car เพราะพฤติกรรมของคนคล้ายๆกับเมืองไทย จำนวนรถจักรยานยนต์นั้นเยอะ จะให้ tram เลือกจอดฝั่งติดเกาะกลาง หรือฝั่งบาทวิธีที่จะไปขว้างเลนวิ่งของรถจักรยานยนต์ เห็นมั๊ยครับว่ามันกลุ้มขมับกันคิดไม่ตกแน่ๆ

แต่ถ้าหากเมื่อสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสามารถรองรับความต้องการได้ในราคาที่เหมาะสม พฤติกรรมคนใช้รถ จะเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติครับ คนจะเห็นมาเลือกใช้อะไรที่มันสะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า ราคาเหมาะสม ตามสัญชาติญานมนุษย์อยู่แล้วครับ คงไม่มีใครอยากนั่งท้ายกระบะสองแถวร้อนๆ หากมีทางเลือกที่ดีกว่า


ขอบพระคุณคุณ "หิวข้าว" ครับ..

แวะมาเสวนากัน..ผิดถูกไม่ใช่ประเด็น เพียงแต่ร่วมกันแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดและความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันเพื่อ "ความสุข" ของคนสงขลาหาดใหญ่  อันนี้น่าชื่นชมครับ

ก่อนจะเพิ่มเติม ผมนำภาพและข้อมูลมาให้ครับ

ที่ภูเก็ต..เมื่อ พ.ค 2557 ที่ประชุมซึ่งนำโดยผู้ว่าภูเก็ต มีมติเลือก ระบบขนส่งมวลชนแบบรางเบา (Street Car) เพื่อใช้สำหรับภูเก็ต  (ดูภาพประกอบครับ)

ส่วนประเด็นปลีกย่อย..เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่า เหตุใด  ภูเก็ต จึงตัดสินใจเลือกระบบนี้   ครับ.. ส.ยกน้ิวให้


[attach=1]


[attach=2]

สองภาพข้างต้น เป็นโมเดลภาพที่จะนำมาใช้ในภูเก็ตครับ




http://www.youtube.com/watch?v=u8tsJj0qwBM

ข้างบนนี้คือ โมเดลเส้นทางการวิ่งของรถรางเบาในภูเก็ตครับ





..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

หิวข้าว

ภาพ generated graphics แต่งให้สวยหรูดูดียังไงก็ได้ครับ เพียงแต่เมื่อมองถึงสภาพความเป็นจริงแล้ว มันคนละอย่าง แทบจะเรียกได้ว่าหน้ามือหลังตีน ขออภัยที่ไม่สุภาพ แต่มันคือเรื่องจริงครับ

จะใส่ tram ในหาดใหญ่ถนนโล่งๆ ดูดียังได้เลยครับ แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่อะซาร่า

Mr.No


[attach=1]

เมื่อปีที่แล้ว เป็นปีสุดท้ายที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ยกเลิกระบบรถโมโมเรล และกลับไปใช้ Tram หรือ Street Car แบบ 100 เปอร์เซนต์

นายกลาดีย์ส เบอร์เรจิกเลียน รัฐมนตรีคมนาคมของรัฐบาลท้องถิ่นรัฐนิวเซาธ์เวลส์ แสดงความเห็นว่า ระบบรถไฟรางเดียวหรือ โมโนเรล ซึ่งเชื่อมโยงจุดสำคัญของเมืองระหว่างศูนย์การประชุม ศูนย์การท่องเที่ยวในเขตท่าเรือดาร์ลิงไปยังเขตศูนย์กลางย่านธุรกิจ ไม่ค่อยเหมาะสมกับนครซิดนีย์

ส่วนนายแฟรงก์ ซาร์เตอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกเทศบาลนครซิดนีย์เมื่อครั้งที่มีการสร้างรถไฟระบบรางเดียวนี้เป็นครั้งแรก ยอมรับกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า เขาไม่ชอบโครงการนี้มาโดยตลอด โดยให้เหตุผลว่า โครงการดังกล่าวบดบังทัศนียภาพความสวยงามตามท้องถนนของนครซิดนีย์ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบรถไฟรางเดียว หรือโมโนเรล ยังไม่ตอบโจทย์ระบบคมนาคมขนส่งทั้งหมดได้อย่างดี


........................................................................

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

หิวข้าว

ญี่ปุ่นประเทศเจ้าแห่งทัศนียภาพที่สวยงามในความคิดของทุกคน เอ้เค้าจะมีมั๊ยน้า Monorail ไอระบบที่นายกเทศมนตรีซิดนีย์บอกว่าบดบังทัศนียภาพ หรือจริงๆเป็นเพราะ Monorail ใน sydney มีสถานีน้อยมากและแข่งขันกัน tram ที่มีให้บริการควบคู่กันไม่ได้ แต่ระบบไหนละถึงจะเหมาะกับบ้านหรือเมืองของเรา

ดู Monorail ในญี่ปุ่นกันซักหน่อย มีใช้ในหลายจังหวัด

เช่นที่ Okinawa


ที่ Chiba


ที่ Osaka


ส่วน Tram หรือ Street Car อาจจะเหมาะก็ได้ครับแต่จะใช่กับหาดใหญ่รึเปล่า จะใช่กับพฤติกรรมคนไทยรึเปล่า จะเวิร์คมั้ยกับบาทวิธีที่มีหาบแร่แผงลอยจองกับให้พึบ จะเวิร์คมั๊ยกับจักรยานยนต์ที่ขับกันแบบไม่เกรงใจตำรวจ จะมีใครยอมให้หน้าบ้านตัวเองกลายเป็นที่ Tram stop โดยที่ฝูงคนจำนวนมากมายีนออเป็นกลุ่ม ที่อาจนำพามาทั้งขยะ บุหรี่ และเสียงรบกวน หรือจอดริมเกาะกลางแคบๆ หลังคาไม่ต้องพูดถึง สร้างคงยากเพราะใหญ่ไปยื่นออกไปก็ขวางทางเดินรถ

เราจัดการตรงนี้ได้รึยัง เอาง่ายๆแค่รถยนต์ไม่จอดเลยเส้นที่จอดของรถจักรยานยนต์ช่วงแยกไฟจราจร พฤติกรรมคนหาดใหญ่และคนไทยหลายๆจังหวัด กับการจอดรถแบบตามใจฉัน สัญญานไฟเทวดา ลงไปซื้อกับข้าวแป๊ป หรือพฤติกรรมพวกขับย้อนศร ........ ลองเอาไปคิดดูครับ ว่าเหมาะมั๊ย

เอ้าเรามาดูตัวอย่าง Street car หรือ Tram ดูบ้างเนอะ
เช่น














อันนี้ก็ต้องศึกษาดูครับ แต่ไม่ใช่แพียงศึกษาด้านใดด้านนึง เช่นโอ้ไม่นะซาร่า Monorail ทำให้ทัศนียภาพไม่สวย เลยเห็นว่า Street Car เหมาะกว่า โดยที่ไม่ได้ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในเมืองนั้นๆเลย อย่างที่ได้สาธยายมาตามข้างบน อย่าเพิ่งเป็นกระต่ายตื่นตูมว่าโหยเมืองนั้นเค้าเลิกใช้แล้วดูดิ เราต้องไม่ใช้ด้วยตามเค้า

