ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บทความแปล:วิกิลีกค์-นายอภิสิทธิ์ขอแสดงความยินดีปรีดาต่อการก่อการรัฐประหาร

เริ่มโดย ดวงจำปา, 23:37 น. 22 ก.ย 54

ดวงจำปา

อ้างอิง: http://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2011/09/20/wikileaks-abhisit-welcomes-the-coup/

Wikileaks: Abhisit welcomes the coup
Five years after the 2006 coup, this Wikileaks cable of 28 September 2006, featuring Democrat Party leader Abhisit Vejjajiva seems worthy of attention. In it, U.S. Ambassador Ralph Boyce reports on a meeting he had with Abhisit, at Democrat Party headquarters, to discuss politics and the coup.


Abhisit says Sonthi not interested in power
Abhisit began by expressing confidence in coup leader General Sonthi Boonyaratglin's "character," saying that he "was confident Sonthi had not carried out the September 19 coup in order to put himself in a position of power."

Abhisit claimed that he was more "worried that Thaksin loyalists would try reasserting themselves in political life...". He believed that the activities of Thaksin [Shinawatra] loyalists would  "make it difficult for the CDR to restore full civil liberties." He claimed that Thaksin's wife had cash ready and that Thaksin loyalists had burned rural schools a few days earlier.

Abhisit's also wanted the junta to "prosecute corrupt Thaksin administration figures, in order to calm the situation sufficiently to allow full restoration of civil liberties." He asked the U.S. government to supply "the CDR with further information about potential irregularities involved in the RTG's purchase from General Electric of CTX explosives detection equipment."


Abhisit
Abhisit was also described as "bullish" on the probability that "Privy Councilor Surayud Chulanont probably represented the best candidate for interim Prime Minister..." although he also like others, including Democrat Party stalwarts. However, he liked the idea of a former military leader as interim prime minister.

The ambassador and Abhisit apparently agreed on the" importance of the CDR transitioning to a civilian-led government as soon as possible, and doing so in a way that would reassure the international community that the CDR members were not intent on remaining in power." In other words, hoisting Surayud into position, backed by the junta.

One of Abhisit's main concerns was the fact that the ousted Thai Rak Thai Party might remain a political force and he worried that "TRT would be tempted to use the referendum on the next constitution to try to demonstrate popular opposition to the September 19 coup, thereby regaining some political momentum...".

Abhisit seemed to feel that his party had been making ground on TRT, claiming there had been "a 'massive shift' in public perception of the Democrats, who were increasingly seen as having meaningful policies and ideas, caring for the poor, and being responsive to the people's needs." He went on to claim the party could make gains in the north and central region and might even be able to split the vote in the northeast. PPT wonders if he had the exact same thoughts in 2011?

The ambassador commented that:

Abhisit appears to be among the many in Bangkok who see the September 19 coup as a necessary step to rid the country of Thaksin. He did not appear particularly troubled by the current limitations on civil liberties and political party activities, but he clearly anticipated that these would be relaxed in the near future, especially if the CDR were to install an interim Prime Minister capable of controlling the security environment and containing the lingering influence of Thaksin's loyalists.

More significantly, it is clear that Abhisit welcomed the coup as a convenient means to get himself a step closer to the prime ministership by weakening, perhaps destroying his rivals.

None of this is particularly surprising, for if readers go back to media comments Abhisit made at the time of the coup, this account pretty well matches it. Abhisit has shown over a long period that he is no democrat.


บทความโพสต์เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554




แปลโดย: ดวงจำปา

ห้าปีให้หลังจากการก่อการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2549,เคเบิ้ลของวิกิลีกค์ ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งแสดงให้เห็นโดยพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดูเหมือนว่่า มีคุณค่าต่อความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะในเนื้อหาของมันที่ เอกอัครราชฑูต ราล์ฟ บอยซ์ ได้รายงานเกี่ยวกับการประชุมที่เขาได้พบกับนายอภิสิทธิ์ ที่สำนักงานใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อคุยสนทนาในเรื่องของการเมืองและการก่อการรัฐประหาร

