ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ขอ7วันพิสูจน์3ปม วสท.ลุย สอบคอนโดถล่ม

เริ่มโดย itplaza, 11:30 น. 13 ส.ค 57

itplaza

เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ฝนถล่มซ้ำ-ต้องหยุดค้นหา ผู้รับเหมาอ้างสร้างตามแบบ


พบศพคนงานเหยื่อตึกถล่มเพิ่มอีก 2 ศพ นอนตายอยู่ข้างศพคนงานชายที่เพิ่งสิ้นใจ ส่วนอีกคนยังร่อแร่แถมยังไม่ทราบชะตากรรมอีกหลายชีวิต ขณะที่นายกสมาคมวิศวกรรมสถานฯ (วสท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบมุ่งสาเหตุมาจาก 3 ประเด็นคือการออกแบบ วัสดุก่อสร้างและขั้นตอนการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ 7 วัน ส่วนการดำเนินคดีอยู่ระหว่างเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน เผยแม่ลูกที่ตายด้วยกันมีสามีทำงานตึกมรณะ แต่ตัวยังไม่ทราบชะตากรรม ขณะที่ลูกชายผู้รับเหมาช่วงเกิดเหตุทำงานอยู่ชั้น 6 ร่วงลงมาแต่แค่จุกเท่านั้น

จากเหตุการณ์อาคารคอนโดมิเนียมระหว่างก่อสร้าง ถนนเลียบคลองหก หมู่ 2 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ถล่มพังพาบลงมาทั้งหลังฝังทั้งเป็นคนงานหลายศพและบาดเจ็บอีกหลายคน เบื้องต้นพบศพคนงานเสียชีวิต 2 ศพถูกเศษซากปูนทับเสียชีวิตอนาถเป็นแม่ลูกกันและพบผู้บาดเจ็บอีก 2 คนติดใต้ซากหักพัง ยังไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้ เบื้องต้นคาดว่ายังมีคนงานติดอยู่ใต้ซากมรณะอีก 7 คนนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า การช่วยเหลือชีวิตคนงานที่อยู่ใต้ซากหักพังยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ระดมกำลังมาจากหลายหน่วยงานทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารและช่วยผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ออกมา ขณะเดียวกันได้มีนางสุธา อรุณศรี ภรรยาของนายเชษฐา กำภูชาติ อายุ 40 ปี 1 ใน 2 คนงานที่ได้รับบาดเจ็บและยังติดอยู่ในซากตึกเดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ หลังทราบข่าวอาคารที่สามีทำงานอยู่พังถล่มเลยรีบเดินทางมาดูที่เกิดเหตุโดยเดินทางมาถึงตอนตีห้าวันเดียวกันนี้แต่ยังไม่สามารถเข้าไปคุยกับสามีที่ติดอยู่ในซากหักพังได้ ส่วนคนงานอีกคนคือนายกล้าณรงค์ ปราบภัย ยังมีชีวิตและอยู่ระหว่างช่วยเหลือออกจากซากตึก

ล่าสุดนายเชษฐา มีอาการอ่อนเพลียและหมดสติชีพจรอ่อนลง กระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. วันเดียวกันสร้างความเศร้าสลดให้กับนางสุธา ภรรยาที่เดินทางมาหาสามีด้วยความเป็นห่วงแต่ยังไม่สามารถนำศพออกมาได้ เช่นเดียวกับนาย กล้าณรงค์ ปราบภัย ยังไม่สามารถนำออกมาได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ กำชับให้ช่วยเหลือคนงานอย่างเร่งด่วน

ส่วนนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานีเปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบรายชื่อผู้บาดเจ็บที่ยังติดอยู่ใต้ตึกและไม่ทราบชะตากรรมทั้งหมด 7 ราย คือ 1.นายใกล้รุ่ง ทัพครบุรี 2. นายสิทธิโชค แกมณี 3.นายธนากร ตรีเมฆ 4.นางเพียบ มงคล 5. นายอินเคลือ ไม่ทราบนามสกุล 6.นายธวัชชัย สุขสม และ 7.นายดนัย สุขสม ส่วนคนงานที่ช่วยเหลือออกมาได้และนำส่งโรงพยาบาลไปแล้วจำนวน 24 รายส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา โดยยังนอนโรงพยาบาลเพราะอาการสาหัส 5 คน ยังคงติดค้างไม่ทราบชะตา กรรมภายใต้ตึก 7 คน อยู่ระหว่างให้การช่วยเหลือ