อันนี้ไม่มีใครผิดใครถูกครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เค้าศึกษาความเหมาะสม และออกแบบ

Mr.No

อ้างจาก: หิวข้าว เมื่อ 22:27 น.  09 ก.ค 57
ญี่ปุ่นประเทศเจ้าแห่งทัศนียภาพที่สวยงามในความคิดของทุกคน เอ้เค้าจะมีมั๊ยน้า Monorail ไอระบบที่นายกเทศมนตรีซิดนีย์บอกว่าบดบังทัศนียภาพ หรือจริงๆเป็นเพราะ Monorail ใน sydney มีสถานีน้อยมากและแข่งขันกัน tram ที่มีให้บริการควบคู่กันไม่ได้ แต่ระบบไหนละถึงจะเหมาะกับบ้านหรือเมืองของเรา

ดู Monorail ในญี่ปุ่นกันซักหน่อย มีใช้ในหลายจังหวัด

เช่นที่ Okinawa


ที่ Chiba


ที่ Osaka


ส่วน Tram หรือ Street Car อาจจะเหมาะก็ได้ครับแต่จะใช่กับหาดใหญ่รึเปล่า จะใช่กับพฤติกรรมคนไทยรึเปล่า จะเวิร์คมั้ยกับบาทวิธีที่มีหาบแร่แผงลอยจองกับให้พึบ จะเวิร์คมั๊ยกับจักรยานยนต์ที่ขับกันแบบไม่เกรงใจตำรวจ จะมีใครยอมให้หน้าบ้านตัวเองกลายเป็นที่ Tram stop โดยที่ฝูงคนจำนวนมากมายีนออเป็นกลุ่ม ที่อาจนำพามาทั้งขยะ บุหรี่ และเสียงรบกวน หรือจอดริมเกาะกลางแคบๆ หลังคาไม่ต้องพูดถึง สร้างคงยากเพราะใหญ่ไปยื่นออกไปก็ขวางทางเดินรถ

เราจัดการตรงนี้ได้รึยัง เอาง่ายๆแค่รถยนต์ไม่จอดเลยเส้นที่จอดของรถจักรยานยนต์ช่วงแยกไฟจราจร พฤติกรรมคนหาดใหญ่และคนไทยหลายๆจังหวัด กับการจอดรถแบบตามใจฉัน สัญญานไฟเทวดา ลงไปซื้อกับข้าวแป๊ป หรือพฤติกรรมพวกขับย้อนศร ........ ลองเอาไปคิดดูครับ ว่าเหมาะมั๊ย

เอ้าเรามาดูตัวอย่าง Street car หรือ Tram ดูบ้างเนอะ
เช่น














อันนี้ก็ต้องศึกษาดูครับ แต่ไม่ใช่แพียงศึกษาด้านใดด้านนึง เช่นโอ้ไม่นะซาร่า Monorail ทำให้ทัศนียภาพไม่สวย เลยเห็นว่า Street Car เหมาะกว่า โดยที่ไม่ได้ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในเมืองนั้นๆเลย อย่างที่ได้สาธยายมาตามข้างบน อย่าเพิ่งเป็นกระต่ายตื่นตูมว่าโหยเมืองนั้นเค้าเลิกใช้แล้วดูดิ เราต้องไม่ใช้ด้วยตามเค้า

อันนี้ไม่มีใครผิดใครถูกครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เค้าศึกษาความเหมาะสม และออกแบบ

ผมยังงงว่า ใครนิยามว่า ญี่ปุ่นคือเจ้าทัศนียภาพที่สวยงาม ??? 
และคำว่า "สวยงาม" ของเมือง คือความหมายใด?

ของแบบนี้ัมันเป็นเรื่อง "สองคนยลตามช่อง" ครับ

เพียงแต่ ..การนำเสนอมุมมองคงต้องสอดคล้อง วิถีและวัฒนธรรมของเราด้วย...

จะโมโนเรล..หรือ Tram หรืออะไรก็ตาม ทุกสิ่งล้วนมีเป้าประสงค์คือ  "แก้ไขหรือลดปัญหาความคับคั่งด้านการจราจร"

สิ่งที่ผมกำลังจะพยายามนำเสนอคือ  หลายประเทศที่เค้าเลือก ระบบรางเบา เพราะมันสอดคล้องกับแนวคิดการแก้ปัญหาเมืองเพื่อนำไปสู่ "เมืองสีเขียว"

ภาพรวมของการแก้ปัญหาเมือง..ต้องมองแบบองค์รวม  ไมใช่การแก้ปัญหาแค่ จราจร

เรืองนี้ผมถึงบอกว่าต้องคุยกันยาวววววววว  ครับ...

ที่คุณ "หิวข้าว"  นำเสนอภาพปัญหา รถรางกับอุบัติเหตุ  ผมก็มีภาพ รถโมโนเรลกับอุบัติเหตุเหมือนกัน..แต่คิดว่าไม่จำเป็น เพราะทุกระบบล้วนมีปัญหาของมันทั้งนั้น

เพียงแต่อยากให้เข้าใจในบริบทสังคมสงขลา ว่าถึงมันจะคล้าย KL, และอีกหลายมหานครทั่วโลก แต่ก็ใชว่า kl หรืออีกหลายเมืองในโลกจะประสบผลสำหรับด้านการแก้ปัญหาจราจรนี่ครับ

ทำไมถ้า..KL หรือ Singapore หรือที่อื่นมีแล้วเราต้องมีเหมือนกัน  ....คำถามก็คือ  วันนี้ Monorail ใน KL คือสูตรสำเร็จของการแก้ปัญหาระบบขนส่งมวลชนของเขาหรือไม่

กรุงเทพ..เราเคยมี รถราง...แต่เราลืมและไม่พัฒนาให้มันสามารถรับประโยชน์ได้  เพราะเราไม่คิดว่า วันนี้คนไทยจะใช้รถยนต์ส่วนตัวกันแบบ 1 ครอบครัวมีมากกว่า 1 คัน

กรุงเทพฯ จึงเป็น   ต้นแบบคนป่วยที่เราต้องเป็นแบบนั้นหรือ


นักผังเมืองหลายท่าน  และผมเองก็ยังมองว่า  สงขลา..และหลายจังหวัดบ้านนอก ยังอยู่ในวิสัยเยียวยาได้   

และยังสามารถสร้างสังคมสีเขียวและเมืองน่าอยู่ได้  ...ก่อนที่มันจะสายไป

ผมกำลังพูดถึงการนำไปสู่เรื่องที่ใหญ๋กว่าคือ  การสร้างผังเมืองที่จะทำให้ "สงขลา" กลายเป็นเมืองน่าอยู่แบบยั่งยืน


