กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

ธรณีพิโรธเขย่ามณฑลยูนนาน ของจีนเสียหายหนัก ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 379 ราย บาดเจ็บเกือบ 2 พันรายแล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งทุกฝ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มความสามารถ ขณะที่นายกฯจีน ลงพท.แผ่นดินไหวทันที



เมื่อวันที่ 4 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหว เขย่ามณฑลยูนนาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 3 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น และความรุนแรงของธรณีพิโรธได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็นขนาด 6.5 จากเดิม 6.1 ว่า ส่งผลให้มีผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 379 รายแล้ว และบาดเจ็บกว่า 1,881 ราย โดยความเสียหาย รวมทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองจ้าวตง เขตหลูเตี้ยน

สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีนรายงานว่า ทางการจีนได้ส่งกำลังทหารกว่า 2,500 นาย ประกอบด้วยทั้งทหารประจำการและทหารกองหนุน ไปยังพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวอย่างเร่งด่วน







ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายพยายามช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มความสามารถ เพื่อรักษาชีวิตของผู้ประสบภัย ให้เสียชีวิตและบาดเจ็บน้อยที่สุด รวมทั้งยังสั่งให้จัดหาเต็นท์ที่พักอย่างพอเพียงให้แก่บรรดาผู้ประสบภัย

ด้านนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน ได้เดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวเมื่อเช้าวันจันทร์นี้ (4 ส.ค.) พร้อมกับมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมุ่งการค้นหาและช่วยชีวิตประชาชนที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง รวมถึงการจัดหายาและสิ่งของที่จำเป็นแก่บรรดาผู้ประสบภัย นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่เมืองจ้าวตง ยังได้ประกาศขอรับบริจาคเลือดจากประชาชนเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บโดยด่วน



ข่าวแจ้งว่า ความรุนแรงของธรณีพิโรธเขย่ามณฑลยูนนานครั้งนี้ ทำให้มีบ้านเรือนพังเสียหายหมดทั้งหลัง จำนวนถึง 12,000 หลัง และได้รับความเสียหายบางส่วน 30,000 หลัง จึงทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องย้ายออกจากบ้านซึ่งไม่มีความปลอดภัย

ทั้งนี้ ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวของจีน รายงานความรุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ที่ขนาด 6.5 ขณะที่สำนักสำรวจภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯตรวจวัดความรุนแรง ได้ขนาด 6.1 โดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ที่เมืองหลองตูช่าน ห่างจากเมืองจ้าวตงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 23 กม.


ขอบคุณเนื้อหา thairath
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=38397&page=1