นายอภิสิทธิ์ได้เริ่มขึ้นโดยการกล่าวยกย่องความมั่นใจใน "บุคลิกภาพ" ของหัวหน้าผู้ก่อการรัฐประหาร นั่นก็คือ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน โดยกล่าวว่า เขา "มี่ความมั่นใจว่า พลเอกสนธินั้น ไม่ได้ก่อการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน เพื่อที่จะนำให้ตัวเขาเองนั้น ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจได้"

นายอภิสิทธิ์ได้อ้างว่า เขาเองนั้น "มีความวิตกกังวลมากกว่า กับกลุ่มที่มีความจงรักภักดีกับนายกฯ ทักษิณนั้น จะพยายามที่จะกลับหวนคืนเข้ามาสู่ชีวิตทางการเมืองอีก..." เขาเชื่อว่า การกระทำต่างๆ ของ ผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร) นั้น จะ "นำความยุ่งยากมาให้กับ คณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข (คปค) เพื่อที่จะฟื้นฟูเสรีภาพของประชาชนกลับมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ" เขายังอ้างต่ออีกว่า ภรรยาของนายกฯ ทักษิณนั้น มีเงินสดอยู่กับเธอพร้อมแล้ว และ กลุ่มผู้จงรักภักดีต่อนายกฯ ทักษิณนั้น ได้ทำการเผาโรงเรียนหลายแห่งเมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้

นายอภิสิทธิ์ก็ยังต้องการให้ รัฐบาลเผด็จการทหารนั้น "ได้ดำเนินการฟ้องร้องตัวบุคคลที่ก่อการทุจริตคอรัปชั่นเมื่อสมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณเป็นผู้นำของประเทศ เพื่อที่จะนำให้สถานการณ์เข้าไปสู่ความสงบอย่างพอเพียง ต่อการอนุญาติให้ฟื้นฟูเสรีภาพของประชาชนอย่างเต็มภาคภูมิ" เขาได้ถามว่า รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาให้ช่วยจัดส่ง "ข้อมูลกับ คปค มากขึ้นกว่าเก่าในเรื่องของความน่าสงสัยที่อาจจะได้เกิดขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับ การซื้ออุปกรณ์จากบริษัท เจนเนอรัล อิเล็กตรีค เกี่ยวกับ อุปกรณ์ตรวจค้นวัตถุระเบิด CTX"

นายอภิสิทธิ์ยังได้พรรณาต่อไปแบบ "ลุยแหลก" ในเรื่องของความเป็นไปได้ที่ "องคมนตรีพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์นั้น อาจจะได้ถูกเสนอตัวให้เป็นผู้ทีถูกคัดเลือกอย่างเหมาะสมที่สุดต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชั่วคราว...." ถึงแม้ว่า เขาก็ชอบอีกหลายๆ คนด้วย รวมไปถึง อีกหลายๆ คนในพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีความสามารถอย่างเก่งกล้า

ดูเหมือนกับว่า ตัวเอกอัครราชฑูตและนายอภิสิทธิ์นั้น ได้มีความเห็นพ้องต้องกันในเรื่อง ของ"ความสำคัญที่ คปค ได้ทำการเปลี่ยนผ่านอำนาจมาสู่รัฐบาลที่นำโดยฝ่ายพลเรือนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในการกระทำเช่นนี้ ก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับสังคมนานาชาติที่ว่า สมาชิกในกลุ่มของ คปค เอง ไม่มีความตั้งใจที่จะคงเรืองอยู่ในอำนาจ" ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ได้ชักตัวพลเอกสุรยุทธขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สนับสนุนโดยฝ่ายเผด็จการทหารนั่นเอง

ปัญหาหนักเรื่องหนึ่งที่เป็นที่วิตกกังวลของนายอภิสิทธิ์ก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า พรรคไทยรักไทยที่ถูกขับไล่ออกไปนั้น อาจจะยังคงมีอำนาจอยู่ในทางการเมือง และเขาก็ห่วงว่า "พรรคไทยรักไทยจะชักจูงให้มีการใช้การลงประชามติในรัฐธรรมนูญฉบับหน้า เพื่อพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงการทำคะแนนนิยมด้วยการคัดค้านต่อการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน เพื่อการฟื้นกลับคืนเข้ามาสู่แรงผลักดันทางการเมืองอีก...."

