กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

ที่มา.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com

กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-หลัง ครม.มีมติให้แก้กฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งเคยมีการศึกษาข้อมูลพบว่า มีรายได้หลายพันล้านบาทต่อปี และรัฐก็มองว่าเป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่ง จึงควรจะมีการจัดเก็บภาษี ในขณะที่ผู้ที่เกี่ยวข้องมองว่า จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และสุดท้ายภาระอาจไปตกอยู่กับผู้ปกครอง

อาคารวรรณสรณ์ ที่ตั้งอยู่กลางแยกพญาไท เป็นแหล่งรวมของโรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง อาทิ เคมีอาจารย์อุ๊ ดาว้องก์ อ.ปิง สอนภาษาไทย เอ็นคอนเซปต์ โดยครูพี่แนน สอนภาษาอังกฤษ หรือแอฟพลายฟิสิกส์ สอนวิชาฟิสิกส์ และอีกหลายสถาบันกวดวิชารวมกันมากกว่า 20 แห่ง โรงเรียนกวดวิชาเป็นที่นิยมของนักเรียน ม.ต้น และ ม.ปลาย กว่า 400,000 คน เพราะเน้นการสอนสนุก สรุปเทคนิคการคิดให้เข้าใจง่าย ฝึกวิเคราะห์ข้อสอบที่ใช้ได้จริง

ที่ผ่านมาธุรกิจโรงเรียนกวดวิชามีรายได้ปีละ 6,000-7,000 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิที่โรงเรียนได้รับ ไม่เคยต้องเสียภาษีตาม พ.ร.บ.การศึกษาเอกชนปี 2550 ที่ยกเว้นให้ และไม่ได้บังคับให้ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ทำให้โรงเรียนกวดวิชาเกือบทั้งหมดเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดา เก็บจากรายได้ของครูผู้สอนเท่านั้น ล่าสุด เมื่อวานนี้ ครม.มีมติเห็นชอบจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลกับโรงเรียนกวดวิชา เพื่อเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะหารายได้เข้ารัฐ

หลัง ครม.เห็นชอบให้เก็บภาษีกวดวิชา ที่มีลักษณะเป็นธุรกิจ ซึ่งจะดำเนินการเก็บจากกำไร ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเก็บได้มากกว่าปีละ 1,200 ล้านบาท การปรับแก้กฎหมายครั้งนี้ จะเน้นแก้ไขสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเสนอเป็นกฎหมาย 5 ฉบับ กำหนดให้ รร.จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ

นายกสมาคมผู้บริหารและครูโรงเรียนกวดวิชาบอกว่า ที่ผ่านมากฎหมายกำหนดให้ธุรกิจกวดวิชามีกำไรได้ไม่เกินร้อยละ 20 อยู่แล้ว และโรงเรียนกวดวิชาในระบบเกือบทั้งหมดไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ซึ่งหากมีกฎหมายใหม่ ก็ต้องมีการปรับรูปแบบดำเนินงาน มีระบบการจัดทำบัญชีแบบนิติบุคคล ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุน และกังวลว่าหากสรรพากรคิดภาษีเต็มรูปแบบก็จะรวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7 เข้าไปด้วย ภาระจะตกไปอยู่ที่ผู้ปกครองนักเรียน

ผู้ปกครองท่านหนึ่งเห็นด้วยที่จะจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา เพื่อช่วยรัฐหารายได้ แม้จะกระทบกับค่าเรียนที่สูงขึ้น ทุกวันนี้จ่ายค่ากวดวิชาให้ลูกเทอมละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท แต่เชื่อว่าการแข่งขันของธุรกิจกวดวิชา คงไม่ทำให้ราคาที่จ่ายสูงเพิ่มมากนัก

โรงเรียนกวดวิชามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในกรุงเทพฯ มีมากกว่า 500 แห่ง ตัวอย่างค่าเรียน ถ้าสอนสดชั่วโมงละ 70-80 บาท ถ้าเป็นวิดีโอเหลือ ชม.ละ 40-50 บาท แต่ที่สอนนอกระบบสูงถึง ชม. ละ 250 บาท สมาคมโรงเรียนกวดวิชาตั้งข้อสังเกตว่า รัฐเลือกจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาที่อยู่ในระบบ แต่ที่มีเปิดสอนนอกระบบ หรือกลุ่มติวเติอร์อิสระ และมีค่าเรียนสูงกว่าโรงเรียนในระบบ คาดว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่ง กลับไม่มีการเข้าไปควบคุม