ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ย้อนนาทีคาร์บอมบ์ 'สุไหงโก-ลก' พินาศ-รับรอมฎอน

เริ่มโดย itplaza, 11:19 น. 21 ก.ค 57

itplaza


เพลิงโหมลุกไหม้ อาคารบริษัทโปรคอมพิวเตอร์แอนด์โอเอ (ไทยแลนด์) จำกัด

เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกกคนต้องตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เห็น เมื่อที่เกิดเหตุเป็นตึกอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 8 คูหา เพลิงโหมลุกไหม้รุนแรง เปลวเพลิงแดงฉานอย่างน่าสะพรึงกลัว กลุ่มควันลอยดำทะมึนเต็มท้องฟ้าปกคลุมเป็นวงกว้าง ชาวบ้านร้านค้าละแวกใกล้เคียง ต่างตกใจแตกตื่นขนข้าวของหนีกันโกลาหล

เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ระดมฉีดน้ำอย่างเต็มพิกัด เพื่อระงับเหตุ

หนีตายเพลิงพิโรธ !?!

ขณะบนชั้นดาดฟ้าของตึก พบผู้คนวิ่งหนีตายขึ้นไปร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา 4 คน เจ้าหน้าที่จึงประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงกว่า 10 คัน ฉีดน้ำสกัดเต็มพิกัด พร้อมนำรถกระเช้าขึ้นช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่บนชั้นดาดฟ้าอย่างทุลักทุเล โดยต้องใช้เวลาในการสกัดเพลิงนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสงบลง โดยเพลิงเผาอาคารเสียหายยับเยินทั้งหลัง และสามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่บนชั้นดาดฟ้าได้ด้วยความปลอดภัยทั้งหมด ทราบชื่อคือนายเจริญชัย อุดมลาภสกุล อายุ 72 ปี เจ้าของบริษัทฯ นางเสาวณีย์ อุดมลาภสกุล อายุ 70 ปี ภรรยา นายทวีศักดิ์ อุดมลาภสกุล อายุ 45 ปี ลูกชาย น.ส.สุภัสสร ติยะรัตนาชัย อายุ 43 ปี ลูกสะใภ้

กดคาร์บอมบ์สนั่น-หามชาวบ้านส่งโรงพยาบาล!?!

เมื่อควันเริ่มจาง เจ้าหน้าที่ลุยตรวจที่เกิดเหตุ พบซากรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ ทะเบียน สย 6602 กรุงเทพมหานคร ที่คนร้ายใช้ซุกระเบิดแสวงเครื่องประกอบในถังแก๊สหุงต้มหนัก 15 กก. ไว้ในห้องโดยสาร จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารบึมถล่มรถพังยับเป็นเศษเหล็ก แรงระเบิดทำให้รถยนต์ของชาวบ้านที่จอดไว้บริเวณข้างบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯพังเสียหาย 3 คัน และรถ จยย. 1 คัน นอกจากนั้นมีชาวบ้านบาดเจ็บ 6 ราย ถูกนำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก ก่อนแล้ว ประกอบด้วย นายพิชัย ทองชมพูนุช อายุ 53 ปี นายสะมะแอ แวมะ อายุ 62 ปี น.ส.อามีรา เจ๊ะโซ๊ะ อายุ 31 ปี น.ส.รอซือม๊ะ สูแน อายุ 47 ปี นายอิสระ ศิริเดช อายุ 47 ปี และนายรุสมัน มะอุเซ็ง อายุ 41 ปี ทั้งหมดถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลุยตรวจที่เกิดเหตุ

เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนแล้ว ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายขับรถกระบะคันมาจอดไว้ที่บริเวณถนนหน้าร้านคอมพิวเตอร์แอนด์โอเอ (ไทยแลนด์) จำกัด กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สากอ อ.สุไหงปาดี ขับรถยนต์สายตรวจผ่านมา คนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ สบโอกาสใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเสียงระเบิดทำให้ตัวอาคารบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯ พังเสียหาย ก่อนมีเพลิงไฟลุกไหม้อาคารและลุกลามรุนแรงขึ้น สะเก็ดระเบิดยังกระเด็นไปถูกชาวบ้านที่ขี่รถ จยย.ผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บระนาว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอดภัยทุกคน ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

ต่อมาตรวจสอบหมายเลข แชสซีส์ของรถยนต์คันที่คนร้ายระเบิดคาร์บอมบ์ พบเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีน้ำตาล ทะเบียน บต 9179 ปัตตานี ของนายฉลอง เนื้อนา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 6 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ถูกคนร้ายดักปล้นและยิงนายฉลองตายอย่างโหดเหี้ยม พร้อมนายสงวน แก่นโพธิ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 341 หมู่ 6 ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว  จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 พ.ย.54 ที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 5 หมู่ 9 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะที่เหยื่อขับรถเร่ขายเฟอร์นิเจอร์

วอดทั้งตัวอาคาร เหลือเพียงเศษซาก

น้ำมือแกนนำรับเดือนถือศีลอด?!?