นายอภิสิทธิ์ดูเหมือนมีความรู้สึกว่า พรรคของเขานั้นได้เริ่มตีคะแนนสร้างความนิยมให้ขึ้นมาเทียบกับพรรคไทย โดยอ้างว่า ได้มี 'การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่' ในทัศนคติของทางฝ่ายสาธาณะชนที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยการเพิ่มพูนต่อความเห็นที่ว่า มีนโยบายและความคิดที่มีความหมายสำคัญต่อประชาชน รวมไปถึงการเอาใจใส่ดูแลคนยากคนจน และ ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทันท่วงที" เขาก็ยังกล่าวอ้างต่อไปว่า พรรคของเขานั้นจะทำคะแนนนิยม ขึ้นมาในทางภาคเหนือและภาคกลาง และอาจจะถึงกับแบ่งครึ่งในคะแนนเสียงของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย เวปของ PPT เองก็ยังสงสัยอยู่ว่า เขามี่ความคิดเห็นอย่างแน่ชัดเแบบนี้หรือเปล่าในปี พ.ศ. 2554?

เอกอัครราชฑูตได้แสดงความคิดเห็นต่อไปว่า:

นายอภิสิทธิ์เองก็ดูเหมือนกับประชาชนในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ซึ่งเห็นว่า การกระทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายนนั้น เป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการกำจัดนายกฯ ทักษิณออกไปนอกประเทศ เขาดูเหมือนกับว่าไม่ได้มีปัญหาความยุ่งยากใจอย่างเฉพาะเจาะจงในการควบคุมจำกัดต่อสถานการณ์ในเรื่องเสรีภาพของพลเมืองและกิจกรรมของพรรคการเมืองในขณะนี้ แต่เขาก็หวังอย่างเห็นได้ชัดว่า เรื่องเหล่านี้ ควรที่จะมีการผ่อนผันลงมาในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า คปค เอง มีความสามารถจัดการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีชั่วคราวเสียก่อน ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ในเรื่องความมั่นคงของประเทศและสามารถจำกัดอิทธิพลที่ยังเกาะกุมอยู่โดยฝ่ายผู้จงรักภักดีกับนายกฯ ทักษิณ

เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมกกว่า ซึ่งเห็นได้ชัด ก็คือ นายอภิสิทธิ์นั้น ได้ยินดีปรีดาต่อการกระทำรัฐประหารว่าเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เพื่อจะนำตัวเขาเอง ใกล้เข้ามากว่าเก่าอีกหนึ่งขั้นต่อตำแหน่งของการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยการทำให้คู่แข่งทางการเมืองของเขานั้นได้อ่อนแอลง หรืออาจจะถึงกับทำลายมันลงไปด้วย

เรื่องที่กล่าวมาแล้วทุกอย่าง ไม่ได้มีความแปลกใจอะไรเลย ถ้าท่านผู้อ่านได้ย้อนกลับไปถึง การแสดงความคิดเห็นของนายอภิสิทธิ์ที่ให้กับทางฝ่ายสื่อมวลชนในสมัยของการกระทำรัฐประหาร การลำดับเหตุการณ์รายละเอียดนั้น เข้าชุดกันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม นายอภิสิทธิ์เองก็ได้แสดงตัวเขาเองให้เห็นมาอย่างยาวนานแล้วว่า ตัวเขานั้น ไม่ใช่ผู้ที่มีความเชื่อมั่นต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (เหมือนตามที่เขาได้ใช้ชื่อของพรรคว่า "ประชาธิปไตย") เลยแม้แต่เพียงนิดเดียว



ความคิดเห็นของผู้แปล:

บทความนี้ เป็นบทความสำคัญต่อการ "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น" ซึ่งเราได้เห็นนายอภิสิทธิ์เอง ได้กล่าวต่อเอกอัครราชฑูตบอยซ์ ซึ่งกลายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำรัฐประหารอย่างลับๆ จากการ lobby โดยฝ่ายอำมาตย์ อย่างที่เคยแปลไว้ใน วิกิลีกค์ ฉบับเก่าๆ

สิ่งที่ดิฉันแปลกใจก็คือ การกระทำของตัวเอกอัครราชฑูตบอยซ์เอง ซึ่งเป็น "ผู้ไปเยี่ยม" ถึงสำนักงานใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่การทำรัฐประหารเพิ่งจะจบลงได้ประมาณอาทิตย์เดียวเท่านั้นเอง แสดงว่า พรรคการเมืองนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อทางฝ่ายสหรัฐอเมริกา รวมไปถึง การให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยนักป้อนข้อมูล นายสุเทพ เทือกสุบรรณด้วย