ความน่าอยุ่ในปัจจุบัน...ไม่ใช่นิยามเรื่องของการนำ "วัตถุ" มาเป็นเครื่องปรุงแต่ง

แต่ต้องสร้างความน่าอยู่บนพื้นทางสากลปัจจุบัน คือ  "กิน..อยู่..หลับ..นอน" ด้วยสุขอนามัย และ งดงามด้วยการลดมลภาวะ

ผมคิดว่า Tram หรือ Streetcar ไม่่ได้ถูกสร้างมาให้วิ่งแค่ 3-5 กิโลเมตร แต่มันก็วิ่งได้รอบเมืองหาดใหญ่ และวิ่งเชื่อมเมืองได้ไม่แพ้ Monorail

การฟื้นเส้นทางรถไฟสายสงขลา - หาดใหญ่และอาจเลือกระบบ Light Rail เข้าไปเสริมก็น่าจะเชื่อมสงขลายันไปถึงสะเดาได้แบบ  สบาย ๆ และลดต้นุทนได้มหาศาล

เพราะเรื่องการสร้างคอนกรีตวัตถุลอยฟ้านั้นไม่ใช่เรื่องด่วน...เพราะน่าจะเป็นทางเลือกหลัง ๆ ได้อยู่แล้วมิใ่ช่หรือ? ถ้าสุดท้ายบนดินมันหมดทางเยียวยา


[attach=1]

ภาพข้างต้น..เป็นตัวอย่างของการเสียประโยชน์พื้นที่ของเมือง เปรียบเทียบระหว่าง แอตแลนต้า(สหรัฐ) (ภาพขวา) กับ เมืองฟอเรนซ์ อิตาลี   (ซ้าย)

สองภาพแสดงให้เห็นเนื้อที่ใกล้เคียงกัน ..โดยที่ แอตแลนต้าเลือกสร้างทางด่วนทางคล่อม ทำให้เมืองส่วนใหญเสียเนื้อที่ไปกับการเวนคืนและพื้นทีใต้ทางด่วนทางคล่อมที่ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้เลย

ส่วนฟอเรนซ์ ใช้ระบบรถรางหรือขนส่งมวลชนอื่นเช่นทางน้ำ ฯลฯ โดยที่พยายามตีกรอบการเลือกใช้ระบบขนส่งมวลชน โดยเป้าหมายให้มีการใช้รถส่วนบุคคลให้น้อยลง ทำให้ เกิดพื้นที่ใช้สอยทางเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล

ที่ผมยกตัวอย่าง..เพราะ กำลังขยายความถึงการสร้างเมืองหาดใหญ่-สงขลา ในมิติที่สอดคล้องกับหลักผังเมืองที่ต้องเอนเอียงไปตามสภาวะโลกที่เน้น การเพิ่มพื้นที่เพื่อคนมากขึ้นและลดพื้นที่ของ "ความฟุ่มเฟือยทางวัตถุ" ทีเป็นการเผาผลาญพลังงานและสร้างมวลภาวะมากขึ้น 

ผมย้ำว่า ไม่ได้มาถกหรือเถียงว่า...อะไรจะดีกว่าระหว่าง Tram หรือ monorail  เพียงแต่ทำความเข้าใจว่า 


หาดใหญ่และสงขลายังอยุ่ในศักยภาพที่จะสร้างเมืองน่าอยู่ตามนิยามของ WHO ได้ โดยการสร้างให้การเชื่อมเมืองเป็นไปอย่างยั่งยืน


ถ้าการนำภาพแย่ ๆ มาบลั๊ฟกัน...ผมคงไม่นำมา เดี๋ยวจะเป็นประเด็นเอาชนะคะคาน..จนเลยการคุยกัน

เพราะคิดแบบง่าย ๆ ว่า.... รถวิ่งบนเสาคอนกรีต...อาแปะ..อาซิ้ม อยากลงตรงไหน ไม่ใช่เรื่องง่าย
หรือ..จะย้าย จะปรับเปลี่ยนเส้นทางหรือ  สถานี ไม่ใช่เอาเครนหรือรถไปยก บันไดหรือสถานีขนส่งปรับเปลี่ยนได้ง่าย ๆ
หรือ..เวลารถมันไฟไหม้...รถเสีย หรือชนกันกลางเสา.....อยากให้นึกภาพเวลากู้ภัย .. ว่ามันคงไม่ได้ง่ายแบบบพื้น

ผมเห็นด้วยว่าเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่อง "วิชาการ"

ถ้าคุย แค่การเลือก  "ระบบขนส่งมวลชน"  ก็ยังทะเลาะกันจะเป็นจะตาย

ยิ่งถ้าเอานักผังเมือง..มาคุยด้วย  ยิ่ง เป็นเรื่องกว้างออกไป  ..........


แต่ถึงคุยกัน..วีนกันบ้างหรือบ่นกัน  แต่ก็น่าคุย..น่าคิด กันมิใช่หรือครับ
เพราะช่วยกันคิด..ช่วยกันเสนอมุมมอง เพื่อบ้าน..เพื่อเมือง

อย่างน้อย นักการเมือง ก็คงต้องฟัง..ต้องหันมาดูบ้าง

เพราะวันนี้.... คนบ้านนอก ก็คิดเป็น...พูดและ  เสนอเป็นเหมือนกันนะ  ส.สู้ๆ






..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

mix99

แวะเข้ามาคุย  ผมยังมองไม่เห็นว่า
1.เราจะสร้าง เลนให้รถวิ่งสบายๆไม่มีใครมาขวางทาง เช่นที่หน้าพลาซ่าอย่างไร จะกันไม่ให้รถวิ่งสบายๆอย่างไร
2.ถ้าถนนว่างๆเหมือนที่ท่านN0ใส่มา  ไม่ต้องทำแล้วล่ะครับรถราง โมโนเรล รถไฟฟ้าหนัก รถใต้ดิน เสียเงินเปล่าๆรถธรรมดา เราๆท่านๆนี่แหละวิ่งได้เลย เพราะเราตั้งด่านไฟฟ้า รถที่เข้าเมืองหาดใหญ่จ่ายเที่ยวละ500 ใครๆก็ไม่ต้องหารถรางล่ะครับ  สองแถวที่เทศบาลให้วิ่งฟรีรับมวลชนก็เอาอยู่แล้วครับ   ....  ทำได้ไหมล่ะ
3.ผมก็นั่งยัน นอนยันแล้วว่า รถรางเป็นระบบกรีน  ระบบอนุรักษ์ วิ่งในเมืองที่ทำเสริมรถใต้ดิน รถไฟฟ้า บังคับไม่ให้รถคนจนๆเข้ามาใช้งาน นอกจากรวยพอ จ่ายค่าใช้ถนนเหมือนสิงคโปร์ที่อื่นๆ
4.สร้างระบบขนส่งมวลชนแล้วต้องมาบีบแตรไล่รถหน้า กลัวตุ๊กตุก เบียด แว้นซ์ยกล้อใส่ เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ถ้าเราไม่บังคับการเข้ามาใช้ทางกับรถอื่นๆ สามแยกจอด สี่แยกรอ ใครจะไปขึ้นล่ะครับ
5.ถ้าออกแบบ ระบบแล้ว ยังมาแย่งผิวจราจรกะคนอื่นนั้น เลิกคิดนะครับ ถ้าทำตาม 2  3 อย่างไร  หน้าไหนจะกล้า    ออกกฏห้าม  กรุงเทพยังไม่กล้าทำ ขึ้นแต่บนฟ้า  มุดใต้ดิน ต่อยาวออกไปเรื่อยๆ ไม่เห็นมีใครเขานิยมตามที่ แบบขอนแก่นเขาสร้างเรื่องออกมาด้านเดียว ไม่ตอบคำถามผมแม้แต่ข้อเดียว
       ผทกล้าท้าทายครับว่า ถ้าขอนแก่นทำ โดยไม่ห้ามรถเข้าเมือง มีแต่เจ๊ง กับเจ๊ง ครับ เงิน ภาษีทั้งนั้น ขออนุญาติ แชร์ความคิดด้วยเหตุและผลครับ

