กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ  ที่ปรึกษาสำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ  กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การสำรวจการสูบบุหรี่ในผู้ใหญ่ระดับโลกให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ  เมื่อวันที่ 26 กันยายน  ณ โรงแรมทีเคพาเลซ ว่า ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นประเทศต้นแบบประเทศเดียวในการสำรวจพฤติกรรมการใช้ยาสูบด้วยมาตรฐานโลก รอบที่สอง 

โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 10 ล้านบาทจากมูลนิธิศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา  และ 1 ล้านบาทจากองค์การอนามัยโลก  โดย สสส. และกรมควบคุมโรคจัดงบประมาณสมทบอีก 4 ล้านบาท  รวมเป็น 15 ล้านบาท  การสำรวจนี้เป็นการสำรวจโดยใช้แบบสำรวจมาตรฐานเดียวทั่วโลก  เพื่อติดตามความคืบหน้าการควบคุมยาสูบของ 174 ประเทศภาคี  ที่ร่วมลงนามในอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก 

โดยในการสำรวจครั้งแรกพร้อมกัน 15 ประเทศทั่วโลก  เมื่อ พ.ศ.2552  ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่รายงานผลการสำรวจเสร็จเผยแพร่แก่ประชาคมโลก  ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกาจึงเลือกประเทศไทยเพียงประเทศเดียวในการสำรวจรอบที่สอง  เพื่อสรุปบทเรียนและแนวทางสำหรับสนับสนุนประเทศอื่น ๆ ต่อไป
           
ดร.ศรัณญา  เบญจกุล  นักวิชาการสำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ หัวหน้าโครงการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่า  การสำรวจครั้งนี้ได้เพิ่มคำถามเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ยาเส้น  รวมถึงค่าใช้จ่าย  ซึ่งมีคนไทยสูบบุหรี่ยาเส้นกว่าหกล้านคน  เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับประกอบการกำหนดนโยบาย  เนื่องจากภาษียาเส้นที่ต่ำมาก และซองบุหรี่ยาเส้นส่วนใหญ่ไม่มีคำเตือนสุขภาพ  ทำให้ผู้สูบบุหรี่ยาเส้นเข้าใจผิดว่ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่โรงงาน  ทำให้ไม่คิดที่จะเลิกสูบ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของชายไทยยังสูงถึง 45%  และมีผู้สูบบุหรี่ 12 ล้านคน  ในการสำรวจครั้งก่อน

ด้านนายแพทย์นพพร  ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการสำรวจครั้งที่หนึ่ง เมื่อ พ.ศ.2552  มูลนิธิศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนงบประมาณ 19  ล้านบาทให้แก่ประเทศไทยโดยเป็นเงินที่นายไมเคิล  บลูมเบิร์ก  เศรษฐีชาวอเมริกาที่บริจาคเงินรวม 375 ล้านดอลลาร์ในเวลา 5 ปี 

สำหรับสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาที่มีจำนวนผู้สูบบุหรี่เกิน 10 ล้านคน  เพื่อการควบคุมยาสูบ  โดยนายบลูมเบิร์กเห็นว่า  การลงทุนควบคุมยาสูบให้ผลตอบแทนโดยสามารถช่วยชีวิตคนได้มากที่สุดกว่าการบริจาคช่วยด้านอื่น ๆ  มูลนิธิบลูมเบิร์กยังได้สนับสนุนเงิน 21 ล้านบาทให้แก่กระทรวงสาธารณสุขไทย สำหรับการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ระหว่าง พ.ศ.2551-2553 ด้วย เพื่อให้ไทยเป็นต้นแบบการคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาอื่น