ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

กลุ่มมิตรผลขยายธุรกิจพลังงานไฟฟ้า เปิดโซลาร์ฟาร์มแห่งแรกที่สุพรรณบุรี

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 17:11 น. 05 เม.ย 59

ทีมงานประชาสัมพันธ์

กลุ่มมิตรผลขยายธุรกิจพลังงานไฟฟ้า เปิดโซลาร์ฟาร์มแห่งแรกที่สุพรรณบุรี พร้อมริเริ่มโครงการปั๊มน้ำจากพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยเกษตรกรไร่อ้อยสู้วิกฤติภัยแล้ง แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน

[attach=1]

กลุ่มมิตรผล ขยายธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากชีวมวลสู่พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการเปิดตัวโครงการผลิตแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือ Solar Farm ขนาด 2 เมกะวัตต์ แห่งแรกที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี  พร้อมเปิดตัวโครงการตัวอย่างการใช้แผงโซล่าร์เป็นแหล่งพลังงาน "ปั๊มน้ำจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water)" เพื่อช่วยเกษตรกรชาวไร่อ้อยรับมือกับปัญหาภัยแล้งรุนแรงครั้งประวัติการณ์ในปีนี้ และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคตอย่างยั่งยืน

นายประวิทย์ ประกฤตศรี ประธานเจ้าที่กลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า "กลุ่มมิตรผล มีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด From Waste to Value หรือการพัฒนาสิ่งที่เหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเริ่มต้นจากการก่อตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่นำเอาชานอ้อยที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาเป็นเชื้อเพลิง ต่อมาได้พัฒนาสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเริ่มจากโครงการโซล่าร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ขนาด 1 เมกะวัตต์ในจังหวัดชัยภูมิ ที่ใช้พื้นที่บนหลังคาอาคารเก็บโมลาสมาติดตั้งแผงผลิตพลังงานไฟฟ้า อันเป็นแนวคิดของการใช้พื้นที่ว่างเปล่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จนมาถึงล่าสุด โครงการโซล่าร์ ฟาร์ม (Solar Farm) ซึ่งเป็นการนำเอาพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำการเกษตร ที่ดินเสื่อมสภาพ หรือ Waste Land มาใช้ประโยชน์ในการติดตั้งแผงโซลาร์ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์"

โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกแบบติดตั้งบนพื้นดินของกลุ่มมิตรผล ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองมะค่าโมง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
ขนาด 2 เมกะวัตต์  ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นเวลา 25 ปี และเริ่มขายไฟฟ้า
ในเดือนมกราคม 2559 โดยโครงการนี้ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 1,500 ตัน/ปี
ซึ่งจากข้อตกลงในเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  ประเทศไทยมีพันธะที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ให้ได้หลายล้านตันต่อปี นับได้ว่าโครงการนี้ได้มีส่วนในการลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย


นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผล ยังมุ่งมั่นที่จะให้โครงการดังกล่าวเป็นศูนย์การเรียนรู้และศึกษาดูงานด้านพลังงานสะอาด ในชุมชน เพื่อให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจ สามารถนำเอาความรู้เรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ ด้านการเกษตร ซึ่งเป็นที่มาของการริเริ่มทำโครงการปั๊มน้ำจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Water ซึ่งเป็นการทำงานควบคู่กันระหว่างแผงโซลาร์แบบติดตั้งบนพื้นดินและปั๊มน้ำ โดยหวังว่าจะช่วยเป็นแหล่งน้ำให้กับชาวไร่อ้อยและเกษตรกรในพื้นที่แล้งน้ำ ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้เกษตรกรได้อย่างยั่งยืน

"จากการคาดการณ์ว่าปีนี้ ประเทศไทยจะประสบปัญหาฝนตกน้อยเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปริมาณสำรองน้ำของเขื่อนทุกแห่งอยู่ในระดับวิกฤติ และพื้นที่เกษตรกรรมหลายแห่งประสบภาวะภัยแล้งต่อเนื่อง รวมถึง อ้อยซึ่งเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี ยังประสบกับปัญหาผลผลิตลดลง กลุ่มมิตรผล จึงได้พัฒนาโครงการปั๊มน้ำ จากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Water ขึ้นโดยผสมผสานกับการใช้ระบบน้ำหยดที่ประหยัดการใช้น้ำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ลดต้นทุนด้านพลังงาน (ค่าน้ำมัน/ค่าไฟ) เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างฐานของระบบการจัดการเกษตรสมัยใหม่ (Modern Farm) อีกหนึ่งทางเลือกของการบริหารจัดการน้ำภายในแปลงเกษตร

ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำไปใช้กับพืชชนิดอื่นๆ ได้  ซึ่งโครงการ Solar Water ของกลุ่มมิตรผล  จะมีจุดเด่นที่การให้บริการครบวงจร  เริ่มตั้งแต่ออกการแบบระบบ บ่อน้ำ แผงโซล่าร์ ปั๊มน้ำ และ ระบบน้ำหยดให้เหมาะกับพื้นที่  การใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ การติดตั้งโดยทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านเกษตร การให้บริการด้านสินเชื่อแบบ Micro finance   และรับประกันการทำงาน เพื่อให้ Solar Water เป็นโครงการตามแนวคิดประชารัฐ ที่ให้ภาคธุรกิจเอกชนช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน" นายประวิทย์กล่าว