หิวข้าว

ก็ใช่งัยครับถึงได้เอามาให้ดูว่า tram ก็ไม่ได้ตอบโจทย์พฤติกรรมของคนในชุมชนหรือดีกว่า อย่างที่ จขกท จั่วหัวเอาไว้ว่า "ทางเลือกที่ดีกว่า" คือใครเป็นคนกำหนดหรือเห็นชอบหรอครับว่า Street car ดีกว่าสำหรับหาดใหญ่

เรื่องประเทศญี่ปุ่นภูมิทัศย์เค้าสวยงามใครเป็นคนนิยามที่ จขกท ได้ย้อนผมไว้ ก็คงจะหลายๆคนอะครับที่เคยไปเที่ยว อันนี้ว่ากันไม่ได้หากไม่เคยเห็นหรือสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ถ้าให้เทียบกับเมืองไทย แน่นอนที่นุ้นแจ่มแมวกว่าเมืองไทยครับ และวินัยก็ดีกว่าเช่นกัน เอาแค่เรื่องเข้าแถว, ทิ้งขยะ, รักษาความสะอาด, จิตสำนึก

เอิมเรื่องเปรียบเทียบเมือง Florence (ในใจกลางเมือง) กับ Atlanta (โซนนอกเขตชุมชนที่มี highway ผ่าน) อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ แต่เป็นผม ผมคงไม่เอามาเทียบ เพราะบริบทต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะที่มี highway เพื่อเอาไว้เชื่อมกับรัฐอื่น ลองคิดว่าถ้าไม่มีถนนเพรชเกษมสายใต้ (4) เชื่อมสงขลากับจังหวัดอื่นๆ เออเราจะไปมาหาสู่ หรือขนส่งกันอย่างไร อย่าเอามาปนกันครับ จุดประสงค์คนละอย่าง คนละเรื่องกับ In-Town public transportation.

แต่หากคุณ จขกท จะพยายามบอกว่า Florence มี Tram เห็นมั๊ยเนี่ยๆ ดีกว่าๆ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศษฐกิจได้ตามที่คุณได้กล่าวไว้ เอางี้ครับตามที่ผมได้เขียนเอาไว้ตั้งแต่คอมเม้นท์ที่แล้วว่า พฤติกรรมของเมืองเรา ประชากรของเรา นิสัยของเรา กฏหมายของเราสามารถทำให้สองข้างถนนปราศจากหาบเร่แผงลอย รถจอดพร้อมไฟวิเศษ ลงไปซื้อกับข้าว ลงไปแบงค์ ลงไปซื้อลูกตอ ได้หรือยัง โอเคถ้าทำได้ ไอส่วนที่ จขกท พยายามบอกว่าเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ พวกการค้าเส้นสาย 1,2,3 และอีกหลายๆเส้นจะหายวับไปกับตา เสน่ห์ของเมืองการค้าการซื้อขายจะกลายเป็นศูนย์ ถามว่าแม่ค้าพวกนี้จะไปอยู่ไหน ใครจะเป็นคนสร้าง complex มารองรับ และใครจะการันตีว่าหากเปลี่ยนไปในรูปแบบนี้แล้ว มันจะยังเป็นเสน่ห์ของเมืองหาดใหญ่ อย่าลืมครับว่า เศรษฐกิจชั้นในของหาดใหญ่เพิ่งพาการค้าการขาย การท่องเที่ยว

เรื่องอุบัติเหตุของ Monorail ครับทุกอย่างบนโลกสามารถเกิดขึ้นได้หมดอยู่แล้วครับ ผมคงไม่ต้องโน้มน้าวใคร เพียงแต่ว่า Monorail นั้นมีคู่กรณีคือ ขบวนอื่น ซึ่งวิ่งบนรางเดียวกัน และควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ มีเรื่องพวก Pre-caution, เรื่อง safety ที่ถูก Monitor ไว้ตลอด คงไม่มีจักรยาน คนเมามาปาดหน้ารถ สงกรานต์ ปีใหม่โล่งใจได้ แต่หากเป็น tram หรือ street car อันนี้งานใหญ่เลย ทั้งคนทั้งหมาหมูเห็ดเป็ดไก่เลยมั่งครับ คนเมา คนไม่เมา เด็กแว้น เด็กไม่แว้น แชร์พื้นที่เดียวกัน พอจะเดาออกนะครับว่า Risk มันจะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่เหลือคงจิตนาการออกว่าในโลกของความเป็นจริง ภาคปฏิบัติในสังคมแบบไทยๆ วินัยแบบไทยๆ บาทวิธีที่เต็มไม่พอ ยื่นออกมาถึงถนน เราจะมี street car แล้วหักดิบกันเลย หรือเราจะ adapt ตามความเหมาะสม

เอิ่มเราใช้ BTS, MRT มาก็หลายปีแล้วนะครับ Monorail ก็ไม่ได้ต่างเลยครับในเรื่อง safety procedure.