ส่วนป้ายทะเบียน สย 6602 กรุงเทพมหานคร ที่คนร้ายใช้ติดรถยนต์คาร์บอมบ์นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นป้ายทะเบียนรถของนายสุชาติ สุวรรณฉลวย อยู่บ้านเลขที่ 29 ถนนวิทูรอุทิศ 9 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ถูกคนร้ายบุกยิงเสียชีวิตหน้าบ้าน เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะขโมยรถหลบหนีไปด้วย จากพยานหลักฐานเจ้าหน้าที่ประมวลเหตุการณ์ลงความเห็นว่า เหตุการณ์คาร์บอมบ์กลางตลาดสุไหงโก-ลกในครั้งนี้ น่าจะเป็นฝีมือกลุ่มของนายอาลาวุดดิน โซ๊ะโก โดยมีนายนัสรี มือรี ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 51 กับนายมูฮำหมัดสะกรี โซซิง สองแกนนำคนสำคัญร่วมขบวนการด้วย เพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรงรับเดือนรอมฎอนหรือเดือนถือศีลอด ที่จะเริ่มขึ้นในวันเดียวกันนี้

ทหารชี้ข่มขวัญช่วง"รอมฎอน"

พ.อ.ปราโมช พรหมอินทร์ รองโฆษก (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ออกมากางตั้งโต๊ะแถลงประณามกลุ่มคนร้ายว่า คนร้ายเลือกก่อเหตุในเวลา 6 โมงเช้า ซึ่งเป็นครั้งแรกของการก่อเหตุในลักษณะนี้ ไม่ได้มุ่งหวังสร้างความเสียหายให้กับชีวิตประชาชน โดยปกติแล้ว จนท.ได้เฝ้าระวังอย่างมากจะเป็นช่วงเย็น หรือช่วงที่มีประชาชนพลุกพล่าน คาดเป็นเพียงการข่มขู่ ลักษณะของการประกอบวัตถุระเบิดในรถยนต์จะเป็นลักษณะคล้ายๆ กัน คือใช้ถังแก๊สในการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ได้แบ่งความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานกัน ในส่วนอาร์เคเค จะเป็นกองกำลังติดอาวุธที่เข้าปฏิบัติการโจมตีต่อที่หมาย และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกัน แต่เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน จะแบ่งหน้าที่กันทำ สำหรับทีมผู้ประกอบวัตถุระเบิดนั้นเจ้าหน้าที่มีรายชื่อกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว จะแยกคนละส่วนกับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นอาร์เคเค ก่อนหน้านี้ได้มีการสำรวจพบว่า ผู้ทำหน้าที่ประกอบระเบิดมี 50 กว่าคน ตอนนี้เหลือ 30 กว่าคน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีรายชื่อทั้งหมดแล้ว

วงจรปิดบันทึกภาพคนร้าย 2 คน สวมมวกกันน็อก ขี่ จยย.มาดูลาดเลา ให้คนร้ายอีกคนขับรถยนต์คาร์บอมบ์มาจอดก่อนบึม

วงจรปิดภาพชัด-ล่า 3 มือคาร์บอมบ์?!?

พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก ในขณะนั้น ถึงกับเก้าอี้ร้อน จึงสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 60 นาย ใช้กฏอัยการศึกบุกจู่โจมค้นพื้นที่เป้าหมายที่คนร้ายก่อเหตุเผ่นหนีไปหลบซ่อนตัวรวม 4 จุด ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโก-ลก แต่ผลการตัวค้นไม่พบตัวคนร้ายคาดว่าไหวตัวไปกบดานที่ฝั่งมาเลเซีย ขณะที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้อย่างชัดเจน โดยคนร้าย 2 คน สวมเสื้อคุมสวมมวกกันน็อกอำพรางใบหน้าขี่รถ จยย.มาดูลาดเลาเพื่อให้คนร้ายอีกคนขับรถยนต์คาร์บอมบ์มาจอดก่อนบึมถล่ม และคนร้ายที่ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุคาร์บอมบ์บริเวณสี่แยกโรงแรมเมอร์ลิน

"ล่วงเลยมาแล้ว 2 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถนำตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาผูกแขนสเตนเลส นำตัวเข้าห้องขังเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายได้"

เหตุระเบิดในครั้งนี้แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มก่อความไม่สงบเขย่าขวัญความมั่นคงของชีวิตของประชาชนที่ดำรงอยู่ "ปลายด้ามขวาน" แต่ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยตระหนักถึงความปลอดภัยต่อสถานะการเป็นอยู่ และอันตรายรอบตัวที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

โดยเฉพาะปัจจุบันที่เสียงระเบิดดังขึ้นรายวัน คงถึงเวลาแล้วที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง จะแสดงบทบาทร่วมกับประชาชนนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ ก่อนที่ความรุนแรงจะทวีคูณมีคนล้มเจ็บตายไปมากกว่านี้.

ขอบคุณเนื้อหา thairath
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=37839&page=1