ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ต้นยางพาราจ๋า อย่าร้องไห้...

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 13:43 น. 13 พ.ย 57

ทีมงานประชาสัมพันธ์

ต้นยางพาราจ๋า อย่าร้องไห้...

พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ นำยางพาราจากมาเลเซียมาปลูกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ในปี พ.ศ.2442 นอกจากพื้นที่อำเภอกันตังแล้ว พบต้นยางพาราขนาดใหญ่ ที่ยังมีลมหายใจจนถึงปัจจุบัน ในอำเภออื่นๆ ของจังหวัดตรังด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านป่าเขาบรรทัด ที่บ้านตระ อำเภอปะเหลียน และบ้านทับเขือ-ปลักหมู อำเภอนาโยง
ต้นยางพาราในภาพ อยู่ที่บ้านตระ อำเภอปะเหลียน ชาวบ้านตระบอกว่ายางพาราต้นนี้ไม่ใช่ต้นแรกที่ปลูกที่นี่ ส่วนต้นแรกที่ปลูกก่อน และโตกว่านี้ได้ตายจากไปแล้ว อย่างไรก็ตาม แค่ต้นยางพารารุ่นสองก็แก่กว่าคุณยายในรูปเสียอีก มันเป็นพยานยืนยันความเก่าแก่ของหมู่บ้านได้ แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่สนใจ !!!


คนใต้ทำสวนยางพารามานานหลายรุ่นแล้ว ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ และได้ขยายไปยังภาคอื่นๆ ยางพาราเป็นแชมป์สินค้าเกษตรที่ทำรายได้อันดับหนึ่งของไทย ประเทศไทยครองแชมป์ผู้ปลูกยางพาราอันดับหนึ่งของโลก พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ท่านคงภูมิใจ แต่ท่านอาจเจ็บปวดไปกับชาวสวนยาง ที่อยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชาวสวนยางชั้นสอง ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ นอกจากเผชิญกับปัญหาราคายางพาราตกต่ำแล้ว ต้องลุ้นกันบ่อยๆ ว่าต้นยางพาราของฉันจะถูกตัดฟันก่อนกำหนดไหม จะได้คดีความเป็นโบนัสหรือเปล่า

เมื่อต้นยางพารา ที่เป็นไม้ยืนต้น มีอายุ 25-30 ปี ก็จะให้น้ำยางน้อยลงมาก จำเป็นต้องตัดโค่นเพื่อปลูกใหม่ทดแทน พอโค่นแล้ว ป่ายาง หรือสวนสมรม ที่มีไม้ยืนต้น (ยางพารา ไม้ผล ไม้ใช้สอย) พืชล้มลุก ผสมกับพืชคลุมดิน ก็จะถูกมองว่าเป็นการบุกรุกป่าใหม่ทันที แล้วเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็จะมาจับกุมดำเนินคดีอาญา บางรายก็ถูกเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วย หากมีการปลูกต้นยางพาราใหม่ทดแทนแล้วก็จะมาตัดฟันให้ โดยคิดค่าบริการแบบบังคับ

มาถึงยุครัฐบาลทหาร มีการสานต่อภารกิจ "ทวงคืนผืนป่า" โดยอยู่ภายใต้คำสั่ง คสช. ที่ 64 ที่ให้หลายหน่วยงานสนธิกำลังปราบปรามผู้บุกรุกป่าอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีหากมีการแยกแยะระหว่างผู้บุกรุกป่าตัวจริง กับชุมชนดั้งเดิม ที่รักษาป่า แต่ปัญหาคือทหารมักไม่เป็นกลาง เลือกข้างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่ทะเลาะกับคนบ้านป่ามาหลายยุคสมัย แม้จะมีคำสั่ง คสช. ที่ 66 ตามมาว่า "การดำเนินการใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ทำดินทำกิน ซึ่งได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมนั้นๆ ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ยกเว้นผู้ที่บุกรุกใหม่" แต่ปัญหายังคงมีอยู่ เพราะหน่วยงานต่างๆ ตีความคำว่าบุกรุกใหม่ตามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เมื่อโค่นต้นยางพาราเพื่อปลูกใหม่ทดแทน ก็เท่ากับบุกรุกป่า

ผลสืบเนื่องจากคำสั่ง คสช. ที่ 64 กอ.รมน. และกระทรวงทรัพยากรฯ ได้จัดทำแผนแม่บททรัพยากรป่าไม้ ซึ่งอนุมัติโดย คสช. มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่า อย่างน้อย 40% หรือ 128 ล้านไร่ ภายใน 10 ปี แล้วรัฐจะเอาพื้นที่ตรงไหนมาได้มากมายขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่พื้นที่ทำกิน และที่อยู่อาศัยของคนบ้านป่า

เราจึงเห็นภาพทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อภารกิจที่เรียกว่า "ทวงคืนผืนป่า" แต่กลับปล่อยให้ผู้บุกรุกป่าตัวจริง โดยเฉพาะนายทุนจำนวนมากลอยนวล ทั้งนี้ กอ.รมน. นายหนึ่งได้เปิดเผยถึงสาเหตุหนึ่งที่จัดการนายทุนไม่ได้ว่า "ที่อุทยานฯ สิรินาถ เป็นลูกหนี้ธนาคาร 50,000 ล้านบาท เลยจัดการนายทุนไม่ได้ กลัวธนาคารล้ม เลยต้องจัดการปลาซิวปลาสร้อย" แต่หากชาวบ้านล้มละลายก็ช่างหัวมัน ใช่ไหม ???

จากปัญหาการจัดการป่าไม้ที่ดินที่ผิดพลาด ได้ส่งผลให้คนบ้านป่าเดือดร้อนทั่วประเทศ มีการจับกุมดำเนินคดี รื้อถอนพืชผลอาสินคนบ้านป่าอย่างมากมาย ส่งผลให้พี่น้องภาคเหนือนั่งอยู่ไม่ติด ต้องออกมา "เดินก้าวแลก" เพื่อ "หยุดแผนแม่บทป่าไม้ฯ หนุนกฎหมาย (ที่ดิน) 4 ฉบับ" จะถูกจับก็ไม่หวั่น ต้องแลกกัน เพื่อสิทธิเสรีภาพ
สำหรับเราชาวใต้ก็นั่งอยู่ไม่ติดเช่นกัน เราก็จะเดินก้าวแลก ในแบบของเรา

ขอบคุณข้อมูลดีๆ ที่มาจาก เฟสบุ๊คคุณ ฮาริ บัณฑิตา

แมวคราว

ชาวบ้านผู้ยากไร้บางคนก็อ้างความจนบุกรุกป่า เพื่อยึดทำประโยชน์รวมตัวกันยึดที่ป่า บังคับให้รัฐถอนสภาพป่าไม้ และออก สปก. ให้ผู้บุกรุก ตัวอย่างมีทั่วประเทศ เอาใกล้ๆ ที่เคยไปสัมผัสก็กระบี่ กับสุราษฎร์ธานี ส.ยักคิ้ว
นายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าถาวรตอนนี้ก็ยังนั่งอยู่ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ ส.หลกจริง