นายอภิสิทธิ์เล่นตามบททุกอย่าง ด้วยการกล่าวหาในเรื่องของ การทุจริตคอรัปชั่นโดยฝ่ายรัฐบาลเก่า แต่สิ่งที่น่าแปลกใจต่อดิฉันในบทความนี้ ก็คือ ไม่มีการกล่าวหาใดๆ ต่อนายกฯ ทักษิณ เกี่ยวกับเรื่องการหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักของการกระทำรัฐประหาร นายอภิสิทธิ์ ไปห่วงอยู่กับคะแนนความนิยมของพรรคตนเอง มากกว่าเรื่องการหมิ่นฯ นะคะ

เหมือนกับที่ทางเวป PPT ได้กล่าวไว้ว่า การที่นายอภิสิทธิ์ไปโม้กับ เอกอัครราชฑูตบอยซ์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 นั้นว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมเพิ่มมาขึ้น เนื่องจากนโยบายและการช่วยเหลือคนยากจน แต่ทำไมพรรคตนเองถึงพ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนของท่านสมัคร สุนทรเวช เมื่อปลายปี พ.ศ. 2550 ล่ะ? ทั้งๆ ที่ตนเองบอกว่า คะแนนความนิยมกำลังตีตื่นขึ้นมา นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความโกหกตอแหลที่ตนเองมี และใช้อยู่อย่างประจำทีเดียว

การที่นายอภิสิทธิ์ยกยอ พลเอกสุรยุทธ นั้น ก็คือ การเปิดทางให้กับตัวเขาด้วย เพราะเขาก็รู้ว่า ไม่มีทางที่พรรคของตนเองจะชนะการเลือกตั้ง ก็ต้องใช้วิธีประจบสอพลอกับบุคคลผู้มีอำนาจ เพื่อจะได้นำตนเองขึ้นมาสู่เวทีทางการเมืองให้ได้

การเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ก็ยังมีมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน เคเบิ้ลฉบับนี้ ได้เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 ปีนี้ ก็ ปี พ.ศ. 2554 เป็นไงคะ วิธีสกปรก ก็ยังติดอยู่กับพรรคนี้ ประชาชนเขาจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างคะ?

สำหรับความคิดเห็นของดิฉันนั้น บุคคลที่ควรจะถูกต่อว่ามากที่สุด คือ ตัวเอกอัครราชฑูตบอยซ์เอง ในการเขียนเคเบิ้ลให้กับทางฝ่ายรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างมีอคติทุกอย่างกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยการอ้างอิงว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่นั้น เห็นด้วยกับการกระทำรัฐประหาร การเขียนเคเบิ้ลอย่างนี้ แสดงถึงภาพพจน์ที่ว่า กรุงเทพฯ คือประเทศไทย เอกอัครราชฑูตบอยซ์ ไม่กล้าเขียนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นด้วยกับการกระทำรัฐประหาร เพราะความหมายจะเปลี่ยนแปลง จากดำเป็นขาว และ ขาวเป็นดำโดยทันที ดิฉันคิดว่า จะได้รับการต่อต้านเป็นอย่างยิ่งกับทางวอชิงตันด้วย

เมื่อแปลบทความจากวิกิลีกค์คราใด ก็ยังอดห่วงไม่ได้ที่จะต้องเตือนรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ให้กระทำการสื่อสารกับคณะฑูตานุฑูตอย่างดีที่สุด ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะไปหาข้อมูลจากฝ่ายตรงข้ามทันที เรื่องนี้ แท้จริงแล้ว มันโยงไปถึงฝ่ายรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะจะต้องเป็นผู้แถลงข่าวและออกข่าวให้กับรัฐบาลนานาชาติเขาทราบถึง ฐานะ, สถานการณ์และสภาพทางการเมืองของรัฐบาลในปัจจุบัน

ประเทศอื่นๆ เขารอรับฟังข่าวสารจากฝ่าย รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ เพราะมันเกี่ยวกับนโยบายและความเชื่อมั่นในการลงทุนกับประเทศไทยในอนาคตนะคะ