เรื่อง WHO เอางี้ครับ เรากำลังพูดถึงการเลือกใช้ method of transportation ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะ Monorail หรือ tram ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือขนคนจำนวนมากในคราวเดียวกัน ปลอดภัย และตรงต่อเวลา ที่สำคัญเป็นการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ผมคงไม่เอามาเป็นประเด็นเพราะทั้งสองแบบมีทั้งจุดเด่นจุดด้อย อยู่ที่เราเลือกว่าอะไรจะเหมาะกว่า ถามว่ามี Monorail แล้วมันทำให้เมืองไม่น่าอยู่หรอ เอ้ Osaka เมืองเก่าเมืองแก่เค้ายังใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มันจะทำให้คนเป็นหวัดรึเปล่า มันจะทำให้น้ำประปาไม่ไหลรึเปล่า ก็คงไม่หนิครับ แล้วเรากำลังพยายามหยิบยกองค์กร WHO กับvision ของเค้ามาเกี่ยวอะไรกับระบบขนส่งมวลชน ในเมื่อทั้งสองอย่างมันเสริมให้คนมีทางเลือกในการเดินทางที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น WHO = World health organization = องค์การอนามัยโลก ผมโครตงง.......... เออเอามาเป็นประเด็นด้วยแหะ

Mr.No


http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000021952

[attach=1]

สนข.นำร่องผุดรถรางโคราช, พิษณุโลก, ภูเก็ต เพื่อเชื่อมสถานีรถไฟความเร็วสูงทั้งเข้าเมืองและไปจังหวัดใกล้เคียง และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมือง ลงทุนน้อย ค่าซ่อมบำรุงต่ำ เตรียมจ้างที่ปรึกษาศึกษาละเอียดรูปแบบลงทุนรถรางโคราช คาด รบ.ลงทุน ให้ท้องถิ่นบริหาร ส่วน กทม.ปัจจุบัน กทม.ยังไม่เหมาะจนกว่าจะมีรถเมล์ใหม่และจัดเส้นทางใหม่ เล็งยุบสายที่วิ่งซ้ำซ้อนปรับเป็นรถรางวิ่งแทน ชูเมืองซิดนีย์ต้นแบบเชื่อมรถราง-รถไฟฟ้าเพิ่มผู้โดยสาร
       
       นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนข.ได้ทำการศึกษาและวางแผนการเชื่อมการเดินทางเข้าสถานีรถไฟความเร็วสูงในแต่ละสถานีในจังหวัดต่างๆ เช่น โคราช พิษณุโลก รวมถึงการแก้ปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต ซึ่งจะกำหนดระบบขนส่งที่เหมาะสมและสอดคล้องในการเดินทางของแต่ละจังหวัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยมีเป้าหมายเพื่อให้เข้าถึงระบบรถไฟความเร็วสูงได้สะดวกรวดเร็วรวมถึงสามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าไปในพื้นที่สำคัญของจังหวัดนั้นๆ และจังหวัดใกล้เคียงได้สะดวกที่สุด โดยในเดือนเมษายนนี้ สนข.จะว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อให้ศึกษารายละเอียดการก่อสร้างโครงการรถรางเมืองโคราช หรือ Tram Line วงเงินประมาณ 70 ล้านบาท ระยะเวลาศึกษา 1 ปี

[attach=2]   

      ทั้งนี้จะเป็นการนำผลการศึกษาเดิมของเทศบาลเมืองโคราช ที่มีมาพัฒนาและศึกษาละเอียดมากขึ้นทั้งรูปแบบการก่อสร้าง การลงทุน การเดินรถที่มีประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งหลักๆ คาดว่าโคราชอาจจะมีรถรางประมาณ 2-3 สาย ทั้งวิ่งภายในเมืองไปยังสถานที่สำคัญ สนามกีฬา มหาวิทยาลัย และเชื่อมไปยังจังหวัดข้างเคียง เช่น ขอนแก่น โดยจะก่อสร้างไปบนเกาะกลางถนนมิตรภาพ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเป็นถนนในเมืองไปแล้ว มีเป้าหมายรองรับการเดินทางของคนในจังหวัดนครราขสีมาเองเพื่อช่วยลดปริมาณรถยนต์และทำให้รถที่วิ่งมากจากจังหวัดอื่นผ่านเมืองโคราชได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยต้องพิจารณาหน่วยงานมี่จะทำหน้าที่ก่อสร้างงานโยธา ซึ่งเบื้องต้นเห็นว่าควรเป็นกรมทางหลวงเพราะการก่อสร้างจะอยู่บนเกาะกลางถนนของกรมทางหลวง
       
       "แนวคิดเบื้องต้น รัฐบาลกลางจะเป็นผู้ลงทุนงานโยธา และให้ท้องถิ่นทำหน้าที่บริหารการเดินรถ ทำให้มีโอกาสอยู่ได้ด้วยตัวเองและเป็นการกระจายอำนาจในส่วนของขนส่งมวลชนลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวของประเทศ โดย สนข.ทำหน้าที่ช่วยเหลือทางด้านเทคนิค ระยะทาง ประมาณ 11-12 กม. วงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ลงทุนไม่มาก ค่าบำรุงรักษาต่ำ รองรับการเดินทางได้มากกว่า 300 คนต่อขบวนหรือเที่ยว ความเร็วเฉลี่ย 25 กม.ต่อ ชม. ขณะที่รถเมล์รับได้เพียง 60 คนต่อคันหรือเที่ยว" นายจุฬากล่าว
       
       ส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น ยอมรับว่าการนำรถรางมาวิ่งค่อนข้างยากเพราะพื้นที่มีจำกัด มีปริมาณการเดินทางสูง จึงเหมาะกับระบบรถไฟฟ้าที่ขนส่งได้ถึง 1,200 คนต่อขบวน แต่ในอนาคตหากมีการปฏิรูปรถเมล์ มีรถใหม่ จัดเส้นทางใหม่จะสามารถนำรถรางมาวิ่งแทนรถเมล๋ได้ในบางเส้นทางที่มีการวิ่งซ้ำซ้อนกันหลายสาย เพื่อลดปริมาณรถบนถนน โดยจะต้องมีระบบตั๋วร่วมแล้ว ซึ่งภายใน 3 ปีระบบตั๋วร่วมจะสมบูรณ์
       
       สำหรับระบบรถราง ถือเป็นระบบสำคัญของของขนส่งมวลชนเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ซึ่งนอกจากระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมืองและรถไฟระหว่างเมืองรวม 10 สายแล้ว พบว่ายังมี รถราง หรือ Tram Line ด้วย โดยรัฐบาลเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย มีการวางแผนเพื่อพัฒนาระบบเชื่อมต่อขนส่งสาธารณะและขนส่งมวลชนของเมือง โดยมี Central Station เป็นสถานีกลาง เหมือนสถานีกลางบางซื่อ เชื่อมต่อระบบขนส่งทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าวิ่งระหว่างเมือง รถราง รถเมล์ แท็กซี่ โดยมีระบบ "ตั๋วร่วม" โอปอล (Opal) ซึ่งจะพัฒนาระบบตั๋วร่วมให้การเชื่อมต่อมีความสมบูรณ์ทั้งรถไฟฟ้า รถราง รถเมล์ เรือ ภายในปี 2557
       
       อย่างไรก็ตาม ระบบรถไฟของซิดนีย์ในภาพรวม รัฐลงทุน 100% โดยมีรายได้จากค่าโดยสารเพียง 30% จ้างเอกชนเดินรถรัฐอุดหนุนส่วนต่าง โดยใช้หลักคิดที่ใช้งบประมาณสำหรับระบบรางมากกว่าถนน เพราะถือว่าจะได้คืนในเรื่องความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยทุกหน่วยงานต้องปฎิบัติตามแผนแม่บทกลาง โดยปัจจุบัน มีปริมาณการเดินทาง 1.27 ล้านเที่ยว แบ่งเป็น รถยนต์ 2% รถไฟ 2% รถราง 2% รถแท็กซี่ 1% เดิน 92% ส่วน กทม.มีการเดินทางสูงกว่ามากถึง 17 ล้านเที่ยวต่อวัน
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

