กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

ศูนย์ข่าวบ้านเรา - ก.พลังงานใส่เกียร์เต็มสูบ เดินหน้าทำตามแผนลดใช้พลังงาน พร้อมทั้งมอบแนวทางสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจและยอมรับก่อนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสงขลา – กระบี่ ชี้ถ่านหินจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ

นายสุชาลี สุมามาลย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงแนวทางการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดกระบี่ รวมทั้งการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน (ADEPX ) ว่า ตราบใดที่ประชาชนยังไม่ยอมรับ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในกระบี่ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้ ในขณะนี้การดำเนินการเป็นไปตามแผน PDP ฉบับเดิม เพื่อทดแทนการผลิตไฟฟ้าจากเดิมที่ใช้น้ำมันเตาซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อช่วยด้านความมั่นคง เนื่องจากสามารถใช้ได้อีก 185 ปี อีกทั้งเป็นเชื้อเพลิงที่ราคาถูกทำให้ภาระค่าไฟที่ประชาชนต้องแบกรับมีแนวโน้มถูกลง

สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลานั้น ผมมองว่าเนื่องเศรษฐกิจขาลงส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง อนาคตประมาณการณ์ไว้อีก 20 ปีข้างหน้าคือ 6,000 เมกะวัตต์ แต่ปัจจุบันมีศักยภาพในการผลิตอยู่ที่ 2,800 เมกะวัตต์ แสดงให้เห็นว่าหากภาคใต้จะเลี้ยงตัวเองให้พอเพียงภาคใต้ต้องมีโรงไฟฟ้าของตนเองที่มีกำลังผลิต 3,200 เมกะวัตต์ ซึ่งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่กระบี่และ อ.เทพา จ.สงขลา ก็เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในแผนที่กำหนด แต่อย่างไรก็ตามแผนเหล่านี้ก็ต้องถูกนำไปกำหนดใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ออกมา"

"อยากให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งผู้ที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่อื่นด้วย มิใช่มองเพียงจังหวัดของตนเองเท่านั้น จังหวัดที่ไม่ได้สร้างแต่ใช้ไฟจากจังหวัดอื่นมาหล่อเลี้ยง ขณะนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของพื้นที่และเชื้อเพลิงในพื้นที่นั้น การสร้างโรงไฟฟ้าต้องอยู่ในพื้นที่ที่สามารถขนส่งเชื้อเพลิงได้สะดวก จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมความเห็น หาทางออกที่เหมาะสมควรไปในทิศทางไหน เพื่อให้ประเทศอยู่รอดและเติบโตในอนาคต"


ประเทศในอาเซียนใช้ถ่านหินมากกว่าไทย
"ปัจจุบันไทยใช้ถ่านหินอยู่ 19% โดยมีเป้าหมายการใช้อยู่ที่ 20 -25% ขณะที่ มาเลเซีย 42% อินโดนีเซีย 59% และฟิลิปปินส์ 47% แม้ว่าประเทศอื่นอาจจะมีแนวโน้มการใช้ลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศเรามีทางเลือกมากน้อยแค่ไหน ต้องบอกตามตรงว่าไม่มีถ่านหินสะอาด แต่มีเทคโนโลยีและกระบวนการจัดการระบบที่ควบคุมได้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ผู้เกี่ยวข้องต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจนด้วย อีกประเด็นที่เป็นปัญหาของกระบี่คือเรื่องการขนส่ง ต้องดูว่าทำอย่างไรถึงจะไปในทิศทางเดียวกันได้"


การสร้างโรงไฟฟ้าอย่ามองเป็นเพียงปัจเจกจังหวัด
"หลายจังหวัดอาจมองว่าการใช้ไฟฟ้าในจังหวัดตนเองเพียงจังหวัดเดียวนั้นเพียงพอ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าในจังหวัดของตนเองนั้นไม่มีความจำเป็น จึงเกิดปัญหาการต่อต้านขึ้นมาในพื้นที่ ดังนั้นทางภาครัฐควรสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง

การผลักดันพลังงานทดแทน เป็นเป้าหมายหลักของแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก จึงต้องสำรวจศักยภาพของทั้งประเทศว่า 1.ภาคไหนหรือจังหวัดไหนมีศักยภาพอะไรบ้าง 2.ระบบสายส่งรองรับได้หรือไม่ โดยทางกระทรวงพร้อมผลักดัน 100% แต่ต้องพิจารณาอีกครั้งเกี่ยวกับระบบสายส่งว่ารองรับข้อจำกัดต่างๆได้หรือไม่ เท่าไหร่ ในช่วงแรกอาจพบปัญหาและข้อจำกัดทำให้การผลิตกระแสไฟฟ้ายังน้อย แต่เมื่อวางแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกแล้วนั้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตต้องมีสายส่งที่มารองรับศักยภาพนี้ชัดเจนแน่นอน

ทั้งนี้ สนพ. ระบุในแผนชัดเจนทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาวในการดำเนินการ ในอดีตนั้นเคยอนุมัติทำเรื่องนี้แต่ไม่ได้สำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม ทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าไม่เป็นผล ส่งผลให้อุปกรณ์เกิดความเสียหาย แต่ตอนนี้จะตรวจสอบระบบสายส่งให้สอดคล้องกับศักยภาพ ทำให้ปัญหาเหล่านี้จะไม่มี ซึ่งจะมีคณะทำงานปรึกษาร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวง  และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาทำงานร่วมกัน"


สนพ.พร้อมลุยนโยบายลดใช้พลังงาน100%
"แผนในปีนี้กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดพลังงานอันดับแรก ที่ผ่านมาทางกระทรวงมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้านั้น มีการต่อต้านค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อแสดงให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันได้นั้น ต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจริงจังในเรื่องการประหยัดพลังงาน เพราะฉะนั้นในแผนอนุรักษ์พลังงาน (ADEP) ได้กำหนดในแผนตามศักยภาพที่ทำได้เต็มที่ แผนฉบับนี้ตั้งเป้าว่าต้องทำให้ได้ตามแผนที่วางไว้ 100% ซึ่งต่างจากเดิมที่เคยตั้งเป้าที่ทำตามแผนเพียง 20% ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก โดยทาง สนพ. ได้เดินสายเต็มที่เพื่อพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือด้วย ถึงแม้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน รอง..มองว่า ไม่มีผลต่อการใช้กระแสไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากเดิมใช้คอมพิวเตอร์แต่ปัจจุบันใช้โทรศัพท์มือถือ และสมาร์ทโฟนมากขึ้น มองกลับกันคิดว่าน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม"

"แม้ว่าจะมีแผนในการอนุรักษ์พลังงานในส่วนของอาคาร บ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม แต่ยังคงต้องการให้ด้านประชาชนพยายามตระหนักในการใช้พลังงาน แม้ว่าราคาเชื้อเพลิงจะลดลงก็ควรควบคุมการใช้หรือใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่าใช้ฟุ่มเฟือย อยากให้ทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงาน"