ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ชาร้อนตอนเช้า - เรื่องเล่ารถไฟในอดีต

เริ่มโดย กิมหยง, 10:30 น. 26 พ.ย 58

กิมหยง

       เช้าสดใสหลังวันลอยกระทง หลังจากเสร็จภาระกิจยามเช้าก็แวะเยี่ยมเยียนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดกิมหยง ก่อนที่จะปรับปรุงแล้วกระตุ้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่ง วันนี้แวะอุดหนุดลองชิมช้าร้อนไข่ลวก พร้อมเกาเหลาเลือดหมู+ข้าวสวย ในระหว่างนั่งทาน ก็มีลุงคนหนึ่งเดินงอกเง็ก ๆ เข้ามาร่วมโต๊ะด้วย ตอนแรกนึกว่าแกจะเป็นชาวจีนมาเลย์ซะอีก ที่ไหนได้ ซัดใต้มาเลย หรอยจริง 

      ด้วยพรสวรรค์ด้านเมตตาการผูกมิตรไมตรีกับผู้คน ก็เลยเริ่มสนทนาทักทายลุง จนทราบว่าลุงมาจากชายแดนใต้ในเขตพื้นที่สีแดง ถ้าจำไม่ผิดลุงน่าจะมาจากยะหริ่งครับ มารักษาอาการต่อมลูกหมากอักเสบ ที่ ม.อ. ก็ได้คุยเรื่องโน้นนี่หมดทุกเรื่อง แต่ติดใจประเด็นรถไฟไทยในอดีตครับ ลุงท่านเล่าอย่างถึงอรรถรสเห็นภาพลอยตามมาเลย

      ลุงเล่าว่า เมื่อก่อนนั้นรถไฟจะวิ่งจากกรุงเทพมาถึงหาดใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ยิ่งไปจนสุดประเทศเหมือนปัจจุบัน เมื่อมาถึงหาดใหญ่แล้ว จะต่อไปยัง 3 จังหวัด ก็ต้องสอบถามว่าจะมีรถวิ่งไปวันไหนบ้าง ซึ่งช่วงนั้นรถจะวิ่งประมาณ 7 วันครั้ง จึงทำให้การเดินทางไปมานั้นลำบากมาก เพราะช่วงนั้นไม่ได้มีรถยนต์แพร่หลายเหมือนปัจจุบัน จะสัญจรไปมาก็ต้องใช้รถไฟเป็นหลัก แถมรถไฟสมัยนั้นเป็นเป็นรถไฟไอน้ำใช้ไม้ฟืนเป็นเชื่อเพลิงต้มน้ำให้ร้อนกลายเป็นไอ เพื่อใช้เป็นพลังในการขับเคลื่อนรถไฟ หลังจากชุมทางหาดใหญ่แล้ว รถไฟจะหยุดแวะเติมน้ำที่สถานีเทพา (ถ้าจำผิดขออภัยด้วย) ลุงท่านบอกว่าปัจจุบันยังคงมีแทงค์น้ำอยู่ที่สถานีรถไฟอยู่เลย หากผ่านไปก็แวะดูได้ ว่าครั้งหนึ่งเป็นแท้งค์น้ำที่ไว้เติมให้รถไฟ

    ลุงบอกว่ามีเรื่องขำ ๆ ของการนั่งรถไฟสมัยนั้น ระหว่างที่นั่งต้องคอยหลบสะเก็ดไฟให้ดี เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เสื้อไหม้หรือเป็นรูได้ ซึ่งจะมีปัญหามากตอนรถไฟเลี้ยวโค้ง หากนั่งเพลิน ๆ ไม่ดูอะไรก็อาจเจอปัญหาเสื้อไหม้ได้ แถมเอาผิดรถไฟไม่ได้ด้วย  5555 ฮาดีครับ  ลุงท่านยังเล่าต่ออีกว่า นอกจากสะเกิดไฟจะเกิดปัญหาเลี้ยวโค้งแล้ว ยังมีเยอะตอนที่รถไฟเปิดวู๊ดปู้น ๆ อีกด้วย อันนี้กระผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าจะมีสะเกิดไฟออกมาทางไหนอย่างไร ท่านบอกว่าพอรถไฟเปิดปู๊ด ๆ ก็ต้องคอยสังเกตุสะเก็ดไฟที่ลอยตามลมกันเอาเอง   นั่งจิตนาการตามที่ลุงบอกทำให้พอนึกภาพบรรยากาศได้ลาง ๆ นั่งรถไฟแนววินเทจ ท่านกลางบรรยากาศ 2 ข้างทาง ที่เป็นธรรมชาติมาก ๆ บนรถน่าจะได้อบอวลไปด้วยกลิ่นควันไม้ฟืน น่าจะนั่งไปลุ้นสะเกิดไฟที่ลอยตามลมมาตลอดทาง

    ลุงยังบอกต่ออีกว่า เนื่องจากรถไฟนาน ๆ วิ่งครั้งหนึ่ง พอเกิดมีใครไม่สบายเจ็บป่วยขึ้นมา ก็ต้องเดินไปเอายังรักษาจากในตัวเมือง วิธีการก็คือเดินตามทางรถไฟ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินข้ามวันข้ามคือกว่าจะเอายารักษามาได้ บางคนที่ป่วยหนัก ๆ ก็ล้มหายตายจากก่อนที่ตัวยาจะมาถึง ลุงบอกว่าเมื่อก่อนการสัญจรลำบากมาก ๆ ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน . . . .

    ก็ได้สนทนากับลุงทางพักหนึ่ง นับเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวในอดีตจากผู้มีประสบการณ์ตรง ผมมองเห็นว่าเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่ามาก กระผมเองก็ไม่ได้ตอบแทนอะไรลุงหรอกครับ แค่ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงน้ำชากาแฟลุง ตอบแทนที่ท่านแบ่งปันประสบการณ์ครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

นายไข่นุ้ย

ส-ดีใจ ส.อ่านหลังสือ ส.ยกน้ิวให้   ขอบคุณครับ....เรื่องเล่าในอดีต ส.โบยบิน
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

w_2005

ชอบฟังเรื่องแบบนี้ครับ ขอบคุณครับ