อ้างจาก: หิวข้าว เมื่อ 00:01 น.  11 ก.ค 57
ก็ใช่งัยครับถึงได้เอามาให้ดูว่า tram ก็ไม่ได้ตอบโจทย์พฤติกรรมของคนในชุมชนหรือดีกว่า อย่างที่ จขกท จั่วหัวเอาไว้ว่า "ทางเลือกที่ดีกว่า" คือใครเป็นคนกำหนดหรือเห็นชอบหรอครับว่า Street car ดีกว่าสำหรับหาดใหญ่

เรื่องประเทศญี่ปุ่นภูมิทัศย์เค้าสวยงามใครเป็นคนนิยามที่ จขกท ได้ย้อนผมไว้ ก็คงจะหลายๆคนอะครับที่เคยไปเที่ยว อันนี้ว่ากันไม่ได้หากไม่เคยเห็นหรือสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ถ้าให้เทียบกับเมืองไทย แน่นอนที่นุ้นแจ่มแมวกว่าเมืองไทยครับ และวินัยก็ดีกว่าเช่นกัน เอาแค่เรื่องเข้าแถว, ทิ้งขยะ, รักษาความสะอาด, จิตสำนึก

เอิมเรื่องเปรียบเทียบเมือง Florence (ในใจกลางเมือง) กับ Atlanta (โซนนอกเขตชุมชนที่มี highway ผ่าน) อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ แต่เป็นผม ผมคงไม่เอามาเทียบ เพราะบริบทต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะที่มี highway เพื่อเอาไว้เชื่อมกับรัฐอื่น ลองคิดว่าถ้าไม่มีถนนเพรชเกษมสายใต้ (4) เชื่อมสงขลากับจังหวัดอื่นๆ เออเราจะไปมาหาสู่ หรือขนส่งกันอย่างไร อย่าเอามาปนกันครับ จุดประสงค์คนละอย่าง คนละเรื่องกับ In-Town public transportation.

แต่หากคุณ จขกท จะพยายามบอกว่า Florence มี Tram เห็นมั๊ยเนี่ยๆ ดีกว่าๆ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศษฐกิจได้ตามที่คุณได้กล่าวไว้ เอางี้ครับตามที่ผมได้เขียนเอาไว้ตั้งแต่คอมเม้นท์ที่แล้วว่า พฤติกรรมของเมืองเรา ประชากรของเรา นิสัยของเรา กฏหมายของเราสามารถทำให้สองข้างถนนปราศจากหาบเร่แผงลอย รถจอดพร้อมไฟวิเศษ ลงไปซื้อกับข้าว ลงไปแบงค์ ลงไปซื้อลูกตอ ได้หรือยัง โอเคถ้าทำได้ ไอส่วนที่ จขกท พยายามบอกว่าเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ พวกการค้าเส้นสาย 1,2,3 และอีกหลายๆเส้นจะหายวับไปกับตา เสน่ห์ของเมืองการค้าการซื้อขายจะกลายเป็นศูนย์ ถามว่าแม่ค้าพวกนี้จะไปอยู่ไหน ใครจะเป็นคนสร้าง complex มารองรับ และใครจะการันตีว่าหากเปลี่ยนไปในรูปแบบนี้แล้ว มันจะยังเป็นเสน่ห์ของเมืองหาดใหญ่ อย่าลืมครับว่า เศรษฐกิจชั้นในของหาดใหญ่เพิ่งพาการค้าการขาย การท่องเที่ยว

เรื่องอุบัติเหตุของ Monorail ครับทุกอย่างบนโลกสามารถเกิดขึ้นได้หมดอยู่แล้วครับ ผมคงไม่ต้องโน้มน้าวใคร เพียงแต่ว่า Monorail นั้นมีคู่กรณีคือ ขบวนอื่น ซึ่งวิ่งบนรางเดียวกัน และควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ มีเรื่องพวก Pre-caution, เรื่อง safety ที่ถูก Monitor ไว้ตลอด คงไม่มีจักรยาน คนเมามาปาดหน้ารถ สงกรานต์ ปีใหม่โล่งใจได้ แต่หากเป็น tram หรือ street car อันนี้งานใหญ่เลย ทั้งคนทั้งหมาหมูเห็ดเป็ดไก่เลยมั่งครับ คนเมา คนไม่เมา เด็กแว้น เด็กไม่แว้น แชร์พื้นที่เดียวกัน พอจะเดาออกนะครับว่า Risk มันจะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่เหลือคงจิตนาการออกว่าในโลกของความเป็นจริง ภาคปฏิบัติในสังคมแบบไทยๆ วินัยแบบไทยๆ บาทวิธีที่เต็มไม่พอ ยื่นออกมาถึงถนน เราจะมี street car แล้วหักดิบกันเลย หรือเราจะ adapt ตามความเหมาะสม

เอิ่มเราใช้ BTS, MRT มาก็หลายปีแล้วนะครับ Monorail ก็ไม่ได้ต่างเลยครับในเรื่อง safety procedure.

เรื่อง WHO เอางี้ครับ เรากำลังพูดถึงการเลือกใช้ method of transportation ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะ Monorail หรือ tram ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือขนคนจำนวนมากในคราวเดียวกัน ปลอดภัย และตรงต่อเวลา ที่สำคัญเป็นการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ผมคงไม่เอามาเป็นประเด็นเพราะทั้งสองแบบมีทั้งจุดเด่นจุดด้อย อยู่ที่เราเลือกว่าอะไรจะเหมาะกว่า ถามว่ามี Monorail แล้วมันทำให้เมืองไม่น่าอยู่หรอ เอ้ Osaka เมืองเก่าเมืองแก่เค้ายังใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มันจะทำให้คนเป็นหวัดรึเปล่า มันจะทำให้น้ำประปาไม่ไหลรึเปล่า ก็คงไม่หนิครับ แล้วเรากำลังพยายามหยิบยกองค์กร WHO กับvision ของเค้ามาเกี่ยวอะไรกับระบบขนส่งมวลชน ในเมื่อทั้งสองอย่างมันเสริมให้คนมีทางเลือกในการเดินทางที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น WHO = World health organization = องค์การอนามัยโลก ผมโครตงง.......... เออเอามาเป็นประเด็นด้วยแหะ

อ่านแล้วค่อนข้างชอบนะ..เพราะเข้าใจว่า คุณมีความรู้เรื่องพวกนี้พอสมควร

ผมพยายามประมวลว่า  คุณหิวข้าว กับผม มีมุมมองต่างกันตรงไหน   อ่านแล้วก็พอแยกได้เราต่างกันตรงเรื่องของ  วิธีการแก้ปัญหา

ถ้าอธิบายแบบวิศวกรรมขนส่ง คิดว่าคงไม่มีใครเถียงว่า แนวคิดของการนำระบบขนส่งมวลชนใดมาปรับใช้นั้น ต้องเหมาะสม,สอดคล้องกับ วิถีชีวิตและพฤติกรรมของคนที่นั่น  ซึ่งผมมองว่าก็เป็นส่วนหนึ่ง

คุณพยายามบอกเองว่า  คนไทยเรา กับ คนญี่ปุนนั้น ต่างกัน โดยประโยคที่บอกว่า "....แต่ถ้าให้เทียบกับเมืองไทย แน่นอนที่นุ้นแจ่มแมวกว่าเมืองไทยครับ และวินัยก็ดีกว่าเช่นกัน เอาแค่เรื่องเข้าแถว, ทิ้งขยะ, รักษาความสะอาด, จิตสำนึก.."