ระหว่างที่หน่วยกู้ภัยระดมช่วยเหลือคนงานที่ติดใต้ซากตึกนั้นได้มีนางไพริน แอบกระโทก อายุ 55 ปี แม่ของนายใกล้รุ่ง ทัพครบุรี อายุ 37 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ภายใต้อาคารยังไม่ทราบชะตากรรมมารอพบหน้าลูกชายด้วยใจระทึกโดยเปิดเผยว่า นายใกล้รุ่งมาทำงานก่อสร้างกับนางเพียบ มงคล อายุ 34 ปี ภรรยา และเพื่อนบ้านรวม 7 คน และทราบว่าทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ติดค้างอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวขอภาวนาให้ลูกชายปลอดภัยกลับบ้านไปฉลองวันแม่ด้วยกัน

อีกรายนางหน่อย สุขสม น้องสาวของนายธวัชชัย สุขสม และนายดนัย สุขสม สองคนงานที่ยังไม่ทราบชะตากรรมได้มาที่เกิดเหตุเพื่อมารอดูการค้นหาพี่ชายกล่าวว่า นางอ้วนและลูกชายที่พบศพในวันเกิดเหตุนั้นเป็นเมียและลูกของนายดนัยโดยลูกชื่อ ด.ช.เบนโตะ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 75/9 หมู่ 3 ต.ธำมรงค์ อ.เมืองกำแพงเพชร รู้สึกเสียใจมากที่พี่ติดอยู่ในซากยังไม่ทราบชะตากรรม ส่วนพี่สะใภ้กับหลานชายเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ศพยังอยู่ รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต คาดว่าจะนำกลับบ้านเกิดที่ จ.กำแพงเพชร

ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกันหน่วยกู้ภัยสามารถนำศพนายเชษฐา กำภูชาติ ออกมาได้แต่ปรากฏว่าข้างศพนายเชษฐานั้นพบศพเพิ่มอีก 2 ศพ เป็นชาย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำศพออกมาอย่างทุลักทุเล ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นใคร ด้านการสอบสวนเกี่ยวกับคดี พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ปัญญา นาควิเชียร รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ธนวัช ชนะศรีขจร ผกก.สภ.คลองห้า ท้องที่เกิดเหตุนำพนักงานสอบสวนจากหลายโรงพักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี มาสอบปากคำคนงานในฐานะผู้เสียหายเพิ่มเติม โดยได้สอบปากคำแล้ว 14 ปากรวมทั้งนายเดียว ปราบโจร อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นผู้รับเหมาการก่อสร้างอาคารดังกล่าว

สอบสวนนายเดียว ปราบโจร ให้การว่า ตนเป็นผู้รับเหมาช่วงมาจากบริษัท ปลูกแปลง จำกัด โดยไม่ได้มีการทำหนังสือสัญญาว่าจ้างเพราะเป็นคนกันเอง ตนมีหน้าที่นำคนงานมาก่อสร้างตามแบบที่ผู้รับเหมาคนเก่าทำไว้ ส่วนวัสดุก่อสร้างนั้นตนไม่ได้เป็นผู้ซื้อ โดยก่อนเกิดเหตุตนมีคนงานทั้งหมด 23 คน รวมกับเด็กวัย 5 ขวบ อีก 1 คน ซึ่ง 1 ใน 23 คนนั้น มีนายนิรุตต์ ปราบโจร อายุ 24 ปี ลูกชายตนรวมอยู่ด้วย ขณะเกิดเหตุ ตนยืนอยู่ด้านหน้าตัวอาคารเพื่อตรวจงานได้ยินเสียงดังและสั่นสะเทือน เพียงชั่วพริบตาเดียวอาคารได้พังครืนถล่มลงมาตนถึงกับช็อก เพราะนายนิรุตต์ลูกชายอยู่บนชั้น 6 ด้วย ภายหลังกลับพบว่าลูกชายไม่เป็นอะไรเพียงแต่จุกที่หน้าอกเท่านั้นสร้างความดีใจเป็นอย่างมาก สำหรับผู้เกี่ยวข้องของอาคารที่เกิดเหตุ ทั้งผู้รับเหมารายแรก วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างและผู้ออกแบบยังไม่ได้สอบปากคำยังอยู่ระหว่างตามตัว

ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า อยู่ระหว่างเร่งประสานกับ อบต. คลองหกเพื่อตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตก่อสร้าง รวมทั้งเรียกเจ้าของโครงการ วิศวกรผู้ออกแบบและคุมงานก่อสร้างมาสอบปากคำว่าเข้าข่ายกระทำผิดฐานกระทำการโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บหรือไม่ แต่ยังไม่สามารถติดต่อผู้รับผิดชอบได้ พร้อมกันนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปแล้ว

ต่อมานายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวหลังไปตรวจที่เกิดเหตุว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุอาคารถล่มเพราะการเซตตัวของพื้นคอนกรีตไม่ได้ตามเวลาที่ควรจะเป็น ควรอยู่ที่ 2 สัปดาห์ และมีการเร่งก่อสร้างพื้นคอนกรีตชั้นบนตามกัน ทั้งนี้ในวันที่ 13 ส.ค. เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปทุมธานีจะเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้บริหารบริษัท ปลูกแปลง จำกัด ที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายแรก

ด้านนางกรรณิการ์ พฤกษชาติ ประกันสังคมจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าแรงงานไทยและต่างด้าวได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคมหรือไม่ หากมีการขึ้นทะเบียนไว้จะได้รับการช่วยเหลือตามสิทธิที่ควรได้รับ เช่น ค่าทดแทนกรณีเจ็บป่วยจากการทำงาน ค่าทำศพ เป็นต้น ทั้งนี้ สปส.จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แรงงานที่บาดเจ็บตามที่จ่ายจริงไม่เกินคนละ 300,000 บาท ส่วนกรณีเสียชีวิต จ่ายค่าทำศพ 30,000 บาท โดยทายาทได้ค่าชดเชย ร้อยละ 60 ของค่าจ้างงวดสุดท้ายเป็นเวลา 8 ปี และกรณีนี้บาดเจ็บขณะปฏิบัติทำงานจะเข้าสู่การดูแลของกองทุนเงินทดแทน ส่วนคนที่เป็นผู้ประกันตน แต่ไม่ทำงานและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วย สปส.จ่ายค่าทำศพรายละ 40,000 บาท

ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และคณะได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุระบุว่า พื้นอาคารที่พังถล่มซ้อนทับกันเป็นขนมชั้นหมายความว่า อาคารพังทลายคราวเดียวกัน ไม่ได้เอนไปทางใดทางหนึ่งแสดงว่าไม่สามารถรับน้ำหนักตัวเองได้อาจเกิดอะไรขึ้นด้านบนทำให้เสาหรือพื้นพังและทำให้เกิดการพังทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ จากการสังเกตคาดว่ามีการพังลงมาในลักษณะเหมือนขนมชั้นคือ ซ้อนกันไปมาคือพื้นชั้น 6 พังลงมาแต่ยังไม่ทราบว่าฝั่งซ้ายหรือขวาก่อน แล้วค่อยๆไล่ลงมาตามชั้น อาคาร หากมีแรงชนหรือปะทะจากด้านข้าง ตึกจะเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง แต่ลักษณะที่เกิดขึ้นอาจมีการวิบัติจากด้านบน เมื่อเสาต้นหนึ่งวิบัติไปแล้ว พื้นก็วิบัติตาม หรือพื้นอาจวิบัติมาก่อน หรืออาจเกิดจากการเทปูนที่พื้นเสาชั้นล่าง อาจไม่เซตตัว ก็เป็นไปได้

นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) กล่าวอีกว่า ทางวิศวกรรมสถานตั้งสมมติฐานไว้ 3 อย่างคือ 1.การออกแบบถูกต้องหรือไม่ คำนวณ ถูกต้องหรือไม่ ทั้งน้ำหนักของเสา เหล็กในเสาและน้ำหนักของพื้น 2. วัสดุก่อสร้าง อาทิ เหล็ก คอนกรีตได้ มาตรฐานหรือไม่ และ 3.ขั้นตอนการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ เช่น คอนกรีตเมื่อเทแล้วต้องรอให้แห้งก่อนจึงจะสร้างต่อไปได้ เพราะพื้นต้องแบกรับน้ำหนักของชั้นถัดไป ดังนั้นหากพื้นไม่แข็งแรง ขึ้นชั้นต่อไปไม่ได้ เพราะพื้นต้องแบกรับน้ำหนักคนงาน น้ำหนักอุปกรณ์ นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่องเวลาการทำงานด้วย เร่งงานเกินไปไม่ได้ เร่งเรื่องวัสดุได้ แต่เร่งเรื่องคอนกรีตไม่ได้ เพราะต้องรอให้เซตตัวให้ได้ก่อนจึงทำการก่อสร้างต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม จะใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลประมาณ 7 วัน จึงจะสรุปสาเหตุที่ชัดเจนได้

สรุปยอดคนงานที่ประสบเหตุตึกคอนโดมิเนียมถล่มครั้งนี้ เบื้องต้นศพคนงานเสียชีวิตแล้วรวม 5 ศพ คือนางอ้วนกับลูกชาย นายเชษฐา กำภูชาติ และคนงานชายอีก 2 ศพที่เพิ่งพบและยังไม่ทราบชื่อ ส่วนผู้ที่คาดว่ายังถูกฝังใต้ซากยังเหลืออีก 5 คนซึ่งเจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าช่วยเหลือต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาสามารถนำตัวนาย กล้าณรงค์ ปราบภัย คนงานไทย ชาว จ.บุรีรัมย์ ออกมาจากซากอาคารถล่มได้ หลังจากใช้รถแบ็กโฮงัดแผ่นปูนที่ทับร่างออกแล้วนำเครื่องตัดถ่างตัดเหล็กออก ท่ามกลางความดีใจของทีมช่วยเหลือและญาติผู้บาดเจ็บโดยได้รับบาดเจ็บบริเวณลำตัวและช่วงขานำส่ง รพ.ธัญบุรี ภายหลังฝนได้ตกลงมาอย่างหนักไม่สามารถค้นหาต่อไปได้จึงต้องยุติการค้นหาไว้ชั่วคราว

ส่วนกรณีที่ นสพ.ไทยรัฐระบุว่าอาคารก่อสร้างที่พังถล่มลงมาเป็นอาคารก่อสร้างของ "ยูคอนโด" นั้น นายภูมิภัทร พรหมมา กรรมการบริษัท ยูทีลิติี้ แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ยูทีลิติี้ แลนด์ จำกัด เป็นเจ้าของโครงการยูคอนโด แต่อาคารที่เกิดเหตุไม่ใช่ยูคอนโดและไม่เกี่ยวข้องกับยูคอนโดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่าอาคารที่เกิดเหตุคืออาคารก่อสร้างยูเพลสคอนโด ที่รับเหมาก่อสร้างโดยบริษัท ปลูกแปลง จำกัด ไม่เกี่ยวกับยูคอนโดของบริษัท ยูทีลิติี้ แลนด์ จำกัด แต่อย่างใด

ขอบคุณ thairath.co.th
ที่มา [url]http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=38628&page=1[url]

jomlight

เป็นเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นจริงๆ หากโครงสร้างอาคารดี มั่นคง คงไม่เกิดสิ่งแบบนี้
ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน ส.โบยบิน
โอกาสได้รับรายได้เฉลี่ย เดือนละ 20,000 บาทขึ้นไป ในอนาคต
โอกาสรับรายได้ไปตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุการทำงาน
อิสรภาพในการดำเนินชีวิต อิสระในการใช้เวลาร่วมกับครอบครัว
สนใจติดต่อ คุณเอกสิทธิ์ 093-6933932