ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

พบแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงยา 30 หลุม บนยอดเขาเเก้วชายแดนไทย-มาเลเซีย

เริ่มโดย JaY_SoniC, 18:57 น. 01 พ.ค 58

JaY_SoniC

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ค. 58 กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง นำโดย พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา รวมทั้งตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ กำลังทหารร้อย ร.5021 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา ตำรวจกองปราบปราม ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และเจ้าหน้าที่กู้ภัย รวมกว่า 100 นาย ทั้งในพื้นที่ อ.สะเดา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้เข้าพื้นที่ตรวจสอบแคมป์ที่พักชาวโรฮิงญา ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแก้ว บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจากสันปันน้ำฝั่งรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 300 เมตร

โดยลักษณะยังเป็นป่าดิบ และมีการเปิดพื้นที่ตั้งแคมป์ที่พักชั่วคราวประมาณ 2 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด 39 หลัง แยกเป็นโรงนอน 26 หลัง ที่เหลือเป็นโรงครัว ที่อาบน้ำ ห้องน้ำ รวมทั้งหอคอยสังเกตการณ์ ซึ่งลักษณะเป็นแคมป์เก่าถูกสร้างมานาน ขณะที่บางหลังเหลือเพียงแต่โครงไม้เท่านั้น โดยห่างจากแคมป์ออกไปประมาณ 50 เมตร พบว่า ถูกแผ้วถางสำหรับใช้เป็นสุสานฝังศพเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แบบเดียวกับหลุมฝังศพของชาวมุสลิม ซึ่งมีการนำไม้และปลูกต้นไม้ปักไว้บนหัวและท้ายหลุมฝังศพ เพื่อเป็นเครื่องหมาย ซึ่งมีทั้งหลุมใหม่และเก่าประมาณ 30 หลุม และยังพบคันหามศพที่สร้างแบบง่ายๆ โดยใช้กระสอบมาขึงกับไม้วางตั้งอยู่ด้วย

หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในแคมป์ยังพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ภายในแคมป์ 1 ราย เป็นเพศชาย ทราบชื่อ คือ นายคู ตันซา ซึ่งนอนล้มป่วยอยู่ภายในแคมป์ รวมทั้งชายวัยกลางคนอีก 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ได้เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานทั้งเสื้อผ้าและเครื่องใช้ที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในแคมป์ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานประกอบการสอบสวน

ทั้งนี้หลังเจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่บริเวณโดยรอบแล้วเสร็จ ทางหน่วยกู้ภัยได้ทำการขุดหลุมศพจำนวน 5 หลุม แต่พบศพเพียง 4 ศพ ซึ่งลักษณะศพที่พบเสียชีวิตมานานหลายวัน และเริ่มเน่า ส่วนหลุมศพมีทั้งขุดลึกลงไปตั้งแต่ความลึกระดับหัวเข่า  1 เมตร และ 2 เมตร และต้องยุติการขุดชั่วคราว เพราะ เกรงว่าอาจจะทำลายหลักฐาน โดยต้องรอให้เจ้าหน้าที่นิติเวชเข้าตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลก่อน ส่วนศพทั้ง 4 ศพ ได้ส่งไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อรอการพิสูจน์

พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบหลุมฝังศพจำนวน 30 หลุม ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามีศพอยู่ทั้งหมดกี่ศพ และต้องมีการขุดศพขึ้นมาตรวจพิสูจน์ถึงสาเหตุการตาย โดยได้ประสานไปยังฝ่ายนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุการตายน่าจะมาจากอาการป่วย หรือสภาพร่างกายอ่อนแอ ระหว่างที่ถูกนำมาพักอยู่ที่แคมป์ เพื่อรอการส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากลักษณะเป็นแคมป์เก่าห่างจากฝั่งรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เพียง 300 เมตร เท่านั้น และเป็นเพียงแคมป์เดียวในบริเวณนี้ หลังจากที่ทหารออกลาดตระเวนก็ไม่พบชาวโรงฮิงยาเพิ่มเติม โดยเป็นการนำมาพักไว้ชั่วคราวก่อนส่งไปยังประเทศที่ 3 ส่วนในทางคดีเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนในรายละเอียดของที่มาที่ไปของชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ รวมทั้งกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้ามา

ด้าน พล.ต.ต.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนในเชิงลึกของขบวนการนำชาวโรฮิงยาเข้ามาในพื้นที่ จ.สงขลา พบว่า มีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ แต่เป็นลักษณะของการนำเข้ามา และกักตัวไว้ชั่วคราว เพื่อรอส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว โดยแคมป์ที่พบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นของกลุ่มใด
/////