ประโยคที่คุณพูดนี้ละคือ  "โจทย์" ที่ผมพยายามโยงให้เห็นถึงการเลือกระบบขนส่งมวลชนที่เหมาะสม จะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นจุดเริ่มของการแก้ไขปัญหาแบบที่เรียกว่า  "ทั้งระบบ"

คนไทยมักดูถูกกันเองว่าเราไม่สามารถเป็นแบบที่โน่นที่นี่ได้...ผมถึงได้นำเรื่อง WHO มาอธิบายซึ่งจริง ๆ มันก็คือเรื่องเดียวกัน

อ่านสิ่งที่ผมเขียนต้องอ่านแล้วคิดช้า ๆ นะครับ...อย่ารีบ 

ผมนำเรื่อง รถราง มาพูด ซึ่งจะได้โยงไปถึงการปฎิรูปเมือง...เมืองที่เป็นน่าอยู่ตามนิยามของ องค์การอนามัยโลกที่สากลเค้ายึดถือกันไงครับ

สี่ประการสำคัญของเมืองน่าอยู่  ที่ว่าด้วย  เป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและที่อยู่อาศัยที่สะอาดปลอดภัย, มีระบบนิเวศอยู่ในภาวะสมดุลยภาพและยั่งยืน ,มีชุมชนเข้มแข็งช่วยเหลือเกื้อกูลไม่เอารัดเอาเปรียบ, ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนด ควบคุม ตัดสินใจเกี่ยวกับงบประมาณที่ท้องถิ่นสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวต่องบประมาณรวมของท้องถิ่นนั้นๆ

นี่คือโอกาสของการแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่ภาพของ จังหวัดสงขลา แบบที่ไม่ต้องไปเทียบกับคนญี่ปุ่นหรือที่ไหนในโลก

ปัญหารถติดในหาดใหญ่ ...ต้องไปค้นหาเหตุของมันให้เจอ  และแก้มัน มิใช่หรือครับ

เหตุก็เดิม ๆ คือ  ปริมาณรถมากขึ้น เพราะนโยบายรัฐไม่สอดคล้องกับการแก้ปัญหา  ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมเรื่องการค้าการขายรถยนต์,มอเตอร์ไซด์ส่วนตัวกันแบบง่ายมากขึ้น

ปัญหาความเจริญของเมืองที่กระจายออกไปอย่างไร้แบบแผน...และระบบผังเมืองที่ไม่เคยนำมาปฎิรูปหรือระดมสมอง แต่ไปกองอยู่กับแค่พวกสำนักผังเมือง(ราชการ) และการเติบโตของเมืองอย่างไร้ทิศทางเหล่านี้ต่าง  ๆ คือการสร้างปัญหาให้เมืองในระยะยาว

ปัญหาการหลั่งไหลของประชากรเข้ามาเพื่อทำงาน... คนมาก...รถมาก สิ่งที่ตามมาคือ ปัญหาด้านสังคมไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด,อาชญากรรม ฯลฯ

ความห่วยแตกของระบบการบริหารงานด้านการจราจร...ความไม่มีวินัยจราจร ฯลฯ

เหล่านี้คือรากเหง้า..... 

ผมเล่ามาตรงนี้คุณอาจถามว่า...แล้วมันเกี่ยวกับ  รถราง..หรือ โมโนเรล ตรงไหน??   

คำตอบก็คือ เมื่อต้องการแก้ปัญหาอะไร..คุณต้องไปแก้ตรงนั้น  ไม่ใช่ไปแก้ทางอ้อม
และการแก้ปัญหานั้นจะต้องแก้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนไปพร้อม  ๆ กัน

สมัยที่เราเห็นรถตุ๊ก ๆ วิ่งปาดกันให้ควั่กในหาดใหญ่...บัดนี้ หลายคนขายตุ๊ก ๆ ทิ้งเพราะการเข้ามาของ รถสองแถว แท็กซี่ และล่าสุดพวกรถเมล์เอกชน

เหล่านี้คือการเจริญแบบกรุงเทพฯ ไม่ต่างกัน..และสุดท้ายเมื่อเมืองขยายจนใหญ่แบบไร้ทิศทาง วันนั้น เราไม่สามารถสร้างเมืองให้เป็นเมืองน่าอยู่ได้เลย

กรุงเทพฯ แก้ปัญหารถติดด้วยการ เวนคืนที่เพื่อสร้างถนนเพิ่ม...ขยายช่องจราจรถนนออก จาก สองเป็นสี่ เป็น แปดเลน และถ้าเป็นไปได้คงไม่ต่างกับอเมริกาที่เล่นถึง 12 เลน!!!

ผมถึงได้นำภาพของเมืองแอตแลนต้ามาให้เห็นว่า นี่คือผลพวงของการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เพราะคำว่า ถนนที่ใหญ่พอสำหรับปริมาณรถยนต์นั้นไม่มีในโลก

ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า ถ้าจะแก้ปัญหารถติดกลางเมือง ก็คือการลดขนาดของถนนและเพิ่มปริมาณพื้นที่สำหรับคนเดินถนน,จักรยานมากขึ้น

[attach=1]

[attach=2]

ภาพเปรียบเทียบถนนสองภาพข้างต้น คือแนวคิดของการปรับเปลี่ยนถนนเพื่อบีบและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน 

อยากให้นึกว่า.. ถ้าถนนธรรมนูญิวิถีมีรถรางวิ่ง จากรับคนจากสถานีรถไฟไปทะลุหน้า มอ. ไปเชื่อมระบบขนส่งมวลชนรอบเมือง  ทั้งเด็ก,ผู้หญิง คนแก่เฒ่า ก็มีโอกาสได้ใช้

หรือในอนาคตคนที่อยู่แถวคลองหวะ ก็นั่งรถรางเข้ามาสถานีรถไฟแล้วต่อด้วย LRT ไปทำงานสงขลา (ซึ่งในอนาคตก็อาจเกิดขึ้น) เหล่านี้ ผมก็คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ได้ไม่น้อย