ถ้าตัวรัฐมนตรียังอยู่เฉยๆ หรือเงียบๆ อย่างนี้ อีกสักพัก ดิฉันก็คงจะต้องเขียนบทความแรงๆ เสียหน่อย เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องเสื่้อแดง ไม่ใช่กับพรรคเพื่อไทยค่ะ เพราะการนำบุคคลที่ขาดคุณสมบัติมาปฎิบัติงานนั้น มันเป็นผลร้ายอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ ถ้าดิฉันเป็นพลเมืองของประเทศไทย ดิฉันจะเลือกการช่วยเหลือกับประเทศชาติก่อนพรรคเพื่อไทยค่ะ เราต้องคิดกันอย่างนี้ การยึดถือตัวบุคคลและกับพรรคการเมืองจะหมดไป เราจะไปพิจารณากันทางนโยบาย เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติในอนาคตสืบต่อไป

ขอบคุณค่ะ

ดวงจำปา

คนชั้นบน

คนคิดเป็นที่พอมีความรู้และฐานะปานกลางขึ้นไป ถึงไม่ชอบรัฐประหารแต่ส่วนใหญ่เห็นด้วย เพราะยังจำเป็นสำหรับสังคมไทย ปล่อยนานไปพวกไพร่ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ กำลังตกเป็นเครื่องมือของคนชั่วบ้าอำนาจ กฏหมายบ้านเมืองถูกครอบงำโดยเงินและม็อบถ่อยเถื่อน พวกนี้จะ"เหิมเกริมหนักขึ้นทุกวัน"ขืนปล่อยไว้จะอันตรายต่อบ้านเมืองครับ

ปชปหัวก้าวหน้า

อ้างจาก: คนชั้นบน เมื่อ 06:42 น.  23 ก.ย 54
คนคิดเป็นที่พอมีความรู้และฐานะปานกลางขึ้นไป ถึงไม่ชอบรัฐประหารแต่ส่วนใหญ่เห็นด้วย เพราะยังจำเป็นสำหรับสังคมไทย ปล่อยนานไปพวกไพร่ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ กำลังตกเป็นเครื่องมือของคนชั่วบ้าอำนาจ กฏหมายบ้านเมืองถูกครอบงำโดยเงินและม็อบถ่อยเถื่อน พวกนี้จะ"เหิมเกริมหนักขึ้นทุกวัน"ขืนปล่อยไว้จะอันตรายต่อบ้านเมืองครับ

ผม..รู้ว่า..คุณ ไม่ชอบรัฐประหาร แต่ที่..คุณ อ้างว่า ยังจำเป็นนั้นนะ แท้ที่จริงแล้ว คุณ..เป็นคนไม่มีอุคมการณ์ ไม่มีหลักยึด ไม่สนวิธีการ ขอให้ตัวเองชนะไว้ก่อน เทพเจ้า "ชวน" ว่าอย่างไร ก็ว่าตามนั้น ผม...ขอบอกว่า กลุ่มพวก...คุณ นั่นแหละโดน...นายชวน นายอภิสิทธิ์ นายเทพเมือก หลอก

คุณ...นึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาดิ ประเด็นไหนบ้างที่เข้าหลักการ ตอแหลทั้งเพ แล้ว...คุณ xxx เชื่อเป็นตุเป็นตะ อีก โอ้พระเจ้า สมองและจิตวิญญาน...คุณ หายไปไหน xxx  ขี้เลื่อยจิงๆ ถ้า...คุณ เลือกข้างโดยไม่มีหลักยึด ไม่มีหลักเกณท์แล้วละก็ มันไม่ต่างกับ นายสีตาสา ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แ่ต่อาจต่างกัีนตรงที่หมึงมีวัตถุมากกว่า ก็แค่นั้น

คุณาพร.

