ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ร้อนแรง! ‘ปรัชญา’ กะเทาะเปลือกหนังไทยและความเสียใจจากชายชื่อ ‘จา’

เริ่มโดย หาดใหญ่ใหม่, 15:21 น. 02 ก.ย 58

หาดใหญ่ใหม่

ร้อนแรง! 'ปรัชญา' กะเทาะเปลือกหนังไทยและความเสียใจจากชายชื่อ 'จา'
โดย ไทยรัฐออนไลน์

[attach=1]
ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์ที่สร้างผลงานดีๆ ให้กับวงการหนังไทยมามากมาย โดยเฉพาะผลงานมาสเตอร์พีซ องค์บาก ที่แจ้งเกิดดารานักบู๊ชื่อดัง จา พนม ยีรัมย์ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสสนทนากับ ปรัชญา กับเรื่องราวชีวิตและมุมคิดที่เขามีต่อวงการหนังไทย "คนไม่ดูหนังไทย หรือหนังไทยไม่น่าดู" ประเด็นน่าคิดกับวิกฤติหนังไทยตกต่ำในช่วงนี้ พร้อมเรื่องราวที่ลงเอยด้วยความเสียใจระหว่างเขาและ จา พนม...

ปรัชญา ปิ่นแก้ว กับจุดเริ่มต้นในวงการภาพยนตร์

ปรัชญา ปิ่นแก้ว เรียนสถาปัตย์ แต่ชอบทำหนัง ตั้งแต่เรียนจบมา เขาไม่ได้แตะงานสถาปนิกเลย เพราะรู้ตัวแล้วว่าชอบอะไร เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ "ทำหนัง"

"เรียนจบผมก็ใส่เลยทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้มีโอกาสมาทำหนัง ผมเริ่มจากมิวสิกวิดีโอที่อาร์เอส เริ่มที่อาร์เอสตั้งแต่ปี 2530-2531 ได้ทำมิวสิกวิดีโอให้อิทธิ พลางกูร อริสมันต์ และอีกหลายๆ คนอยู่กับอาร์เอส 9 ปี ก็ไปอยู่ที่แกรมมี่อีก 3 ปี" ปรัชญา ย้อนความหลังในจุดเริ่มต้นงานการกำกับให้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ฟัง

จากผู้กำกับมิวสิกวิดีโอผันมาเป็นผู้กำกับหนังได้อย่างไรหลายคนคงตั้งคำถาม "ยุคที่ผมมาทำมิวสิกวิดีโอตอนนั้นหนังไทยอยู่ในยุคที่ตกมากๆ สมัยผมเด็กหนังไทยมีเป็น 100 เรื่องต่อปี แต่ช่วงที่ผมอยู่อาร์เอส หนังไทยปีนึงเหลือ 1-2 เรื่อง ยุคนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ผมอยากทำหนังมากก็ตั้งเป้าอยากไปเสนอหนังกับทางไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จึงเข้าไปคุยกับเฮียฮ้อ แต่เฮียบอกว่าทำกับอาร์เอสสิ พอเฮียเปิดโอกาสผมก็ลุย ช่วงนั้นไฟแรง ไม่มีอะไรยากสำหรับผมเลย ทำหนังกับอาร์เอสอยู่สองเรื่อง ร้องต๊ะแล่บแปล๊บ กับเกิดอีกทีต้องมีเธอ"

จากอาร์เอส สู่แกรมมี่และสหมงคลฟิล์ม

ภาพยนตร์เรื่องแรกภายใต้การกำกับของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ประสบความสำเร็จอย่างมาก รองต๊ะแล่บแปล๊บ คือจุดกำเนิดของดาราเด็กอย่าง ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง ก่อนที่ปรัชญาจะตอกย้ำความสำเร็จกับ เกิดอีกทีต้องมีเธอ ซึ่งนี่คือภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเขาที่ทำกับอาร์เอส ก่อนจะมาอยู่กับค่ายฝั่งตรงข้ามอย่าง "แกรมมี่" ด้วยเหตุเพราะอยากจะออกมาลุยทำหนังเต็มที่

"ตอนนั้นด้วยความไฟแรง เราไม่เข้าใจว่าทำหนังอย่างเดียวเราอยู่ไม่ได้ เรามีแต่ความต้องการจะทำหนังจึงลาออกจากอาร์เอสด้วยความอิ่มตัว จับพลัดจับผลูเจอเพื่อนชวนมาทำแกรมมี่ แต่ว่า 3 ปีในแกรมมี่ การเคลื่อนไหวในการทำภาพยนตร์ช้ามากเลยไม่ได้สักเรื่อง แต่ได้โปรเจกต์สำคัญมา เพราะคุยกับอากู๋ไว้หลายโปรเจกต์ หนึ่งในนั้นก็คือ 'องค์บาก' แต่ว่าทุกอย่างไม่ลงตัว จนสุดท้ายเอาองค์บากมาคุยกับเสี่ยเจี่ยง"

ความภูมิใจใน 'องค์บาก' และความเสียใจกับ 'จา พนม'

ปรัชญา เปิดเผยว่าความคิดการจะทำหนังเรื่อง องค์บาก มาพร้อมกับการได้เจอสตันท์แมนที่ชื่อ "จา พนม" ทันทีที่เห็นเขาตัดสินใจจะปั้นสตันท์โนเนมคนนี้เป็นดารานักบู๊คนใหม่ประดับวงการหนังไทยให้ได้!

