ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โดนแล้ว! อาจารย์ชา พระโพสต์เลือดเป็นพระธาตุ ชาวบ้านไล่พ้นวัด

เริ่มโดย หาดใหญ่ใหม่, 11:16 น. 22 ก.ค 58

หาดใหญ่ใหม่

โดย ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/513215

ชาวบ้านที่นครศรีธรรมราชทนไม่ไหวไล่พ้นวัดไปแล้ว พระฉาวที่โพสต์โชว์เลือดเป็นพระธาตุ แฉตั้งแต่มาอยู่มีแต่เรื่องอื้อฉาว สร้างแต่ความเสื่อมเสีย พฤติกรรมวิปริตพิสดารให้คนมาปฏิบัติธรรมกับม้า พยายามยื้อขออยู่ถึงสิ้นปีแต่ชาวบ้านไม่ยอม...

จากกรณีมีผู้โพสต์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นภาพพระ ระบุว่าชื่อพระอาจารย์ชาศีรษะแตก แล้วเลือดที่ออกกลายเป็นผลึกซึ่งเชื่อว่าเป็นพระธาตุ ต่อมามีการระบุอีกว่าเหงื่อของพระที่ออกมาก็มีลักษณะเป็นเกล็ด ผู้สื่อข่าวตามไปพบพระรูปนี้ มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัด อยู่ที่อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

ล่าสุด ได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เมื่อ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 21 ก.ค.58 ว่า มีชาวบ้านชุมนุมประท้วงและมีเหตุชุลมุนวุ่นวายขึ้น ที่วัดวังหอมพุทธาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดวังหอน หมู่ 5 ต.วังอ่าง อ.ชะอวด จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ศิริพร ช่วยคุ้ม รองผกก.สส. นำกำลังตำรวจรุดไปยังวัดดังกล่าว


พบว่าภายในวัดมีชาวบ้านประมาณ 500 คน รวมตัวกันอยู่ ส่วนหนึ่งปิดล้อมด้านนอก ส่วนหนึ่งเข้ารื้อคอกม้าที่สร้างเอาไว้ข้างเมรุของวัด โดยช่วยกันรื้อไม้ที่สร้างเป็นคอกออกทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ปรากฏว่ากลับตึงเครียดหนักขึ้น พ.ต.อ.ธรรมนูญจึงได้ประสานไปยัง พ.ท.นุกูล ดำสุวรรณ ผบ.ร้อย สห.มทบ.41 ส่งกำลังสารวัตรทหารมาร่วมควบคุมสถานการณ์

จากการสอบถามทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ชาวบ้านนำโดยนายดิเรก หนูสาย นายก อบต.วังอ่าง นายสานิตย์ เอื้อบำรุงเกียรติ กำนัน ต.วังอ่าง และนายชัยรัตน์ เทพจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 วังอ่าง นำชาวบ้านเดินทางมารวมตัวและปิดล้อมวัด เรียกร้องให้พระอนานันท์ ญาณธนะโชติ หรือพระอาจารย์ชา หรือหลวงพ่อชา อายุ 39 ปี เจ้าอาวาสไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากประชาชนในพื้นที่หมดศรัทธา

ต่อมานายสว่าง กัณฑ์อุไร ปลัดอำเภออาวุโส อ.ชะอวด ได้รับรายงานเหตุ จึงพร้อมด้วยพระอธิการพ่วง จิรธรรมชิโก อายุ 68 ปี เจ้าอาวาสวัดห้วยแหน เจ้าคณะตำบล เดินทางมาเจรจาไกล่เกลี่ย

นายชัยรัตน์ เทพจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.วังอ่าง หนึ่งในแกนนำชาวบ้านกล่าวว่า ตั้งแต่พระอาจารย์ชามาจำวัดและเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดแห่งนี้ ได้สร้างความเสื่อมเสียมาสู่วัด มาสู่หมู่บ้าน และท้องถิ่นโดยตลอด เพราะมีพฤติกรรมอวดอุตริ อ้างว่าระลึกชาติได้ มีญาณวิเศษติดต่อกับเทพเจ้าต่างๆ เทวดา วิญญาณ หรือภูตผีปิศาจได้ พยายามชักชวนประชาชนที่ไม่ใช่คนในท้องถิ่น มาทำบุญ มานั่งวิปัสสนาแบบแปลกประหลาด จนทางคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีมติตัดพระรูปนี้ออกจากการเป็นพระในปกครองไปเมื่อปีที่แล้ว แต่พระรูปนี้กลับหาได้สำนึก ปรับปรุงตน หรือเลิกละพฤติกรรมดังกล่าว ยังสร้างเรื่องไม่หยุด ยังมีพฤติกรรมฉาวโฉ่เรื่อยมา

"ล่าสุดได้ให้คนใกล้ชิดเผยแพร่ภาพและเรื่องราวที่อ้างว่า พระอาจารย์ชาเหงื่อไหลออกมากลายเป็นพระธาตุ เป็นเกล็ดแก้ว เมื่อมีบาดแผล เลือดที่ไหลออกมาก็กลายเป็นพระธาตุหรือเกล็ดแก้วเช่นเดียวกัน มีคนที่งมงายหลงเชื่อพากันเดินทางมาทำบุญมาบริจาคเงิน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ชาวบ้านหมดความอดทน จึงรวมตัวกันมาขับไล่พระรูปนี้ ให้ออกไปเสียจากวัดแห่งนี้ ภายในวันนี้" ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