  ^

  ^

  ^

  ^
  วิจารณ์ได้ครับ  ไม่เห็นด้วยได้ครับ...............เเต่กรุณาใช้คำสุภาพด้วยนะเออ   ส.สู้ๆ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

เชียร์อีก1

แต่ที่แน่ๆพวกที่เรียกตัวเองว่าไพร่คือตัวถ่วงความเจริญของชาติ เป็นทาสคารมนายทุนโฉดชั่วที่หวังยึดครองประเทศ เมื่อกฏหมายถูกควบคุมไม่ให้ใช้บังคับคนเหล่านี้ได้ ทางเดียวที่จะช่วยกอบกู้ประเทศได้คือ..ต้องรัฐประหาร หลังจากนั้นค่อยแสดงเจตนารมย์ที่ดีด้วยการระดมสมองคนดีมานับ1ให้ประเทศกันใหม่

ปชป.จ๋า

ทุกคนมีสิทธิ์จะเลือกข้าง ต่างมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ใช่ใครเห็นต่างคือศัตรูต้องตามล้างผลาญ นั่นมันความคิดของคนชั้นต่ำนะครับ อ่านออกเขียนได้พิมพ์เป็น ต้องคิดเป็นด้วยสิ 55

Mr.No


อ้างจาก: คุณาพร. เมื่อ 16:16 น.  26 ก.ย 54
  ^

  ^

  ^

  ^
  วิจารณ์ได้ครับ  ไม่เห็นด้วยได้ครับ...............เเต่กรุณาใช้คำสุภาพด้วยนะเออ   ส.สู้ๆ

ขำ ท่านคุณาพร ... ส.หัว  คุณพี่แกเล่นแก้คำหยาบซะ จากกระทู้ดุดัน กลายเป็นหวานแต๋วแบบนี้ เจ้าของกระทู้เค้ามิเคืองเอาหน้าดำหน้าเขียว เชียวหรือครับ.. ส.หัว ส.หัว
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

wachi29

บอกหน่อยเถอะ เสื้อแดงกับโจรก่อการร้ายในสามจังหวัดมันต่างกันตรงไหน

คลองแห ม.4

ตอบคุณwachi29
ใส่เสื้อสีต่างกัน แต่จิตใจต่ำขี้ขลาดลอบกัดนิยมความรุนแรง...เหมือนกัน ห้ามถามซ้ำนะครัับ 555

คุณาพร.

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 21:37 น.  26 ก.ย 54
ขำ ท่านคุณาพร ... ส.หัว  คุณพี่แกเล่นแก้คำหยาบซะ จากกระทู้ดุดัน กลายเป็นหวานแต๋วแบบนี้ เจ้าของกระทู้เค้ามิเคืองเอาหน้าดำหน้าเขียว เชียวหรือครับ.. ส.หัว ส.หัว

  ^

  ^

  ^

  ตามกฎครับ  กระทู้ไหนมีคำหยาบมากๆก็ต้องเเก้ไขครับ  เเต่ถ้าผิดกติกามากเกินไป  ลบ  สถานเดียวครับ ^ _ ^ 

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

otomo

 บรรพบุรุษเสียเลือดเนื้อมาเพื่อที่จะให้ได้ประชาธิปไตยมาโดยการเลือกตั้ง  พอเลือกตั้งเสร็จฝ่ายตรงข้ามก็ไม่พอใจ

จึงเลยก่อม๊อป ประท้วง และจบด้วยรัฐประหาร (ถ้าไม่มีใครออกมาทำรัฐประหาร ม๊อปก็จะไม่เลิกประท้วง )

           ดังนั้นฝ่ายไดได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ผมมักจะเลือกฝ่ายนั้นๆ  โดยไม่ต้องมีการจ้างวานหรือหาเสียง




 
                                                                  ฝากให้พี่น้องคิดกันสักหีดทีครับ

ปชปหัวก้าวหน้า

เปิดใจ 'แอนดรูว์ เอ็ม มาร์แชล' ทำไมลาออกรอยเตอร์หันมารายงาน 'ความลับ' ในการเมืองไทย

http://www.prachatai.com/journal/2011/06/35633

จับฉ่าย

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 21:37 น.  26 ก.ย 54
ขำ ท่านคุณาพร ... ส.หัว  คุณพี่แกเล่นแก้คำหยาบซะ จากกระทู้ดุดัน กลายเป็นหวานแต๋วแบบนี้ เจ้าของกระทู้เค้ามิเคืองเอาหน้าดำหน้าเขียว เชียวหรือครับ.. ส.หัว ส.หัว

ธรรมดาก็แต๋วแตกง่ายอยู่แล้วนี่ครับ เจอแย้งกระทู้หน่อย ก็ขึ้นกึงขึ้นมู ส.หัว