ก้าวแรกของ จา กับองค์บาก

หลังจาก ปรัชญา มีโอกาสได้คุยกับ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ในปี 2543 หลังจากนั้น 3 ปี องค์บากก็ได้ออกฉาย

"ทุกอย่างเร็วมากครับ ถ้าได้คุยกับเสี่ยเจียงเรื่องหนังจะสนุกมาก คุยกับอาร์เอสจะเป็นเรื่องเพลงแต่บังเอิญเฮียฮ้อชอบหนังมากก็เลยยังพอคุยสนุกบ้าง แต่พอมาคุยกับแกรมมี่มีแต่เพลง เรื่องหนังเหมือนคุยคนละภาษากัน ผมว่า เสี่ยเจียง นี่ละคนหนังเลยจริงๆ"

ตอนนั้นมองไว้มั้ยว่า องค์บาก จะประสบความสำเร็จในไทยขนาดนี้ เราถาม ปรัชญา "องค์บากถือเป็นหนังไทยยุคแรกๆ ที่นำเสนอศิลปะการต่อสู้แบบไทยๆ จริงๆ แล้วในยุคนั้นถ้าพูดคำว่ามวยไทย จะทำหนังเกี่ยวกับมวยไทยไม่มีใครสนใจหรอก แต่เรารู้ว่ามันต้องย่อยยังไง ปรับปรุงเติมสีสันยังไงคนถึงจะชอบ ผมจึงเชื่อว่าต้องสำเร็จ และมั่นใจว่าไปต่างประเทศก็สำเร็จ เพราะว่าเราหาข้อมูลแล้วรู้ว่าเกี่ยวกับมวยไทยต่างชาติชอบ"

ทำไม องค์บาก ต้อง จา พนม?

"จริงๆ ตอนแรกผมจะทำหนังแอ็กชั่นเรื่องหนึ่ง ยังไม่ได้เป็นองค์บาก หวังให้เป็นแอ็กชั่นสไตล์ไทยๆ บางคนจะติดภาพว่าหนังแอ็กชั่นต้องแพง ต้องดูเป็นฮอลลีวูด แต่เราจะทำแบบโลว์บัดเจ็ต ล้อตัวเอง เช่นหนังฝรั่งเขาเอารถแพงๆ เราเอาตุ๊กๆ มาวิ่ง อารมณ์ประมาณนี้ ผมจึงไปดึงคุณพันนา ฤทธิไกร มาร่วมงาน คุณพันนาก็แนะนำให้รู้จัก จา พนม จนทำให้ผมได้รู้ในความสามารถที่ จา พนมมี ใส่ความเป็นไทย ต่อสู้แบบไทยๆ เข้าไปเพราะตอนแรกจาเขาเป็นลักษณะกังฟูแนวฮ่องกง และให้เขาเรียนการแสดง จนทุกอย่างเริ่มลงตัว"

จากวินาทีนั้น โปรเจกต์ องค์บาก เริ่มนับหนึ่งก้าวแรก ก่อนจะโด่งดังจนเป็นหนังไทยที่ติดทำเนียบหนังแอ็กชั่น 101 เรื่องที่ควรดู ส่งให้ชื่อของ จา พนม กลายเป็นดารานักบู๊ระดับอินเตอร์ แต่ใครจะรู้เลยว่าสุดท้ายทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นแห่งจุดจบในความสัมพันธ์ของทุกคนที่เริ่มก่อตั้งโปรเจกต์ องค์บาก กับ "จา พนม"

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ถาม ปรัชญา ปิ่นแก้ว ว่าเสียใจหรือไม่จุดจบครั้งนี้

"เสียใจครับ เสียใจไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัวนะ แต่เสียใจเพราะผมมองว่าคนที่มีส่วนร่วมกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคุณพันนา คุณจา ผม รวมทั้งเสี่ยเจียง เราน่าจะไปให้ไกลที่สุดด้วยกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เราคิดอยู่แล้วว่ามันจะมีทางไปยังไงให้สุด แต่สุดท้ายก็เกิดความเข้าใจผิดกัน มีปัญหานู่นนี่เข้ามา อย่างที่ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่

ถ้าถามว่าเคยคิดมั้ยว่าสักวันต้องมีเรื่องนี้อย่างนี้เข้ามา เอาตรงๆ ผมไม่คิด เพราะผมทำงานกับคุณพันนามาจนเป็นเพื่อนสนิทกัน คุณพันนาเป็นคนดีมากๆ เขามีศิษย์และจาคือลูกศิษย์ที่รักคุณพันนามาก ผมมีความเชื่อว่าอาจารย์เป็นอย่างนี้ศิษย์ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ แต่กลายเป็นว่าผมคิดผิด คนเราเวลามีสิ่งมากระทบทำให้กลายเป็นอย่างอื่นกันทั้งนั้นแหละ แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้

แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผ่านช่วงนั้นไปแล้ว ช่วงนั้นเสียใจมาก เสียใจจนเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องธรรมดา ผู้กำกับทุกคนเป็นนักเผชิญปัญหา เวลาออกกองเราเจอปัญหา ผมสนุกกับการแก้ปัญหา ผมท้าทายมันด้วยซ้ำว่าขอปัญหายากๆ กว่านี้หน่อยได้มั้ย แล้วก็เจอยากมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นพอเจอปัญหาอย่างนี้แป๊บเดียวผมก็จัดการกับตัวเองได้แล้ว ผมจึงรู้สึกเฉยๆ แล้ว"

อ่านต่อทั้งหมดได้ที่ http://www.thairath.co.th/content/520526
หาดใหญ่ใหม่ www.facebook.com/hatyaimai
เมืองหลวงภาคใต้ หลากหลายเรื่องราว บอกเล่าแบ่งปัน