ขณะที่พระอนานันท์ กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้เป็นผู้กระทำ ภาพและข้อมูลต่างๆ ที่มีการโพสต์และแชร์กันทางอินเทอร์เน็ต เป็นญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธาถ่ายภาพไว้และนำไปเผยแพร่ การชุมนุมขับไล่ตน เกิดจากฝ่ายที่ไม่พอใจเป็นการส่วนตัวมานาน ยุยงชาวบ้านมาขับไล่ อย่างไรก็ตาม ตนขอเวลาจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าให้เสร็จสิ้น หรือแล้วเสร็จ จากนั้นจะย้ายไปจำวัดที่อื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสว่าง กัณฑ์อุไร ปลัดอำเภออาวุโสพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อให้มีการรอมชอมของทั้งสองฝ่าย แต่ปรากฏว่าฝ่ายตัวแทนชาวบ้านยังยืนกราน ให้พระอนานันท์ย้ายออกไปจากวัดภายในวันนี้ ในขณะที่ฝ่ายพระ พยายามต่อรองขอเวลาอีก 4 เดือน ตัวแทนชาวบ้านและชาวบ้านก็ไม่ยินยอม ต่อมาฝ่ายพระขอเวลาอีก 2 เดือน ชาวบ้านก็ปฏิเสธอีก

จนที่สุด ฝ่ายพระขอเวลาจนถึงสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้งานเทศน์มหาชาติที่กำหนดจัดงานวันที่ 25 ก.ค.นี้ ได้แล้วเสร็จลุล่วงไป แต่ปรากฏว่าชาวบ้านยังไม่ยอมรับข้อเสนอ และสถานการณ์ตึงเครียดหนักขึ้น เมื่อชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันเฮโล ไปรื้อคอกม้าของวัด โดยระบุว่า มีการนำม้ามาให้ชาวบ้านต่างถิ่นปฏิบัติธรรมกับม้าแบบพิสดาร ไม่ใช่วิธีการบำเพ็ญเพียรหรือวิปัสสนาตามแนวทางของศาสนาพุทธ กระทั่งทางปลัดอำเภอตัดสินใจแจ้งตำรวจ นำกำลังร่วมกับทหารเข้าระงับเหตุและควบคุมสถานการณ์

ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. ทางฝ่ายพระอนานันท์ ได้ยินยอมที่จะย้ายออกจากวัดในคืนนี้ โดยจะไปจำวัดที่วัดห้วยแหน ซึ่งเป็นวัดที่เจ้าคณะตำบลจำพรรษาอยู่เป็นการชั่วคราว ขณะรายงานข่าวชาวบ้านยังปิดล้อมวัด เพื่อรอให้พระรูปนี้เก็บข้าวของและเดินทางออกจากวัดไป.
หาดใหญ่ใหม่ www.facebook.com/hatyaimai
เมืองหลวงภาคใต้ หลากหลายเรื่องราว บอกเล่าแบ่งปัน

@โคกเหม็ดชุน..จัง

 ส.โกรธอย่างแรงศึกษาพระธรรมวินัยเเค่พระบวชใหม่ศึกษานักธรรมตรีก็รู้เเล้วว่าพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้อย่างไร

...ปาราชิก มี ๔ อย่าง  คือ เสพเมถุน ๑, ลักของเขา ๑, ฆ่ามนุษย์ ๑, และ อวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน ๑


พี่หลวงเม้ง

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเปิดกว้าง สอนให้มองคนในแง่ดี พวกมิจฉาชีพเลยได้โอกาสเข้ามาหาประโยชน์โดยไม่สนใจว่าจะทำให้ศาสนาพุทธมัวหมองแค่ไหน
สมัยก่อนคนที่จะบวชเป็นพระในบวรพุทธศาสนา(เล่าไว้หลายครั้ง)ต้องตั้งใจจริงที่จะเป็นพระ แล้วค่อยพยายาม คือมีศรัทธาในศาสนาพุทธอย่างแรงกล้า ต้องบวชให้ได้ แต่ขบวนการไม่ใช่นึกจะบวชก็โกนหัวห่มเหลืองได้ทันที..ซะเมื่อไหร่? เมื่อตั้งใจจริงหรือมีศรัทธาแล้ว ก็ต้องพยายาม คือเริ่มจากเข้าวัดศึกษาชีวิตความเป็นพระ(ถือศิล227) หัดท่องบทสวดมนต์แล้วทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ตื่นเช้าต้องทำอะไร?  สายๆทำอะไร? ชีวิตพระวันๆทำอะไร? ศีล227ข้อปฏิบัติได้ครบถ้วนแค่ไหน? ฯลฯ
บางคนตั้งใจจะบวชแน่นอนแล้ว แต่พอไปอยู่วัดได้ไม่ถึงเดือนยอมแพ้ รู้ตัวว่าไม่สามารถเป็นพระได้ วัตรปฏิบัติมันดีเกินกว่าตนจะถือปฏิบัติได้ ขืนบวชทำพรรษาแตก ทำให้ญาติพี่น้องต้องขายหน้า และอาจจะทำให้พระศาสนาต้องมัวหมองไปด้วย
แต่ปัจจุบันนี้ คนที่โกนหัวห่มผ้าเหลืองส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นะไม่ใช่ทุกคน
บวชแก้บน
บวชเพราะหาเงินง่าย
บวชหนีคดี
บวชเพื่อจุดประสงค์ร้าย(ดูหมอ ฟันสาว ขายเครื่องลาง อวดอุตริและหลอกลวงฯลฯ)
แถมยังมีพวกต่างด้าวที่อาศัยความใจกว้างของชาวพุทธแอบแฝงห่มผ้าเหลืองเข้ามาหากิน ตราบใดที่ยังมีคนไทยที่งมงายและปัญญาอ่อน(ส่วนมากเป็นผู้หญิง) เห็นพระไม่ได้ต้องเข้าหา ปรึกษาโน่นนี่นั่น หมดเงินและเสียตัว ไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วน พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ก็ยังเดินหน้าทำลายศาสนาพุทธต่อไป