อาแปะ..อาซิ้ม ขึ้นรถรางแบบ Low Floor คนพิการได้อาศัยรถรางขึ้นจากสถานีรถุไฟ ไปลงสามสิบเมตร ใกล้ก็จอดได้
คนมาเลย์,สิงค์โปร์ ก็นั่งชมเมืองได้

สองฝั่งที่รถรางวิ่ง..ล้วนสร้างมุลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่างกับทางรถไฟ

[attach=3]
หรือวันดีคืนดี..หากมีตังค์ก็ช่วยกันโคลนเจ้า 32 สูงเนินมาวิ่งบนรางแบบที่เมืองมัสซุยามะ ญี่ปุ่น ลุยการท่องเที่ยวให้จังหวัดสงขลาเป็นเมืองที่ต่างชาติชอบนั่งรถเที่ยว


กรุงเทพฯ วันนี้จึงมีอย่างเดียวก็คือต้องพึ่งพารถไฟฟ้า..และทางด่วน เพราะเมื่อเมืองมันขยายไปจนเลยเถิด..ก็อยากที่จะทำการปฎิรูปผังเมืองกัน

หาดใหญ่ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด  เพราะปัญหารถติดในหาดใหญ่คือบนเส้นทาง ที่วิ่งเข้าออกตัวเมือง โดยแยกเป็นสองกลุ่ม

กลุ่มแรก ติดตามถนนหลักเข้า - ออก เมือง พวกนี้ เกิดจากปริมาณรถยนต์ในช่วงเวลารีบด่วน
กลุ่มสอง คือพวกติดในเมือง เกิดจาก ปัญหาพื้นที่ถนนเสียไปเพราะการค้าบนถนน..วินัยจราจร และปัญหาจากการเอาเปรียบของเหล่าโรงเรียน ที่เพิ่มปริมาณนักเรียน โดยไม่เคยร่วมคิดหรือแก้ปัญหาหน้าโรงเรียนตัวเองเลย ฯลฯ

ผมพักเรื่องนี้ไว้หน่อย...เพราะคงต้องเขียนไปเรืื่อย ๆ .  แต่ฝาก คลิปเหล่านี้ให้ดู  บางที เมื่อดูแล้วคุณหิวข้าว อาจมองเห็นอะไรเล็ก ๆ ว่า ทำไมเมืองเหล่านี้จึงไม่เลิกใช้รถราง แถมยังเอารถไฟรางโบราณมาดัดแปลงให้เป็นจุดขายของเมืองสร้างมุลค่าเพิ่มได้อย่างคลาสิค 

รถรางในฮิโรชิมา

เมืองมัสซุยามะ ต้นแบบเมืองรถรางที่คลาสิคที่ยังอนุรักษ์รถรางโบราณไว้

ฺเมือง แบล๊กพูล อังกฤษ



..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No


ถ้าแบบในคลิปนี้ ...วิ่งจาก คลองหวะสามารถวิ่งเข้าไปเชื่อมกับรางรถไฟสายหาดใหญ่สงขลาเดิมแล้ววิ่งตรงเข้าเมืองสงขลา น่าจะเจ๋งนะ

[attach=1]
ลองดุบ้านเรา..ยึดทางเท้าไม่พอ..ลงมายึดถนนได้หน้าตาเฉย (เครดิตภาพ บ้านข่าวนิวส์) ส.หลก


*** อยากให้สังเกตุว่า

1. สองข้างถนนแทบไม่มีรถยนต์จอดเลย (ห้ามจอด)
2. เลนสำหรับรถยนต์ถูกบีบให้เหลือเพียงเลนเดียวแล่นสวนทางกัน
3. สังเกตุพื้นทางเท้า จะมีเนื้อที่เหลือให้คนได้เดินได้อย่างปลอดภัย

นี่คือส่วนหนึ่งของารบีบให้ประชาชนหันไปใช้ระบบขนส่งมวลชน ซึ่งญี่ปุ่นทำสำเร็จ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No


นี่เป็นอีกตัวอย่างของการแก้ปัญหาด้วยการนำ tram หรือ street car มาใช้ในตัวเมือง
อยากให้เห็นบรรยากาศในรถ...ทิวทัศน์สองข้าง และความเป็น Low floor ของรถรุ่นใหม่เอื้อให้ คนแก่..เด็ก และคนพิการสามารถใช้บริการได้อย่างเท่าเทียม

รถรางรุ่นใหม่ ๆ นั้น น่านั่ง..สะอาด และเงียบ  และที่สำคัญอยากให้สังเกตุก็คือ หลักการนำเอารถรางมาใช้ ส่วนใหญ่จะต้องลดเลนรถยนต์ลง และเพิ่มพื้นที่ทางเท้าให้คนมากขึ้น

ให้สังเกตุในคลิป นาที่ที่ 2.32 มีหญิงสาวพร้อมรถเข็นเด็กอ่อนสามารถเข็นรถเข้าในรถได้อย่างสะดวกสบาย...และอยาก
ในนาที่ 3.55 จะเห็นว่า รถรางนั้น ยังสามารถเบาหรือจอดให้คนข้ามทางม้าลายได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งอยากให้สังเกตุผู้คนสองฝั่งบนทางเท้า ที่สามารถเดินช้อปปิ้งหรือพักผ่อนได้อย่างสบาย เพราะพื้นทีกว้างขวางขึ้น

เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของ นิยาม การสร้างเมืองให้คนอยู่อย่างมีความสุข

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

หิวข้าว

คืองี้นะครับผมไม่ใช่ไม่ชอบ tram นะครับ เพียงแต่ว่าถ้า tram เหมาะกับพฤติกรรมไทยๆ กฏหมายแบบไทยๆ จิตสำนึกแบบไทยๆ ผมสนับสนุนเลยครับ แต่ผมไม่โลกสวยขนาดนั้น อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ แค่ให้จอดรถวันคู่วันคี่ยังทำกันไม่ได้เลย โอ้ย... นี่คิดจะไม่ให้จอด เปลี่ยนเลนจอดเป็นฟุตบาทให้กว้างขึ้นเพื่อนคนเดิน หาบแร่แผงลอยต้องหายเกลี้ยงด้วยแล้วเนี่ย ในเชิงปฏิบัติจริงมันโครตยากเลยครับ อันนี้เราต้องพูดกันตรงๆ

คือตอนนี้ที่ผมอ่านๆมาเหมือน จขกท พยายามบอกว่า เลือกใช้ tram จะเป็นการ "บีบ", "ดัด" นิสัย/พฤติกรรมของคนเอง อาจจะค่อยๆช้าๆเรียงๆไป

แต่อีกมุมนึงนะครับ ถ้าหากว่าดัดไม่ได้ พฤติกรรมไม่เปลี่ยน tram เจ๊งเละตุ้มเป๊ะ เลยครับ เงินที่ลงทุนจะแทบศูนย์เปล่าทันที

ผมถึงบอกงัยครับว่าให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญศึกษาดูว่าอะไรเหมาะ